1 ต.ค. 2022 เวลา 03:30 • ไลฟ์สไตล์
1 ตุลาคม ถูกกำหนดให้เป็น วันกาแฟสากล
เนื่องในวันกาแฟสากล วันนี้เราเลยนำเสนอประวัติความเป็นมาของกาแฟให้กับคอกาแฟทุกคนได้อ่านกันค่ะ
ความเป็นมาของกาแฟ ว่ากันว่าเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 6 ราวปี ค.ศ.575 ได้มีการค้นพบกาแฟซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของ อาบาซีเนีย และอาราเบีย ขณะเดียวกันก็มีการระบุว่ากาแฟเป็นพืชพื้นเมืองที่พบในเมืองคัฟฟา ซึ่งเป็นจังหวัดในประเทศเอธิโอเปีย แหล่งกำเนิดเดิมของกาแฟมาจากประเทศแถบอาราเบียน หรือประเทศอาหรับ ตะวันออกกลาง
จนมาถึงในศตวรรษที่ 9 ได้มีเรื่องเล่าของคนเลี้ยงแพะชาวเอธิโอเปียชื่อว่า คาลดี (Kaldi) ซึ่งแพะของเขาได้ไปกินผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งเข้าไป จากนั้นสังเกตเห็นว่าแพะมีอาการคึกคะนองผิดไปจากเดิม จึงได้เกิดความคิดในการเอาผลไม้นั้นมากะเทาะเปลือกออกแล้วนำเมล็ดเผาไฟจากนั้นต้มในน้ำร้อน แล้วลองดื่มดู พบว่าช่วยให้มีความกระปรี้กระเปร่า จนมีการบอกต่อ ๆ กัน
กาแฟจึงเริ่มเป็นที่สนใจของชาวอาราเบียเพิ่มมากขึ้น ต่อมากาแฟจึงแพร่หลายออกไปยังประเทศในยุโรป โดยเริ่มจากเข้าสู่ประเทศอิตาลี เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาในศตวรรษที่ 13 กาแฟคั่วกลายเป็นสินค้าที่สร้างผลกำไรอย่างมากมายให้กับดินแดนอาราเบีย
เยเมน คือที่แรกที่มีการตอบรับของการเริ่มต้นวัฒนธรรมการกินกาแฟ โดยในยุคนั้นกาแฟส่วนใหญ่แล้วมักเป็นของกินในทางศาสนาของกลุ่มผู้นับถือนิกาย ซูฟี โดยกินด้วยการเคี้ยวเมล็ดกาแฟทั้งเมล็ด เพื่อใช้ขจัดความง่วงในตอนกลางคืนระหว่างประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และใช้เป็นยาเสริมความสามารถในการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า
นอกจากนี้ชาวอาหรับเยเมนได้นำกาแฟมาปลูกบริเวณเทือกเขาทางตอนเหนือของเยเมน กาแฟที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกานี้จึงได้ชื่อว่า อาราบิกา ประมาณปี ค.ศ.1500 กาแฟได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งคาบสมุทรอาระเบียไปพร้อมกับผู้นับถือนิกายซูฟีทั้งในไคโร ดามัสกัส และเมกกะ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นเครื่องดื่มจำกัดแค่เฉพาะในกลุ่มผู้นับถือศาสนา และเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มในเวลากลางคืนของช่วงเทศกาลรอมดอน
การที่กาแฟได้ถูกนำมาเกี่ยวข้องกับพิธีทางศาสนาและความเชื่อของอิสลามนั้นทำให้กาแฟได้รับการแพร่กระจายออกไปควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการเผยแแผ่ของศาสนาอิสลามสู่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง
นอกจากนั้นในศตวรรษที่ 15 ผู้นำทางนิกายซูฟี ในเมืองท่ามอคคาก็ได้คิดค้นการคั่ว การบด และการชงกาแฟขึ้น โดยการชงกาแฟในสมัยนั้นคือวิธีการนำกาแฟใส่ลงไปก่อนในหม้อต้ม จากนั้นจึงตามด้วยน้ำที่ต้มเดือดแล้ว เพื่อสร้างกลิ่นที่น่าดึงดูดของกาแฟและก่อนที่จะมีการผลิตน้ำที่สะอาดเพียงพอ การต้มจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะสร้างความแน่ใจในความสะอาดของน้ำ
แต่กาแฟที่ชงขึ้นนั้นยังไม่มีการกรองเอากากกาแฟออก จึงทำให้กาแฟมีลักษณะข้นเหนียวและมีรสชาติขมเข้ม เมื่อมาถึงช่วง ค.ศ.1510 การแฟได้เริ่มเปลี่ยนสถานะจากเครื่องดื่มที่ถูกจำกัดอยู่แค่ในวงศาสนา สู่การเป็นเครื่องดื่มทางสังคมของคนทั่วไปมากขึ้น ทำให้มีร้านกาแฟหรือ Coffee-house ได้เกิดขึ้นในแถบตะวันออกกลางตามมามากมาย
จากนั้นเมล็ดกาแฟคั่วก็ถูกนำไปยังประเทศตุรกีในปี ค.ศ.1554 จากตุรกีก็เผยแพร่ไปที่อิตาลีในปี ค.ศ. 1615 จากอิตาลีไปยังประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1644 และหลังจากนั้นไม่นาน วัฒนธรรมการดื่มกาแฟก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป
ร้านกาแฟแห่งแรกเกิดขึ้นในอิตาลีในปี ค.ศ.1645 และร้านแรกในประเทศอังกฤษช่วงประมาณทศวรรษที่ 1650 และต่อมาในอัมสเตอร์ดัมช่วงทศวรรษ 1660 ซึ่งร้านกาแฟแบบยุโรปนี้เอง ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ด้วยภาพลักษณ์บรรยากาศของร้านกาแฟแบบเดิมที่ยึดโยงกับศาสนาอิสลามที่เปรียบเสมือนแหล่งมั่วสุม ให้กลับกลายมาเป็นสถานที่ที่มีความสวยงามและเป็นทางการมากขึ้น นอกจากการเป็นสถานที่ดื่มกาแฟแล้ว ร้านกาแฟยังเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ.1683 ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการการดื่มกาแฟขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าของร้านกาแฟในเวียนนา นาม เกอร์ก คอลชิตสกี (Georg Kolshitski) ได้เปลี่ยนวิธีการปรุงกาแฟแบบเตอร์กิช คอฟฟี่ (Turkish Coffee) ที่มีความข้นหนืดเหมือนโคลน ที่ไม่เคยมีการกรองเอากากออกแต่เป็นการชงดื่มไปทั้งกากกาแฟ ให้กลายเป็นการกรองเอากากกาแฟออก ทำให้กาแฟเหลวเป็นน้ำ และเติมน้ำผึ้งกับนมลงไปเพื่อเพิ่มรสสัมผัส การริเริ่มเปลี่ยนแปลงการปรุงกาแฟครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรปผ่านทางพ่อค้าหลายชาติ
ทำให้ชาวยุโรปหลายประเทศเริ่มมีการคิดค้นการปรุงกาแฟขึ้นมาเป็นของตัวเองในหลากหลายวิธี ทั้งการชง การคั่ว และการผสมกาแฟ เช่น เอสเปรสโซ (Espresso) ซึ่งเป็นกาแฟดำข้นแบบเร่งด่วนตามชื่อ กาแฟที่โรยผิวหน้าด้วยฟองนมอย่างคาปูชิโน (Cappuccino) หรือคาเฟ่ โอ เลต์ (Cafe au lait) ที่เป็นกาแฟใส่นม เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดให้เกิดการปรุงกาแฟในรูปแบบใหม่ ๆ ตามมามากมายจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงศตวรรษที่ ๑๘ เป็นจุดเริ่มต้นของการนำน้ำตาลมาใช้ในการปรุงรสกาแฟ โดยชาวเติร์กที่ได้ใช้น้ำตาลผสมลงในกาแฟ เพื่อลดความขมของกาแฟจากอาณานิคมตะวันตก ให้สามารถดื่มได้ง่ายขึ้น การใส่น้ำตาลลงในกาแฟนี้จึงได้กระจายความนิยมไปทั่วทั้งดินแดนในตะวันออกกลางภายในเวลาไม่นาน
วิวัฒนาการของวงการกาแฟที่เรียกได้ว่าเป็นการปฎิวัติวิถีการดื่มกาแฟครั้งใหญ่ของโลก คือ ในปี ค.ศ. 1900 เอ็ดวิน นอร์ตัน ได้คิดค้นบรรจุภัณฑ์สุญญากาศขึ้นมาสำเร็จ ซึ่งทำให้กาแฟที่คั่วแล้วสามารถคงรสชาติและกลิ่นไว้ได้ และหลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1901 ก็ได้ถือกำเนิด Instant coffee หรือกาแฟซองสำเร็จรูปขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ซาโตริ คาโต้ แต่ผู้ที่พัฒนาและทำให้กาแฟสำเร็จรูปเข้าสู่ระบบการค้า คือ จอร์จ คอนสแตนต์ หลุยส์ วอชิงตัน (George Constant Louis Washington)
แต่ไม่เพียงเท่านั้นกาแฟก็ยังคงถูกพัฒนาวิธีการชงและการดื่มเพื่อให้ได้ประสบการณ์และรสสัมผัสใหม่ ๆ มากขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ดังที่เราพบเห็นตามร้านคาเฟ่และร้านกาแฟในปัจจุบัน
นี่ก็คือประวัติความเป็นมาโดยคร่าว ๆ ของกาแฟที่เราเก็บรวบรวมมาให้ได้อ่านกัน สาวกคอกาแฟผู้ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ลองบอกกันหน่อยค่ะว่าทำไมคุณถึงขาดการดื่มด่ำกาแฟไปไม่ได้ อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณชื่นชอบหรือหลงไหลในวงการกาแฟที่เข้าแล้วออกไม่ได้นี้กัน ^^
โฆษณา