27 ก.พ. 2019 เวลา 17:10 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ศึกษา #อินเดียแคชเมียร์ปากีสถาน, #แบ่งแยกเพื่อแตกหัก,
ขณะที่ผมกำลังนั่งลอกร่างลายหน้าบันอุโบสถ สลักไม้รูปนารายณ์ทรงครุฑ ของวัดสระบัวที่ไปชมวันนี้อย่างมีความสุข
มีน้องๆ inbox มาถามถึงกรณีพิพาทของอินเดีย และปากีสถาน ที่มีผลต่อการระงับเส้นทางการบินไปยุโรปในขณะนี้, ดังนั้น
ผมจึงขออนุญาตตอบทางหน้าเพจ ดังนี้ครับ,
1)การแบ่งแยก ที่เป็นโศกนาฏกรรมในเวลาต่อมา
-อังกฤษถอนตัวออกจากอินเดียถือเป็นการสิ้นสุดการเป็นเจ้าอาณานิคม โดยได้แบ่งดินแดนนี้ออกเป็นประเทศที่ปกครองตนเอง 2 ประเทศได้แก่อินเดียและปากีสถาน
-ลอร์ด เมาท์แบตเทน ใช้เวลาเพียง 5 สัปดาห์ในการร่างเส้นแบ่งประเทศ นับจากที่ได้รับมอบหมาย
-โดยสมัยนั้นอินเดียมีประชากรเกือบ 400 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู โดยมีประชากรที่นับถืออิสลามมีอยู่ราว 1 ใน 4 อังกฤษตัดสินใจแบ่งดินแดนโดยใช้ศาสนา,นายเยาหลาล เนห์รู ซึ่งต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย ไม่เห็นด้วยในการใช้ศาสนามาแบ่งประเทศ แต่นายมูฮัมหมัด อาลี จินนาห์ ซึ่งต่อมากลายเป็นข้าหลวงใหญ่คนแรกของปากีสถานยืนกรานว่า ชาวมุสลิมต้องมีชาติของตัวเอง
-วันที่ทั้งสองฝ่ายได้รับเอกราชคือ วันที่ 14 และ 15 สิงหาคม 1947,ปากีสถานและอินเดียต่างฉลองเอกราช แต่เพียงสองวันหลังจากนั้น เมื่อมีการประกาศว่าเส้นพรมแดนอยู่ที่ไหน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจ, ดินแดนที่ปากีสถานได้มีลักษณะเหมือน "มอดแทะ" แบ่งเป็น 2 ปีก มีอินเดียขวางกั้นด้วยพรมแดน 2,000 กิโลเมตร , ต่อมาในปี 1971 ปากีสถานตะวันออกแยกตัวเป็นเอกราช กลายเป็นประเทศบังกลาเทศ
2)โศกนาฏกรรมต่อเนื่อง
-ไม่มีใครคาดว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น หลังจากการแบ่งประเทศ แต่มีผู้ลี้ภัยอย่างน้อย 12 ล้านคน อพยพจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง มีผู้เสียชีวิต 5 แสนถึง 1 ล้านคน และมีผู้หญิงหลายหมื่นคนถูกลักพาตัว นับตั้งแต่แยกจากกัน ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย-ปากีสถานก็ยังไม่พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ในแคชเมียร์ โดยหลังได้เอกราชไม่กี่สัปดาห์ ทั้งสองประเทศก็เริ่มสู้รบกัน เพื่อแย่งชิงหุบเขาแคชเมียร์ ถือเป็นความขัดแย้งที่ยังหาทางออกไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นผลพวงจากความไม่ลงตัวในการแบ่งแยกประเทศ
3)เปรียบเทียบ กองทัพอินเดีย-ปากีสถาน
3.1) กองทัพอินเดีย สำนักวิเคราะห์ Globalfirepower จัดให้เป็น กองทัพอันดับ 4 ของโลก
-งบประมาณด้านกลาโหมของอินเดียในปี 2560 มี 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ กองทัพอากาศอินเดีย มีเครื่องบินประจำการมากถึง 2,102 เครื่อง ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบินขับไล่ 676 เครื่องและ เครื่องบินโจมตี 809 เครื่อง ส่วนใหญ่จัดหาจากรัสเซีย และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเครื่องบินรบ Su ด้วย
กองทัพบกมีรถถัง 4,426 คัน ยานเกราะ 6,704 คัน ปืนใหญ่ และจรวดประมาณ 7,500 กระบอก/ลำ อินเดียต้องทำสงครามในพื้นที่ป่าภูเขาทางตอนเหนือ จึงมีความชำนาญด้านนี้ สามารถผลิตรถถังและปืนใหญ่จำนวนหนึ่งได้เอง เช่น T-90 รุ่น Bhishma หรือรุ่น Abhay ขณะที่จรวดพิสัยใกล้ คือ Brahmos สามารถยิงได้ไกลประมาณ 500 กม.
กองทัพเรือมีนาวาประจำการ 295 ลำ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ ต่อจากรัสเซีย และอยู่ระหว่างการต่อเรือบรรทุกเครื่องบิน Vikrant ด้วยตัวเอง ซึ่งน่าจะประจำการได้ในปี 2565
นอกจากนี้ยังมีเรือพิฆาต 11 ลำ เรือฟริเกต 14 ลำและเรือคอร์เวต 23 ลำ อินเดียมีอาวุธนิวเคลียร์ประมาณ 150 ตัน มีการทดสอบขีปนาวุธพิสัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขีปนาวุธเหล่านี้ส่วนหนึ่งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้
ล่าสุด รุ่น Agni-5 มีพิสัย 8,000 กม. และคาดว่าอยู่ระหว่างการพัฒนารุ่น Suriya พิสัย 16,000 กม.
3.2)กองทัพปากีสถาน เป็นกำลังทหารของประเทศปากีสถาน เป็นกองทัพที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 17 ของโลก
สำนักวิเคราะห์ Globalfirepower
-งบประมาณด้านกลาโหม ปากีสถาน ในปี 2560 มีประมาณ 7 พันล้านเหรียญ กองทัพอากาศ มีเครื่องบินประจำการ 1,281 ลำ ในจำนวนนี้เป็นเครื่องบินขับไล่ 320 เครื่องและ เครื่องบินโจมตี 410 เครื่อง กองทัพบกมีรถถัง 2,182 คัน ยานเกราะ 2,604 คัน ปืนใหญ่ และจรวดประมาณ 1,691 กระบอก/ลำ กองทัพเรือมีนาวาประจำการ 197 ลำ
4)ชนวนปัญหาล่าสุด
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ระบุว่ารัฐบาลอินเดียไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์กับปากีสถานตึงเครียดมากไปกว่านี้ พร้อมยืนยันว่าการโจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร แต่เป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มก่อการร้าย Jaish-e-Mohammed (นักรบศาสนา) ซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีทหารอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
-เมื่อวันที่ 26/2 ปากีสถานยิงเครื่องบินอินเดียร่วง 2 ลำ, วันนี้ 27/2 กองทัพอินเดียจึงตอบโต้ด้วยการยิงเครื่องบิน F16 ของปากีสถาน ตก 1 ลำ
-ทั้งคู่ต่างครอบครอง ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ในระดับทำลายล้าง ,ปากีสถานจะสามารถเพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ระหว่าง 220 ถึง 250 ลูกภายในปี 2025
ขณะที่อินเดีย เพิ่งลงนามซื้อหัวรบจากรัสเซียในปรที่แล้วเช่นกัน
5)เกร็ดข้อมูลเพิ่มเติม
-ข้อมูลกองทัพไทย เป็นอันดับที่ 27 มีเครื่องบินทั้งสิ้น 565 ลำ, รถถัง 737 คัน รถยานเกราะ 2614
-งบประมาณกลาโหม 5,390 ล้านเหรียญ
ร้อยเรียงข้อมูล โดย Tonmon
28/2/2019
ข้อมูลเปรียบเทียบด้านการทหารจากสำนักวิเคราะห์ Globalfirepower
โฆษณา