12 ก.ย. 2023 เวลา 06:21 • ธุรกิจ

**ลด LEAD Time มีประโยชน์อย่างไร**

Lead Time ในบริบทของ Toyota Production System (TPS) เป็นส่วนสำคัญของหลักการสุดยอดในการจัดการกระบวนการผลิตและโลจิสติกส์ โดย TPS เน้นการลด Lead Time อย่างมากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดค่าใช้จ่าย นี่คือวิธีการใช้งาน Lead Time ในบริบทของ Toyota:
- **Just-In-Time (JIT) Production**: Toyota ใช้ Lead Time ในการวางแผนการผลิตแบบ Just-In-Time ซึ่งหมายความว่าสินค้าจะถูกผลิตในปริมาณที่เพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเวลาที่แน่นอน ดังนั้น Lead Time ต้องรักษาให้เรียบร้อยเพื่อไม่มีการรอคอยสินค้าในสต็อกโดยไม่จำเป็น.
- **การลดความสูญเสีย (Waste Reduction)**: การลด Lead Time ช่วยลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นในกระบวนการผลิต เนื่องจากมีเวลาน้อยในการสร้างสินค้า ซึ่งเป็นการป้องกันการสร้างสินค้าที่ไม่ได้รับความต้องการ.
- **การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control)**: การลด Lead Time ช่วยให้ Toyota สามารถตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนเร็ว ๆ และหากพบปัญหา สามารถแก้ไขได้รวดเร็ว นี่เป็นส่วนหนึ่งของหลักการ "Jidoka" หรือ "Automation with a Human Touch" ใน TPS.
- **การลดค่าใช้จ่าย**: การลด Lead Time ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสินค้าและการคงคลัง เนื่องจากไม่ต้องเก็บสินค้าเป็นเวลานาน.
- **การพัฒนากระบวนการ (Continuous Improvement)**: Toyota ใช้ Lead Time เพื่อติดตามและวิเคราะห์กระบวนการผลิต เพื่อค้นพบวิธีการที่ดีขึ้นและช่วยในการพัฒนากระบวนการต่อไป.
รวมถึงการลด Lead Time เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการส่งมอบสินค้าที่ตรงตามเวลาและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเป็นส่วนสำคัญใน TPS และมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสิทธิภาพและความเสถียรในการผลิตของ Toyota.
แต่ Lead Time (ลีดไทม์) เองก็มีข้อเสียนะ
**ข้อเสียของ Lead Time:**
- **ค่าใช้จ่ายในการลด Lead Time**: การลด Lead Time อาจต้องการการลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนากระบวนการ หรือการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อทำให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
- **ความซับซ้อนของการจัดการ**: การลด Lead Time อาจทำให้กระบวนการหรือระบบการจัดการซับซ้อนขึ้น และจำเป็นต้องมีการวางแผนและการควบคุมที่ดีเพื่อรักษา Lead Time ในระดับต่ำ.
- **ความเสี่ยงในการส่งมอบ**: การลด Lead Time อาจเพิ่มความเร่งรีบในกระบวนการ ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือการละเมิดคุณภาพ จึงจำเป็นต้องใช้การควบคุมคุณภาพเพิ่มเติม.
- **ความขัดแย้งระหว่าง Lead Time และคุณภาพ**: บางครั้งการลด Lead Time อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการ และต้องมีการดูแลความสมดุลระหว่างการลด Lead Time และคุณภาพ.
- **การทดสอบและประเมิน**: การลด Lead Time อาจทำให้การทดสอบและการประเมินผลผลิตหรือบริการเป็นเรื่องยากและต้องมีความระมัดระวังเพื่อป้องกันความผิดพลาด.
ในทางทฤษฎีการบริหาร Lead Time มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แต่การลด Lead Time ควรทำอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงคุณภาพและความปลอดภัยเสมอเพื่อให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยในทุกด้าน.
การปรับปรุง Lead Time โดยใช้หลักการและแนวคิดจาก Toyota Production System (TPS) หรือ Lean Manufacturing เป็นการใช้กระบวนการและเทคนิคเพื่อลด Lead Time ในองค์กรของคุณ ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุง Lead Time แบบ Toyota:
- **การประสานงานและการทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า**: ในหลักการ TPS, ความต้องการของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คุณควรทำการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าให้มากที่สุด.
- **แก้ไขปัญหา**: หากมีปัญหาใด ๆ ที่ส่งผลต่อ Lead Time คุณควรใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ เพื่อหาสาเหตุและหาทางแก้ไขอย่างถาวร.
- **แก้ไขกระบวนการ**: วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการการผลิตหรือบริการ เพื่อลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และเพิ่มความมีประสิทธิภาพในกระบวนการ.
- **การบริหารคลังสินค้า**: ใช้หลักการ Just-In-Time (JIT) เพื่อลดการเก็บสินค้าในคลังและจัดส่งสินค้าในเวลาที่เหมาะสม.
- **การใช้เทคโนโลยีและอะตอมช่วย**: การใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการติดตามและควบคุมกระบวนการผลิตและการจัดส่ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการผลิตแบบสมัยจริง.
- **การฝึกอบรมพนักงาน**: ให้การฝึกอบรมที่เหมาะสมแก่พนักงาน เพื่อให้พวกเขามีความรู้และทักษะที่เหมาะสมในการปรับปรุง Lead Time.
- **การสร้างวินัยและความรับผิดชอบ**: สร้างวินัยและความรับผิดชอบในการปรับปรุง Lead Time ระหว่างทีมงานและพนักงานในองค์กร.
- **การสร้างวัฒนธรรมการปรับปรุงตลอดเวลา**: ในหลักการ TPS, การปรับปรุงไม่ใช่เพียงกระบวนการหนึ่งครั้ง แต่เป็นวัฒนธรรมการทำงานที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลา.
- **การติดตามและวัดผล**: ติดตามความคืบหน้าของการปรับปรุงและวัดผลลัพธ์เพื่อตรวจสอบว่ามีผลในการลด Lead Time หรือไม่.
- **การแบ่งปันความรู้และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง**: สร้างสภาวะที่สนับสนุนการแบ่งปันความรู้และการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อเสริมการปรับปรุง Lead Time อย่างต่อเนื่อง.
ตัวอย่างการลด Lead Time ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน:
- **ผลิตภัณฑ์ที่เข้ามากับลูกค้า**:
- สำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าตามคำสั่งลูกค้า การลด Lead Time สามารถทำได้โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดเวลาในการผลิตสินค้าที่มีคำสั่งลูกค้าและการจัดส่งเพื่อให้สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น ที่เราสามารถเพิ่มเครื่องจักรเพิ่มพิเศษเพื่อปรับขึ้นสำหรับคำสั่งลูกค้าหรือการบรรจุสินค้าลงในคลังเพื่อลดเวลาการจัดหา.
- **บริการร้านอาหาร**:
- ในร้านอาหาร, การลด Lead Time สามารถทำได้โดยการปรับปรุงกระบวนการทำอาหารและบริการลูกค้า. เช่นการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับคำสั่งอาหารออนไลน์, ลดเวลารอคอยในการเสิร์ฟอาหาร, และการอบรมพนักงานในการบริการลูกค้าเพื่อเพิ่มความรวดเร็ว.
- **บริการขนส่งและจัดส่ง**:
- บริการขนส่งและจัดส่งสามารถลด Lead Time โดยการใช้เทคโนโลยีติดตามสินค้าเพื่อรับข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับตำแหน่งของสินค้าและสถานะการส่ง.
- การวางแผนการจัดส่งเพื่อลดเวลาที่ใช้ในการส่งสินค้าถึงลูกค้า.
- **โรงพยาบาล**:
- ในสายงานด้านการรักษาทางการแพทย์, การลด Lead Time สามารถทำได้โดยการวางแผนการนัดหมายและการรักษาให้มีความรวดเร็วมากขึ้น เช่นการใช้ระบบการจองออนไลน์, การจัดลำดับการรักษาให้เป็นระเบียบและการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในการรักษา.
- **ธุรกิจการเงิน**:
- ในธุรกิจการเงิน, การลด Lead Time สามารถทำได้โดยการทำงานกับเทคโนโลยีการทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การใช้แอปพลิเคชันการธนาคารออนไลน์, การปรับปรุงกระบวนการการประเมินเครดิต, และการลดเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ.
การลด Lead Time สามารถเพิ่มความพร้อมในการแข่งขันและความพึงพอใจของลูกค้า และส่งผลในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรในองค์กรของคุณด้วยการปรับปรุงกระบวนการและการดำเนินงานในลักษณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น.
ไม่ต้องลีลามากนะ ลงมือทำได้เลย 😊
#วิศวกรเค้นประสิทธิภาพ #hozenkaizen
โฆษณา