23 ก.พ. 2023 เวลา 05:59 • ท่องเที่ยว
นครนิวยอร์ก

มาหา Easter egg ของนิวยอร์คกัน🫣

คงไม่มีใครไม่รู้จัก”New York city” เมืองที่มีบทบาทมากที่สุด ในประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก
เชื่อว่าหลายคนคงจะมีภาพจำเกี่ยวกับนิวยอร์ค ที่เคยเห็นมาจากภาพยนตร์หรือสื่อต่างๆ
พอพูดถึงนิวยอร์ค สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงอาจเป็นตึกระฟ้า เทพีเสรีภาพ หรือวอลสตรีท
แต่ถ้าใครเคยมานิวยอร์ค แล้วได้ลองสำรวจเมืองนี้กันแบบลึกๆ ก็อาจจะเห็นองค์ประกอบที่น่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย
3
เคยดูหนังหรือเล่นเกมส์แล้วเจอ easter egg ไหมครับ? easter egg ที่ถูกซ่อนไว้ในฉากต่างๆ เพื่อสื่อความหมายบางอย่าง และมันอาจจะไม่ได้บอกมาตรงๆ แต่ต้องอาศัยการสังเกตและการตีความสักหน่อย
สำหรับเรา เมืองๆหนึ่งเองก็มี easter egg ที่ซ่อนอยู่เหมือนกัน โพสต์นี้จะพาไปค้นพบ “New york easter egg”กันครับ
เราไม่ได้จะมารีวิวสถานที่เที่ยว หรือบอกทริคในการมาเที่ยวนิวยอร์คแต่อย่างใด โพสต์นี้จะเป็นเหมือนการพาไปเดินเล่นตามถนนในนิวยอร์คสักหนึ่งวัน แล้วสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวเพื่อทำความเข้าใจความนิวยอร์คกัน
2
สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปนิวยอร์ค โพสต์นี้น่าจะทำให้คุณได้รู้จักนิวยอร์คเพิ่มขึ้นไปอีกนิด
ส่วนใครที่เคยไปเยือนนิวยอร์คมาแล้ว มาลองแชร์ความคิดเห็นกันในคอมเมนต์นะครับ ว่าเคยเจอ easter egg ข้อไหนมาบ้างและคิดอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว ไปตะลุยนิวยอร์คกันเลย!
Smoke
1.Smoke (ควัน) : ถ้าเราลองเดินเล่นไปตามถนนในนิวยอร์ค เป็นไปได้มากเลยที่จะได้เห็น”ควัน”ที่ลอยขึ้นมาจากฝาท่อระบายน้ำบนถนน
ไม่ต้องตกใจไปครับ มันไม่ได้เกิดจากการไฟไหม้แต่อย่างใด แต่ควันเหล่านี้เกิดมาจาก NYC steam system ซึ่งเป็นระบบไอน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก แฝงตัวอยู่ใต้ดินและหล่อเลี้ยงมากกว่า 2,000 อาคารในแมนฮัตตัน
1
เมืองนี้ใช้พลังงานจากไอน้ำควบคู่กับพลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด Steam system นี้ถือเป็น infrastructure ของเมืองที่แปลกแต่เจ๋งดี และมันก็พ่นควันออกมาจนกลายเป็น element เท่ๆให้กับเมืองนิวยอร์คด้วย
2
Reading person
2.Reading person (คนอ่านหนังสือ) : วัฒนธรรมการอ่านหนังสือแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของเมืองนิวยอร์ค เราจะเห็น Newyorker ถือหนังสืออ่านได้ตามสวนสาธารณะ รถไฟฟ้า หรือ public space อื่นๆได้ทั่วไป
1
นอกจากนี้นิวยอร์คยังมีร้านหนังสือมากถึงเกือบ800ร้าน และศูนย์กลางการอ่านอย่าง New York public library ก็เป็นห้องสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับ4ของโลกด้วย แสดงแสนยานุภาพด้านการอ่านที่ไม่แพ้เมืองใดในโลก
Construction
3.Construction (การก่อสร้าง) : เป็นเรื่องแปลกที่เมืองที่ดูเหมือนจะมีสิ่งปลูกสร้างในทุกตารางเมตรอย่างนิวยอร์คนั้น กลับมีการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกเยอะมาก
1
ถ้าลองเดินเล่นไปตามถนน รับรองเลยว่าคุณจะได้เห็นไซต์งานก่อสร้างอยู่เกือบจะทุกบล็อค เนื่องจากนิวยอร์คมี demand ในการใช้พื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ และมีกฏหมายด้านการ maintenance อาคารที่ค่อนข้างเข้มงวด
1
ทำให้ต้องมีการก่อสร้างและซ่อมแซมเยอะ ราวกับว่าเมืองนี้ไม่เคยหยุดนิ่งและมีการเปลี่ยนผ่านทางสถาปัตยกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา
1
Yellow cabby
4.Yellow cabby (แท็กซี่สีเหลือง) : นอกจากเทพีเสรีภาพและตึกเอมไพร์สเตทแล้ว หนึ่งใน icon ของนิวยอร์คที่มีเอกลักษณ์และมักจะปรากฎในภาพยนตร์หลายๆเรื่องจนอาจเป็นภาพจำของหลายๆคน ก็คือรถแท็กซี่สีเหลืองที่วิ่งอยู่ทั่วเมืองนี่เอง
1
ในเมืองนี้รถแท็กซี่ทุกคันจะต้องเป็นสีเหลือง เพราะมีการวิจัยมาแล้วว่าสีเหลืองเป็นสีที่มองเห็นได้ชัดจากระยะไกล สำหรับชาวนิวยอร์ค การนั่งแท็กซี่ก็ถือเป็นวิธีการเดินทางที่ราคาค่อนข้างแพง ว่ากันว่าคนขับแท็กซี่นิวยอร์คมีรายได้ประมาณ 250,000บาทต่อเดือนเลยทีเดียว
แต่ถ้ามองด้วยสายตาของนักท่องเที่ยวที่แค่มาเดินเล่ยชมเมืองแล้ว แท็กซี่สีเหลืองนี้เหมือนเป็นอีกหนึ่ง landmark ที่เคลื่อนที่ได้ของนิวยอร์ค และเป็นองค์ประกอบสวยๆที่ตัดกับสีของเมืองคอนกรีตนี้ได้อย่างลงตัว
Street show
5.Street show (โชว์เปิดหมวก) : ทุกที่ๆเป็น public space ของนิวยอร์ค อาจกลายเป็นเวทีแสดงความสามารถของเหล่าศิลปินได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ ลานหน้าตึก หรือแม้แต่ในขบวนรถไฟ
1
ศิลปินเปิดหมวกเหล่านี้มีอยู่ทุกซอกทุกมุมของเมือง ประกอบกับที่เหล่าผู้ชมก็เป็นคนที่ให้คุณค่ากับศิลปะ หรือเป็นนักท่องเที่ยวที่ตื่นเต้นกับทุกอย่างอยู่แล้ว
Street show ก็เลยเติบโตในเมืองนี้ได้สบายๆ เรียกได้ว่านิวยอร์คเป็นพื้นที่แห่งการแสดงออกอย่างแท้จริง
Chaos
6.Chaos (ความวุ่นวาย) : 8.5ล้าน คือจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ยังไม่รวมประชากรแฝงและนักท่องเที่ยวอีกมากมาย
นิวยอร์คเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในสหรัฐ ถ้าลองไปเที่ยวในที่ๆมีคนเยอะๆย่านใจกลางเมือง เช่น Grand central terminal หรือ Times square เราก็จะเห็นความวุ่นวายที่เกิดจากมวลมนุษย์ได้ไม่ยาก
ความวุ่นวายนี้เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของเมืองใหญ่ๆอยู่แล้ว และเมืองสำคัญของโลกอย่าง New York city ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
Inequality
7.Inequality (ความเหลื่อมล้ำ) : ในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกดำเนินไปด้วยระบบทุนนิยม แน่นอนว่าทุนนิยมนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ความศิวิไลซ์ และเป็นระบบที่ถูกยอมรับมากที่สุดในโลก
แต่บ่อยครั้งที่ทุนนิยมก็ทำให้”ความเหลื่อมล้ำ”ปรากฏชัด สำหรับเมืองที่มีดีกรีความทุนนิยมแบบสุดๆอย่างนิวยอร์ค เราก็สามารถเห็นความเหลื่อมล้ำได้อย่างชัดเจน
เมืองนิวยอร์คที่เราเห็นคนใส่สูทผูกไทค์กันจนชิน กลับมี homeless และขอทานเยอะอย่างไม่น่าเชื่อด้วยเช่นกัน
ผู้ที่ถูกทุนนิยมทิ้งไว้ข้างหลังเหล่านี้มีจริงและมีเยอะด้วย แต่เป็น”อีกด้านหนึ่ง”ของนิวยอร์ค ที่ไม่ค่อยได้ถูกนำเสนอ
Diversity
8.Diversity (ความหลากหลาย) : นิวยอร์คขึ้นชื่อว่าเป็น”The biggest melting pot of the world” เมืองนี้เป็นส่วนผสมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ สัญชาติ และวัฒนธรรม ที่หลอมรวมกลายเป็นชนเผ่าเดียวที่เรียกว่า”Newyorker”
นับตั้งแต่ที่ชาวดัตช์มาตั้งรกรากที่เกาะ Manhattan ในศตวรรษที่17 ก็มีผู้อพยพมาจากหลายที่ทั่วโลกตั้งแต่ อังกฤษ เยอรมัน ไอร์แลนด์ แอฟริกา อิตาลี และเอเชีย
ในปัจจุบันเราก็จะเห็นนิวยอร์คมีโซนย่อยๆที่แบ่งตามเชื้อชาติอยู่เช่น China town หรือ Little Italy เรียกได้ว่าที่นิวยอร์ค แทบไม่มีใครที่เรียกตัวเองได้ว่าชนกลุ่มหลัก หรือถูกแปะป้ายว่าเป็นชนกลุ่มน้อย เพราะทุกคนก็แตกต่างกันอยู่แล้ว
Dreamer
9.Dreamer(คนมีฝัน) : ท่ามกลางความหลากหลายของผู้คน ดูเหมือนสิ่งหนึ่งที่ชาว Newyorker จะมีเหมือนกันคือการมี”ความฝัน”
ด้วยความที่นิวยอร์คเป็นเมืองแห่งการแสดงออก เมืองที่ยอมรับความแตกต่าง เมืองที่ความเป็นปัจเจกของคนไม่ถูกกัดกร่อนด้วยบรรทัดฐานของสังคม โดยรวมแล้วที่นี่เป็นที่ๆเอื้อให้คนมีฝัน
ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเปิดหมวกใน Central park นักลงทุนใน Wall street หรือนักแสดง Broadway ก็เป็นตัวแทนของคนมีฝันที่เห็นได้ชัด พวกเขาพร้อมก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งแห่งนี้
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานิวยอร์คเป็นเมืองที่ถูก shape มาด้วยความฝันของคนมากมาย และเมืองนี้ก็จะถูกขับเคลื่อนไปด้วยความฝันต่อไป
1
คนมีฝันเหล่านี้เองที่ทำให้นิวยอร์คเป็นนิวยอร์ค เมืองที่มีเอกลัษณ์ และไม่เหมือนที่ใดในโลกนี้
โฆษณา