5 พ.ค. เวลา 11:00 • ความคิดเห็น

10 เรื่องที่คุณครูชื่อเวลาได้สอนไว้

ผมเพิ่งดูเดี่ยวพิเศษของเฮียโน้ส อุดม แต้พานิชจบใน netflix เป็นเดี่ยวที่สนุกมากๆและดูอุดมจะเล่าได้ถึงกึ๋นกว่าเล่าบนเวทีเดี่ยวปกติมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความเป็น platform แบบ netflix เฉพาะ และอีกส่วนก็เป็นเพราะวัยที่กำลังตกผลึกของอุดมที่ปัญญาและความคิดดูจะลุ่มลึกและเข้าใจโลกมากขึ้นมาก
6
ในเดี่ยวช่วงแรกอุดมสรุปไว้ได้ดีสุดๆบนเวทีเดี่ยวถึงคนเจน X รุ่นเดียวกับเขาซึ่งรวมถึงผมด้วยไว้ว่า ชุดความรู้ที่คนรุ่นเรามีนั้นแทบจะสอนอะไรไม่ได้หรือไม่มีประโยชน์กับคนรุ่นใหม่เลย สิ่งที่จะแชร์ให้คนรุ่นต่อไปได้ก็คือประสบการณ์ของความผิดพลาด เพราะผิดพลาดมาเยอะกว่าเท่านั้นเอง
2
คนยุคเก่าเดียวกันในความเห็นผมต่อเนื่องจากคุณอุดมถ้าอยากสอนใครก็น่าจะสอนพวกเดียวกันเองแบบที่อุดมเตือนสติชาว Gen X และ Babyboomers บนเวทีนี่แหละ แต่ถ้าคนรุ่นใหม่แวะเวียนมาฟังแล้วได้ไอเดียไปคิดไปทำต่อก็เป็นเรื่องที่ดีของเขา
1
นึกแบบนี้ก็เลยนึกได้ว่า ผมเพิ่งอ่านบทความชิ้นหนึ่งที่ผู้เขียนก็น่าจะเป็นคนยุคเก่าแบบผมที่น้ำกดเพื่อนผมแชร์ใน FB ชื่อบทความประมาณว่า 10 เรื่องที่เวลาได้สอนฉัน คนที่ใช้ชีวิตผ่านกาลเวลามานานพอสมควรอ่านแล้วก็เห็นจริงอยู่หลายข้อ เลยอยากจะแปลมาเล่าสู่กันฟัง บทความนี้ลงท้ายชื่อผู้เขียนโดยคุณ Donna Ashworth นะครับ..
1. เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตวิ่งไล่ตามเป้าหมายที่ผิดๆและบูชาความเชื่อที่ผิดๆ วันไหนที่เราเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่วิ่งตามมาทั้งชีวิตนั้นผิดหมด จะเป็นวันที่เราจะได้ใช้ชีวิตจริงๆซักที
5
2. เราจะไม่สามารถเอาใจ ทำให้ทุกคนพอใจได้ตลอดเวลา เราควรจะเอาใจและใส่ใจตัวเองก่อน ต่อด้วยคนที่เรารัก ส่วนคนอื่นนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเราหรอก เขาก็ยุ่งๆเอาใจตัวเองกันทุกคน
12
3. การพยายามต่อสู้กับความเสื่อมของร่างกายนั้นก็เหมือนกับการไล่คว้าลม เราควรจะยอมรับและสนุกกับความชรากันดีกว่า ร่างกายยังไงมันก็เปลี่ยนก็เสื่อมตามสภาพ อย่าพยายามไปฝืนไปต่อสู้ เราเปลี่ยนวิธีคิดมามีความสุขกับสถานะใหม่ๆในชีวิตกันดีกว่า
3
4. ไม่มีใครสมบูรณ์แบบและไม่มีใครพอใจกับตัวเองหรอก เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ การที่เราเลิกเปรียบเทียบกับคนอื่น เลิก judge คนอื่นนั้นมันเป็นความอิสระและโล่งสบายจริงๆ
4
5. ไม่มีใครเห็นเวลาเราทำอะไรดีๆหรือถูกหรอก แต่จะเห็นเวลาเราทำอะไรผิดมากกว่า ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้เราจะเริ่มทำอะไรที่ถูกตามเหตุตามผลของมันแล้วเราจะสนุกกับการกระทำนั้นๆไปเอง
3
6. พอเวลาผ่านไป เราจะเสียดายเวลาที่มัวแต่ไปคิดว่าร่างกายตัวเองดูไม่ดี มีตำหนิตรงโน้นตรงนี้ เมื่อใดที่เราเริ่มยอมรับและสงบกับร่างกายที่ห่อหุ้มวิญญาณเราอยู่ในนั้นได้ เราจะมีความสุขมากๆ เพราะเนื้อแท้เราคือจิตวิญญาน ไม่ใช่ร่างกายที่ห่อหุ้มมัน
5
7. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมากๆ และความเครียด ความกลัว ความวิตกกังวลนั้นทำลายสุขภาพได้หนักกว่าอาหารที่ว่าจั๊งค์ด้วยซ้ำไป ความสุข ความสงบในใจนั้นคือยาวิเศษที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพเรา
5
8. ใครที่ยังจำเราได้ และจำเราได้เพราะอะไรนั้นสำคัญขึ้นเรื่อยๆเมื่อเราอายุมากขึ้น ความรักและปัญญาที่เรามีนั้นสำคัญกว่าของแพงๆ หรือวัตถุต่างๆ ที่เรามีและสามารถส่งต่อให้ลูกหลานมาก เรื่องราวของเราที่ประทับใจคนนั้นเดินทางไปไกลกว่าที่เราคิดมากมายนัก
6
9. เราไม่ได้มีชีวิตอยู่นานนักหรอก เจ็ดแปดสิบปีนั้นไม่ได้นานเลย แต่ถ้าเราใช้ชีวิตกังวลและต่อต้านสิ่งที่มันควรจะเป็น มันก็เหมือนเรารู้สึกว่าถูกตัดสินประหารชีวิต คิดแต่ด้านลบว่าไม่อยากตาย ชีวิตไม่ควรจะเป็นฝั่งให้ไปถึง แต่ควรจะเป็นเหมือนการผจญภัยไปในทะเลมากกว่า
2
10. ไม่ว่ายังไงควรจะดื่มแชมเปญที่ดีตลอด ในการเก็บของดีไว้ “พรุ่งนี้” นั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ดื่มมัน (อันนี้คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์เคยเล่าไว้ว่าถ้ามีไวน์แพงต้องรีบกินวันนี้เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้กินมั้ย) ปัจจุบันถึงเรียกว่าเป็นของขวัญ (present) มีอะไรมีความสุขวันนี้ได้ก็ทำเลย ไม่ต้องรอ
11
เป็นสิบเรื่องที่คุณครูชื่อเวลาสอนไว้ และถ้าจะมีข้อสิบเอ็ดก็น่าจะเป็นเรื่องที่ครูอุดมสอนบนเวที เดี่ยว Netflix ถึงชาว GenXและผู้อาวุโสทั้งหลายไว้ว่า
11. สิ่งที่คนรุ่นเก่าทำได้ก็คือทำตัวให้น่ารักให้เด็กมันยังไหว้อยู่ก็พอ อุดมบอกบนเวทีไว้แบบนั้น…
8
(แทนคำว่าเด็กด้วยลูกหลานก็อาจจะใจร่มๆขึ้นนะครับ )
2
โฆษณา