19 เม.ย. เวลา 12:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จาก ผาแดงอินดัสทรี สู่ BEYOND บริษัทเก่าแก่ ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
เจ้าของโรงแรมหรู และกากแคดเมียม เป็น 2 คำที่นำมาวางข้างกันแล้ว แทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
แต่จากที่เมื่อวานนี้ ทางบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับการขนย้าย และจัดเก็บกากแคดเมียม ผ่านทางข่าวตลาดหลักทรัพย์
ว่าทางบริษัทยินดีร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้แจงว่าตนเองเป็นเพียงคู่ค้าของบริษัทผู้ขนย้าย และจัดเก็บแคดเมียมเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ขายกากแคดเมียมโดยตรง
ถึงตรงนี้บางคนก็อาจจะเลิกคิ้วสงสัยแล้วว่า บริษัท BEYOND ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และคาเพลลา ที่เจริญกรุง
มาเกี่ยวข้องอะไรกันกับ การขนย้ายและจัดเก็บกากแคดเมียมด้วย ?
ในวันนี้ MONEY LAB จะพาทุกคนไปย้อนรอย ความเป็นมาของบริษัทแห่งนี้กัน
1
บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ มีชื่อเดิมว่า ผาแดงอินดัสทรี ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2524 เพื่อทำธุรกิจเหมืองแร่สังกะสี และถลุงโลหะสังกะสี
โดยเป็นการร่วมทุนกันระหว่าง กระทรวงการคลังของไทย, บริษัทของไทย และบริษัทจากเบลเยียม
ต่อมาในปี 2525 บริษัทได้รับสัมปทานเหมืองแร่สังกะสีที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นระยะเวลา 25 ปี
ซึ่งต้นทางของกากแคดเมียม ที่เป็นประเด็นกันอยู่ในตอนนี้ ก็มาจากพื้นที่ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี ในจังหวัดตาก นั่นเอง..
จากนั้นบริษัทก็เข้าไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นภายใต้ชื่อ PDI ในปี 2530
แต่หลังจากถลุงแร่มากว่า 34 ปี ปริมาณแร่สำรองในเหมืองที่แม่สอด ก็หมดลงในปี 2559
ทำให้บริษัทต้องมองหาธุรกิจใหม่ ที่ยั่งยืนมากกว่าการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ ที่นับวันจะเหลือน้อยลงเข้าไปทุกที
ในปีเดียวกันนั้นเอง PDI จึงเริ่มเข้าไปทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในไทย และญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 50 เมกะวัตต์
1
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นธุรกิจที่ต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรง อีกทั้ง PDI ยังเป็นเพียงผู้ประกอบการรายเล็กที่เพิ่งเข้าตลาด ทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าคู่แข่ง
บริษัทจึงตัดสินใจขายธุรกิจโรงไฟฟ้า แล้วหันมาลงทุนทำธุรกิจโรงแรมแทน
1
โดยบริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท เออร์เบิน รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด เจ้าของโรงแรม โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ในสัดส่วน 100%
2
และบริษัท วอเตอร์ฟร้อนท์ โฮเต็ล จำกัด เจ้าของโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ในสัดส่วน 100%
เมื่อเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมเต็มตัวแล้ว บริษัทก็เปลี่ยนชื่อจาก ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI มาเป็น เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEYOND
ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ BEYOND ได้ถูกเปลี่ยนมือจาก กระทรวงการคลัง เป็น บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 38.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ถึงอย่างนั้น กระทรวงการคลัง ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3 ของบริษัทอยู่ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 10.76%
แล้วทำไมถึงมีการซื้อขายกากแคดเมียมขึ้น ?
อย่างที่เราทราบกันว่า กากแคดเมียม จัดอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตราย เป็นผลพลอยได้ของการทำเหมืองสังกะสี เหมืองตะกั่ว
แต่แม้จะอันตราย กากแคดเมียมก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เพราะสามารถเอาไปผลิตแบตเตอรี่รถยนต์แบบชาร์จไฟซ้ำได้ หรือนำไปชุบโลหะและเม็ดสี ที่ทนการกัดกร่อนได้สูง
นั่นจึงทำให้ บริษัทที่ทาง BEYOND จ้างให้กำจัดกากแคดเมียมนั้น ได้นำกากแคดเมียมไปขายต่อ แทนที่จะนำไปกำจัดอย่างที่ได้ตกลงกันไว้ เหมือนอย่างที่ทาง BEYOND ชี้แจงในข่าว
เหตุการณ์กากแคดเมียมรั่วไหลดังกล่าวนี้เอง ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทแล้ว 2 เรื่อง นั่นก็คือ
ทางบริษัทจำเป็นต้องสำรองเงินเผื่อไว้ สำหรับการจ่ายค่าเสียหาย รวมถึงค่าจัดเก็บ และขนย้ายกากแคดเมียม
โดยทางบริษัทได้คาดว่า จำนวนค่าใช้จ่ายเหล่านี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัท อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ในวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ทาง Tris Rating ก็ได้ประกาศให้อันดับเครดิตของ BEYOND อยู่ที่ระดับ BB แต่มีแนวโน้มเป็น “Negative”
เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวก็อาจจะมีความเสี่ยงทางกฎหมายต่อทางบริษัท และอาจมีผลกระทบด้านลบเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัทอีกด้วย
และทั้งหมดนี้เอง ก็คือมหากาพย์ของผาแดงอินดัสทรี ผู้ทำธุรกิจเหมืองแร่ และถลุงโลหะสังกะสี ที่วันนี้ผันตัวมาเป็นเจ้าของโรงแรมหรู อย่าง BEYOND..
References
-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
-รายงานประจำปี 2566 บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
โฆษณา