ไม่ต้องตกใจไปครับ มันไม่ได้เกิดจากการไฟไหม้แต่อย่างใด แต่ควันเหล่านี้เกิดมาจาก NYC steam system ซึ่งเป็นระบบไอน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก แฝงตัวอยู่ใต้ดินและหล่อเลี้ยงมากกว่า 2,000 อาคารในแมนฮัตตัน
1
เมืองนี้ใช้พลังงานจากไอน้ำควบคู่กับพลังงานไฟฟ้ามาโดยตลอด Steam system นี้ถือเป็น infrastructure ของเมืองที่แปลกแต่เจ๋งดี และมันก็พ่นควันออกมาจนกลายเป็น element เท่ๆให้กับเมืองนิวยอร์คด้วย
2
Reading person
2.Reading person (คนอ่านหนังสือ) : วัฒนธรรมการอ่านหนังสือแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของเมืองนิวยอร์ค เราจะเห็น Newyorker ถือหนังสืออ่านได้ตามสวนสาธารณะ รถไฟฟ้า หรือ public space อื่นๆได้ทั่วไป
1
นอกจากนี้นิวยอร์คยังมีร้านหนังสือมากถึงเกือบ800ร้าน และศูนย์กลางการอ่านอย่าง New York public library ก็เป็นห้องสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับ4ของโลกด้วย แสดงแสนยานุภาพด้านการอ่านที่ไม่แพ้เมืองใดในโลก
5.Street show (โชว์เปิดหมวก) : ทุกที่ๆเป็น public space ของนิวยอร์ค อาจกลายเป็นเวทีแสดงความสามารถของเหล่าศิลปินได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ ลานหน้าตึก หรือแม้แต่ในขบวนรถไฟ
นิวยอร์คเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในสหรัฐ ถ้าลองไปเที่ยวในที่ๆมีคนเยอะๆย่านใจกลางเมือง เช่น Grand central terminal หรือ Times square เราก็จะเห็นความวุ่นวายที่เกิดจากมวลมนุษย์ได้ไม่ยาก
ความวุ่นวายนี้เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของเมืองใหญ่ๆอยู่แล้ว และเมืองสำคัญของโลกอย่าง New York city ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
8.Diversity (ความหลากหลาย) : นิวยอร์คขึ้นชื่อว่าเป็น”The biggest melting pot of the world” เมืองนี้เป็นส่วนผสมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ สัญชาติ และวัฒนธรรม ที่หลอมรวมกลายเป็นชนเผ่าเดียวที่เรียกว่า”Newyorker”
ในปัจจุบันเราก็จะเห็นนิวยอร์คมีโซนย่อยๆที่แบ่งตามเชื้อชาติอยู่เช่น China town หรือ Little Italy เรียกได้ว่าที่นิวยอร์ค แทบไม่มีใครที่เรียกตัวเองได้ว่าชนกลุ่มหลัก หรือถูกแปะป้ายว่าเป็นชนกลุ่มน้อย เพราะทุกคนก็แตกต่างกันอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเปิดหมวกใน Central park นักลงทุนใน Wall street หรือนักแสดง Broadway ก็เป็นตัวแทนของคนมีฝันที่เห็นได้ชัด พวกเขาพร้อมก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งแห่งนี้