16 ก.พ. 2019 เวลา 04:54 • ประวัติศาสตร์
ความรักของสมเด็จพระราชินีเอลิซาบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป
1.รักแรกพบ ในสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
-รักเมื่อแรกพบ
ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกในงานพระราชพิธีหนึ่งในปี คศ 1934 ซึ่งในขณะนั้น เจ้าหญิง Lilibet ทรงมีพระชันษาเพียง 8 ชันษา
และเมื่อเจ้าชายฟิลิปผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน และความองอาจ ตามแบบฉบับเชื้อสายกรีกและอังกฤษในวัย 18 ปี ได้ทรงเยี่ยมครอบครัว ของเจ้าหญิง Lilibet อีกครั้ง ในปี คศ 1939 ซึ่งพระองค์ทรงกุมพระทัยของเจ้าหญิงองค์น้อยในวัย 13 ปี ตั้งแต่นั้นและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักของทั้งสองพระองค์
-ชายชาติทหาร ราชนาวีอังกฤษ และเจ้าหญิง
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2พระองค์ทรงรับใช้ชาติในราชนาวีอังกฤษ เจ้าหญิงเองก็ทรงรับใช้ชาติในหน่วยทหารหญิง Auxiliary Territorial Service ทั้งสองพระองค์ได้ทรงเขียนและส่งจดหมายรักถึงกันอย่างสม่ำเสมอ จนในที่สุดในฤดูร้อน ปี 1946 พระองค์ทรงทูลขอเจ้าหญิง Lilibet จากพระราชบิดา เมื่อเจ้าหญิงทรงพระชนม์ 20 ชันษา
2.รักนิรันดร์
-การประกาศหมั้น หมายอย่างเป็นทางการของทั้งคู่ มีขึ้นในวันที่ 10 ก.ค. 1947 ก่อนจะจัดพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่ ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เช้าวันที่ 20พ.ย.1947 มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์บีบีซี เพื่อให้ ผู้ชม 200 ล้านคนทั่วโลก ได้ติดตามชมอย่างใกล้ชิด
-ทั้งคู่เป็นแบบอย่างและความภาคภูมิใจของสหราชอาณาจักรจวบจนถึงปัจจุบัน
3.เกร็ดประวัติศาสตร์
-เป็นที่ทราบกันดีว่า เจ้าชายฟิลิปทรงมีอารมณ์ขัน และยังคงชอบแกล้ง ชอบอำด้วยมุกตลกของอังกฤษและหัวเราะเสียงดัง จึงมีหลายครั้งที่คนไม่เข้าใจลักษณะอารมณ์ขันด้วยมุกตลกของอังกฤษของพระองค์ จึงเข้าใจว่าพระองค์ทรงดูแคลน หรือเหยียดเขื้อชาติ เช่น คราเมื่อพระองค์เสด็จ จีน เมื่อปี 1986 รับสั่งกับนักเรียนแลกเปลี่ยนอังกฤษในเมืองซีอานว่า “ถ้าพวกหนูอยู่เมืองจีนไปอีกสักพัก คงได้ตาตี่เป็นหมวยจีนกันหมดแน่” อีกครั้งเป็นตอนที่เจอกับประธานาธิบดีไนจีเรีย ซึ่งปรากฏกายในชุดประจำชาติ “เจ้าชายฟิลิป” ทรงรับสั่งว่า ท่านประธานาธิบดีดูเหมือนคนกำลังจะเข้านอนเลย!! ทรงพระสรวลและเอียงตัวเข้าใกล้ ประธานิบดีไนจีเรีย
แม้แต่ในวันสำคัญที่สุด เมื่อสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เจ้าชายปากไวยังทักควีนว่า Lilibet ทรงไปเอาหมวกที่ไหนมาใส่!! แล้วพระองค์ก็ทรงหัวเราะเสียงอันดัง ด้วยยิ้มความสดใส ให้สมเด็จพระราชินี เข่นเดียวกัน เหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งคู่ แรกพบกัน
-แต่หากเมื่อเราดูถึงพระวิริยะอุตสาหะ ในการสนับสนุนการปกครองของควีน จะเห็นได้ว่าสหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญของความเท่าเทียมและคุณค่ามนุษยชาติมากกว่าผิวสีเป็นอย่างมาก
-ในส่วนความรักที่พระองค์ทรงมีต่อควีน ในเหตุการณ์สำคัญตลอดมา พระองค์ทรงเคียงข้าง ปกป้องดูแล ให้กำลังใจ สนับสนุนและพระทรงเป็นเสียงหัวเราะอันดังของควีน ที่ทำให้ควีนมัมทรงหัวเราะคิกคักเช่นครั้งวัยรุ่นอยู่เสมอ เช่น
คราเมื่อสมเด็จพระราชินีอังกฤษ ทรงเสด็จประเทศนิวซีแลนด์ ในปี คศ 1986 และมีผู้ต้อนปาไข่ใส่รถพระที่นั่งที่้เปิดประทุน เจ้าชายฟิลิปทรงตั้งสติป้องกันพระราชินี และทรงหยิบผ้าเช็ดหน้า เช็ดฉลองพระองค์ควีนอย่างปราณีตและทรงปลอบประโลมด้วยรอยยิ้ม จนพระสติของควีนกลับมาตั้งพระทัยและเสด็จต่ออย่างสง่างาม
1 โครินธ์ 13:4-7,13
4.ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
5 ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
6 ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
7 ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
ร้อยเรียงข้อมูล Tonmon
ข้อมูลสนับสนุน:BBC 2016,new idea-au
โฆษณา