17 เม.ย. เวลา 00:01 • ธุรกิจ

ไม่อยากเจ๊งต้องอ่าน รวมทางออกให้ธุรกิจไปต่อ ยามเจอวิกฤตเศรษฐกิจเลวร้าย

ความท้าทายไม่เคยขาดหายไปสำหรับผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจถดถอย แต่ทุกปัญหาล้วนมีทางออกเสมอสำหรับผู้ที่มีวิสัยทัศน์และยืนหยัดด้วยปรัชญาที่ถูกต้อง นี่คือ เข็มทิศสำคัญสำหรับ SME ในการฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุด
1.รู้จักประหยัด แต่ไม่ประหยัดผิดที่
ยามเศรษฐกิจซบเซา แนวโน้มแรกที่ผู้ประกอบการจะคิดก็คือการลดค่าใช้จ่าย แต่การประหยัดที่ผิดวิธีอาจทำให้ธุรกิจด้อยคุณภาพและสูญเสียลูกค้าในที่สุด จากรายงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า 39% ของ SME ไทยดำเนินธุรกิจในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยโดยไม่มีแผนลดต้นทุนที่ชัดเจน จึงควรมีการวิเคราะห์งบประมาณและค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดเพื่อระบุรายการที่สามารถประหยัดได้โดยไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้าและบริการ
2.พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าเพิ่ม
การแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวิกฤตเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยตามรายงานของ SME Development Bank พบว่ากลุ่ม SME นวัตกรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยที่ 25% ต่อปี ทั้งนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ บริการใหม่ หรือการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
3.สร้างโอกาสจากการเติบโตของ Online
แม้เศรษฐกิจจะซบเซา แต่ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศไทยกลับเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นถึง 25% ในปี 2023 ดังนั้นเพื่อให้ทันตามกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค SME จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์สู่ออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ การตลาดดิจิทัล หรือการขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
3.1) ใช้ประโยชน์จาก SEO เพื่อการเข้าถึงทั่วโลก
ด้วยจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 57 ล้านคนในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เครื่องมือค้นหาเพื่อค้นหาธุรกิจใกล้เคียง ความสำคัญของ SEO ในท้องถิ่นจึงไม่สามารถกล่าวเกินจริงได้ ผลการศึกษาของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เปิดเผยว่า อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยสูงถึง 82.2% ในปี 2564 ตอกย้ำถึงความเข้าใจด้านดิจิทัลของประชากรไทย การปรับแต่งกลยุทธ์ SEO เพื่อกำหนดเป้าหมายคำหลักและวลีในท้องถิ่นสามารถยกระดับการมองเห็นแบรนด์ของคุณและเชื่อมโยงคุณกับผู้ชมที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
3.2) พลังแห่งการเล่าเรื่องบนโซเชียลมีเดีย
ประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ สำหรับการใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลก โดยใช้เวลาโดยเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 11 นาทีต่อวันบนโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ LINE ไม่ใช่แค่พื้นที่ดิจิทัล แต่ยังเป็นการต่อยอดวิถีชีวิตแบบไทยๆ SME สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ด้วยการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจซึ่งรวบรวมแก่นแท้ของแบรนด์ของตน ส่งเสริมชุมชนที่มีผู้ติดตามและลูกค้าที่ภักดี
3.3) กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซเพื่อความสำเร็จของ SME
อีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 35% ในปี 2563 ตามรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนี้ถือเป็นโอกาสทองสำหรับ SME ในการขยายการเข้าถึง บล็อกที่มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพรายการผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ สามารถแนะนำ SME ผ่านความซับซ้อนของการขายออนไลน์ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้
3.4) การเพิ่มขึ้นของการตลาดผ่านวิดีโอ
เนื้อหาวิดีโอถือเป็นราชาในขอบเขตของการตลาดดิจิทัล ด้วยความสามารถในการดึงดูดและรักษาความสนใจของผู้ชมได้เหนือกว่าเนื้อหาแบบข้อความ ในประเทศไทย Tiktok & YouTube กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม โดยมีผู้ใช้มากกว่า 46 ล้านคนที่มีส่วนร่วมกับเนื้อหาวิดีโอ SME สามารถสำรวจพลวัตของการตลาดผ่านวิดีโอ โดยทำความเข้าใจวิธีสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจซึ่งตรงใจกลุ่มประชากรเป้าหมาย
3.5. การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตลาดแบบกำหนดเป้าหมาย
ในภูมิทัศน์ดิจิทัลในปัจจุบัน ข้อมูลคือเข็มทิศที่แนะนำกลยุทธ์การตลาด ด้วยเครื่องมืออย่าง Google Analytics SME สามารถรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรม ความชอบ และแนวโน้มของลูกค้า โพสต์ในบล็อกที่เจาะลึกพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งสาธิตวิธีตีความและใช้ข้อมูลนี้เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์การตลาด สามารถช่วยให้ SME ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล
4.ปรับตัวอย่างยืดหยุ่นและไม่ยอมแพ้
วิกฤตเศรษฐกิจหมายถึงโอกาสในการปรับกลยุทธ์ เช่น “เราได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังตลาดใหม่ๆ ในตะวันออกกลาง พยายามปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับภาษาและวัฒนธรรม จนประสบความสำเร็จในการเปิดตลาดใหม่ได้ ณ ประเทศอาหรับเอมิเรตส์"
5.การตลาดที่ยั่งยืน: การยอมรับแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อผู้บริโภคตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แนวทางปฏิบัติทางการตลาดที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่แค่มีจริยธรรมเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอีกด้วย ความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการลดขยะพลาสติก ดังตัวอย่างจากการห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในผู้ค้าปลีกรายใหญ่ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนในวงกว้าง SMEs สามารถเป็นผู้นำโดยนำหลักปฏิบัติทางการตลาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นต่อโลก และดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ความสำเร็จและความล้มเหลวล้วนเป็นบทเรียนที่มีค่า สิ่งสำคัญคือต้องมีจิตวิญญาณไม่ยอมแพ้ เรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง มองหาโอกาสจากสภาพแวดล้อมใหม่ๆ การมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่งพร้อมปรับกลยุทธ์ให้ทันโลกคือคุณสมบัติสำคัญที่จะนำพา SME ไทยก้าวฝ่าพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน
TEXT : ภัทร เถื่อนศิริ
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
#วิกฤตเศรษฐกิจ #ทางออกธุรกิจ #sme #smethailand #เพื่อนคู่คิดธุรกิจเอสเอ็มอี #เรื่องธุรกิจต้องSMETHAILAND
โฆษณา