[หนีดอย] มุมมองทองคำ ประจำสัปดาห์ วันอาทิตย์ที่ 11 เม.ย. 2021 "หรือว่า...ทองคำจะกลับมาเป็น "ขาขึ้น" อีกครั้ง จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์"

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

หนีดอย

•

11 เม.ย. 2021 เวลา 13:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มุมมองทองคำ ประจำสัปดาห์

วันอาทิตย์ที่ 11 เม.ย. 2021

"หรือว่า...ทองคำจะกลับมาเป็น "ขาขึ้น" อีกครั้ง จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์"

🌟บทความที่ 11 ของมุมมองทองคำประจำสัปดาห์จาก "หนีดอย" สัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าทองคำสามารถยืนเหนือ 1,700 ได้อย่างมั่นคงไม่มีตกลงไปต่ำกว่า 1,700 ครับ (ช่วงระหว่าง 5-9 เม.ย. 2021)

🌟โดยระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ทองคำทำจุดสูงสุดที่ 1,758 USD/Oz. และทำจุดต่ำสุดที่ 1,720 USD/Oz. ราคาผันผวนราวๆ $38 ซึ่งถือว่าผันผวนน้อยครับ โดยล่าสุดราคาทองคำปิดที่ $1,744 ไปเทียบเท่าราคาช่วงมิถุนายนปีที่แล้ว

🌟มุมมองทองคำ ผมขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ

1. ปัจจัยทางเทคนิค

2. ปัจจัยทางพื้นฐาน

เพื่อให้ผู้อ่านใช้ประกอบการตัดสินใจเข้าลงทุนทองคำได้ครับ

#ปัจจัยทางเทคนิค

💭ผมขอเปิดด้วยกราฟระยะเวลาเดือน (Timeframe = month) เพราะเป็นการบอกเทรนที่ดีที่สุด เริ่มจากอดีตเดือนมีนาคม ปี 2012 MACD แสดง Death Cross เส้นสีฟ้าตัดเส้นสีส้มลง (วงกลมสีแดง) แม้ว่าทองราคาจะยังไม่ทิ้งดิ่งมาก แต่ก็ไม่อาจทำจุดสูงสุดใหม่ได้ จนกระทั่งปี 2013 เดือนก.พ. แท่งเทียนหลุดเส้นค่าเฉลี่ย (MA) 25 เดือน (เส้นส้ม) หลังจากนั้นมาราคาทองก็ซึมยาวมาจนถึงปี 2020

💭กลับมาที่ภาพปัจจุบัน ปี 2021 ณ สิ้นเดือนก.พ. MACD แสดง Death Cross อีกครั้ง แต่เป็นการเริ่มตัด จนมาถึงสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่แท่งเทียนยังคงยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย (MA) 25 เดือน เส้นสีส้ม แม้ว่าหากตีเส้นขนาน 2 เส้นตามภาพจะพบว่า ทองคำวิ่งเป็นลักษณะ Downtrend (ขาลง)

💭แล้วแนวรับของทองคำที่อาจจะเป็นลมหายใจสุดท้ายในรอบขาใหญ่รอบนี้ควรอยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับผมแล้วให้ดูที่เส้นค่าเฉลี่ยสีส้มซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ ตามราคาของแท่งเทียนที่เปลี่ยนไป โดยผมมีการลากแนวต้านเส้นสีดำไว้ และ ตี Trend line ตามรูป ซึ่งพอสรุปได้ว่า ทองคำควรรักษาระดับราคาที่ 1660-1680 ไว้ให้ได้ หรืออย่างน้อยหากใช้เส้นค่าเฉลี่ย 25 เดือน สีส้ม ก็ไม่ควรต่ำกว่า 1,650!!! ซึ่งหากหลุดเราอาจจะไปเห็นทองคำที่ระดับราคา 1440-1450 เลยก็ว่าได้ ซึ่งต้องบอกว่าทองคำตอนนี้ยังยืนได้อยู่ครับ

Timeframe : Month (Gold)

💭ดูระดับเดือนแล้ว มาดูระดับวันกันอีกครั้งครับ จะเห็นว่า RSI ทองคำนั้นหลังลงมาต่ำมากระดับ Oversold (RSI < 30 แล้ว) ก็มีแรงซื้อกลับขึ้นมาได้ มาอยู่ที่ราวๆ 52 ครับ ซึ่งบอกถึงโมเมนตัมไปทางขาขึ้นแล้ว นอกจากนี้ MACD เริ่มตัดขึ้นหรือเกิด Golden Cross แล้วไปต่อได้เรื่อยๆ แม้ว่าราคาทองจะยังไม่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1858 ก็ตาม หากเป็นสายนักลงทุนระยะยาว จะมองว่าระดับนี้คือระดับ "น่าทยอยซื้อสะสม" แล้วครับ โดยเฉพาะหากครั้งนี้ทองคำไม่ทำจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,676

💭ใครงงเรื่อง RSI คืออะไรผมทำบทความไว้ให้ว่ามันคืออะไร ดูได้ที่ www.blockdit.com/posts/6016351319b6bf0bb73f780c

Timeframe : Day (Gold)

💭ทองคำมีแนวรับที่สำคัญคือ 1660-1680 โดยมีแนวต้านสำคัญคือ 1760-1800

💭เมื่อเปรียบเทียบกับ US dollar index โดยล่าสุดปิดที่ 92.18 เป็นการปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 93.01 (บ่งบอกว่าดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว)

#ปัจจัยทางพื้นฐาน

💭เนื่องจากทองคำนั้นสัมพันธ์กับ Real Yield (ทองจะลง เมื่อ Real Yield ขึ้น) โดยล่าสุดมีการปรับตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ -0.656% ขณะที่สัปดาห์ก่อนอยู่ที่ -0.651% (หากดูจากกราฟจะเห็นว่าเริ่มดีดขึ้นมาชัดเจนนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทะลุ High เดิม ทรงๆราวนี้ครับ)

💭โดย Real Yield ดูได้จาก U.S. 10 Year TIPS

ซึ่งมีสมการคือ Real yield = Nominal yield - Expected inflation rate

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล - ความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อ

(ข้อมูลจาก www.cnbc.com/quotes/US10YTIP)

💭ข้อมูลถัดมาที่อยากให้ดูคือ การถือครองทองคำย้อนหลังของ SPDR® Gold Shares กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

💭ที่มาข้อมูลจาก traderider.com/forex/spdr-กองทุนทองคำแท่ง/

สำหรับข้อมูลการถือครองของ SPDR Gold Shares (GLD)

💭จะพบว่ามีการลดการถือครองลงมาเป็น 1026.07 ตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วที่ปริมาณ 1,032.83 ตัน โดยทั้งเดือนมกราคมมีการขายออกไป 10.61 ตัน ซึ่งมากกว่าปริมาณการขายในช่วงเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว และเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีขายออกไป 66.59 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเยอะครับ เมื่อเทียบกับสถิติในรูป จากรูปด้านล่างจะเห็นว่ามีการขายทองออกมาทุกเดือนจนเมษายนก็ยังขายอยู่ครับ

ข้อมูลจาก traderider.com

💭นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานต่อมาที่ส่งผลต่อราคาทองคำได้อีกก็มาจาก

1. การไม่พุ่งขึ้นแรงๆของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ที่ตอนนี้อยู่ระดับแถว 1.745% (สัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 1.774% ด้วย) ก่อนจะมาปิดที่ 1.666% ซึ่งถ้า Bond Yield ปรับตัวขึ้นแรงๆ นักลงทุนจะเทขายทองเพราะถือว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำครับ เพราะไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยเหมือนพันธบัตร เลยเป็นแรงกดดันเทขายทอง แต่ช่วงนี้อัตราผลตอบแทนไม่ขึ้นแรงๆ ทองเลยดูไม่เกิดแรงเทขายหนักๆ (งงมั้ยครับ 555)

มาดูภาพกราฟระดับสัปดาห์บ่งบอกว่า เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์อยู่แถวๆ 2.00% โดยประมาณ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่าอาจจะไปแตะถึงได้ หรือทะลุเกิน 2.00% ไปได้ก็มีอีก ซึ่งขอให้จับตาเลขนี้ในช่วงเดือนพฤษภาคม เพราะตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายนจะรายงานช่วงนั้น อาจทำให้มีผลกับ Bond Yield ที่พุ่งขึ้นได้อีก หากเงินเฟ้อทะยานขึ้นมา อย่างไรก็ตาม Bond Yield ยังลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์พุ่งขึ้นสู่ระดับ 744,000 ราย สูงกว่าคาดการณ์ที่ 694,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงสูงกว่าระดับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งไม่เคยสูงเกินระดับ 700,000 ราย

Timeframe : week (US 10Yr Bond yield)

2. ดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มอ่อนค่าลง (เป็นผลดีกับทอง) โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล อยู่ระดับ 92.18 เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ 93.01

💭สรุปโดยภาพรวมจากกราฟเทคนิค และ พื้นฐาน จากกราฟเทคนิครายวันเหมือนลุ้นว่าทองคำอาจไปต่อได้ แม้ว่าหากดูปริมาณ Funds Flow จะยังเป็นการเทขายอยู่ แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์นี้ อาจะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ทองคำมีสิทธิ์ทะยานทะลุ 1760 ได้

💭มุมมองของผมในระยะยาวที่ Fed ยังคงทำ QE จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องที่ 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน และยังไม่มีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2023 มีผลทำให้เงินสกุลดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำในระยะ 2-3 ปีนี้ ที่สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับ 2000 USD/Oz. ได้เป็นอย่างน้อย หรือมากกว่า แม้ช่วงนี้ทองคำจะถูกกดดันอย่างหนักจากปัจจัยข้างต้น (แต่ถ้า FED หยุด QE ก่อนก็เป็นอีกเรื่องนึงนะครับ)

💭โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1730, หรือ 1775 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15% หรือหากใครกังวลว่าสุดท้ายแล้วทองจะลงไปถึง 1,440 USD/Oz. แล้วซึมยาว ก็สามารถรอดูท่าทีของทองคำอีกครั้งได้เช่นกันครับ

💭กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1800, 1840, 1865, 1890, 1900 ครับ ที่พอทยอยขายได้

💭หากอ่านบทความนี้แล้ว ใครที่ต้องการลงทุนทองในกองทุนทองคำ ก็มีอยู่หลายกองครับ จะเป็นแบบ Hedge ค่าเงิน อย่าง SCBGOLDH หรือมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินก็ได้ หรือจะเลือกแบบไม่ Hedge ก็ได้เช่นกันครับ อย่าง SCBGOLD

💭สำหรับคนที่ต้องการลงทุนในกองทุนทองคำที่ไม่ Hedge ค่าเงิน หากเงินบาทอ่อนค่าและราคาทองคำขยับขึ้น ก็เหมือนได้กำไรทั้งค่าเงิน และกำไรส่วนต่างจากราคาทองคำ

💭 กลับกันหากเงินบาทแข็งค่า เราก็จะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนครับ ซึ่งหลังจากไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ และมีนโยบายการค้าที่ดูสนับสนุนเงินทุนไหลเข้าเอเชีย ก็อาจส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก ซึ่ง ณ ที่เขียนบทความ ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ช่วงนี้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า จากเงินดอลลาร์แข็งค่าก่อนหน้านี้)

💭 ผมเลยอยากแนะนำให้เลือกเป็นกองทุนที่ Hedge ค่าเงินมากกว่า แต่สุดท้ายก็แล้วแต่การตัดสินใจครับ ส่วนจะเป็นกองไหนก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้อง SCB เท่านั้นครับ

🌟สรุป "คำถาม-คำตอบ" ที่น่าสนใจ

สำหรับ หุ้น กองทุน ทองคำ และ Cryptocurrency

ใน Line Openchat "หนีดอย"

ที่ bit.ly/lineneedoy

วันที่ 9 เม.ย. 2021

www.blockdit.com/posts/6071738e135a1c0c531aed73

วันที่ 10 เม.ย. 2021

www.blockdit.com/posts/6072c424341f8a0c4a5e4a52

💭เพราะการลงทุนนั้น ไม่ต้องซื้อให้ถูกที่สุด

แต่ขอให้ห่างจากจุดที่เรียกว่า "ดอย" ก็พอ

==================================

***การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง