13 มี.ค. 2019 เวลา 14:54 • ไลฟ์สไตล์
พลังงานบวก และ ทางลัดวิเศษ
คุณเชื่อเรื่อง “ขอ” “เชื่อ” “รับ” บ้างไหมครับ?
นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อมาโดยตลอด เชื่อว่าถ้าเรานึกอยากได้อะไรแล้วขอ ขอแล้วเราเชื่อว่าเราจะได้รับ เราก็จะได้รับจริงๆ เหมือนที่นักเขียนชาวญี่ปุ่น อุเอะนิชิ อะคิระ ได้บอกไว้ในหนังสือเรื่อง “พูดเรื่องบวกเรียกโชคดี พูดเรื่องดีเรียกความสุข” ไม่มีผิด (แปลโดย ปาวัน การสมใจ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์อมรินทร์ ฮาว-ทู) นักเขียนท่านนี้บอกไว้ว่า คนเรามีอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ภาวนาว่า “อยากเป็นแบบนั้น” แล้วทำตามสิ่งที่คิดไว้ทันที คนกลุ่มนี้จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ส่วนคนอีกประเภทหนึ่ง คือ คนที่ทำสิ่งที่ปรารถนาให้เป็นจริงไม่ได้ จึงต้องใช้ชีวิตอย่างคับข้องใจอยู่ทุกวัน
คิดทบทวน แล้วทำให้เห็นภาพ ว่าการขอและเชื่อว่าเราจะได้รับในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะนำสิ่งที่ดีๆ มาสู่ชีวิตเรานั้น ถือเป็นเรื่องดี แต่เมื่อขอและเชื่อว่าจะได้รับแล้ว ก็ต้องลงมือทำทันทีด้วย มันถึงจะเกิดพลังงานเคลื่อนที่ เกิดแรงดึงดูดที่มีพลังมากเพียงพอ ทำให้สิ่งที่เราขอและเชื่อว่าจะได้รับ ก็ได้รับไว้จริงๆ ในท้ายที่สุด
นักเขียนท่านนี้ยังได้กล่าวไว้อีกว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้คน 2 ประเภทนี้แตกต่างกันก็คือ คำพูดที่พวกเขาใช้กันอยู่เป็นประจำนั่นเอง “ที่ญี่ปุ่นมีคำว่า ‘โคะโตะดะมะ’ แสดงถึงความเชื่อโบราณว่าในถ้อยคำมีจิตวิญญาณสถิตอยู่ ซึ่งหมายความว่า ในคำพูดมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนเราได้” และนี่จึงเป็นที่มาของการถ่ายทอด “ทางลัดวิเศษ” ที่นักเขียนท่านนี้จะนำพาเราไปพบเจอแต่ความโชคดีและมีความสุข พบเจอแต่สิ่งที่เราขอหรือเอ่ยปากพูดกับตัวเองอยู่ทุกๆ วัน ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากเป็นพิเศษไปกว่านั้น แค่พูด แค่เอ่ยปากขอสิ่งที่เรามุ่งหวังออกมา และลงมือทำทันที!
ในหนังสือเล่มนี้ มีทั้งหมด 7 หัวข้อใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ถ้าพูดแต่สิ่งดีๆ ก็จะมีแต่ “เรื่องดีๆ “ เกิดขึ้น! (เปลี่ยนชีวิตด้วยถ้อยคำเชิงบวก), นิสัยแห่งการใช้คำพูดที่ช่วยให้คลายกังวล! (ความมั่นใจจะพรั่งพรูออกมานับจากวันนี้), นิสัยแห่งการใช้คำพูดที่ดึงดูดพลังงาน! (ใช้คำพูดดีๆ สร้างอนาคตที่สดใส), นิสัยแห่งการใช้คำพูดที่ทำให้สัมพันธภาพรอบตัวราบรื่น (ทำให้การพบปะกับผู้คนสนุกขึ้น), นิสัยแห่งการใช้คำพูดที่สื่อความคิดออกไปได้อย่างแม่นยำ! (ถ้าคุณเปลี่ยน อีกฝ่ายก็เปลี่ยน), นิสัยแห่งการใช้คำพูดที่จะทำให้ความรักสมหวัง! (คุยกับคนที่ชอบได้คล่องปรื๋อด้วยคำพูดแบบนี้) และ นิสัยแห่งการใช้คำพูดเพื่อพลิกชีวิตนับแต่วันนี้! (เปลี่ยนใจให้แข็งแรง)
ในแต่ละหัวข้อ ก็จะมีแนวทางดีๆ อยู่อีกมากมาย อ่านง่าย จบในตอน ซึ่งถ้าหากเรารู้จักนำในแต่ละตอนมาปรับใช้ ควบคู่ไปกับการขอแล้วเชื่อว่าเราจะได้รับ และลงมือทำ ผมเชื่อว่านี่จะเป็นทางลัดวิเศษที่จะช่วยเรียกความโชคดีและเรียกความสุขให้มาอยู่กับเราได้อยู่ตลอดเวลา
ในหน้าที่ 67 ผู้เขียนได้บอกเล่าว่า มีช่างภาพหญิงท่านหนึ่งมีความฝันว่าอยากเปิดงานนิทรรศการของตนเองมาตลอด และหลังจากเริ่มงานมาได้หลายปี ในที่สุดเธอก็สามารถทำความฝันดังกล่าวให้เป็นจริง ซึ่งในกรณีของเธอผู้นี้ เธอบอกว่าสิ่งที่เป็นพลังงานขับเคลื่อนในการทำความฝันให้เป็นจริงก็คือเพื่อนพ้องของเธอนั่นเอง
“เวลาที่ได้ร่วมรับประทานอาหารกับช่างภาพหรือนักเขียนที่สนิทสนมกันด้วยเรื่องงานและได้พูดคุยเรื่องอนาคต ความฝัน หรือ ความปรารถนา เธอจะได้รับแรงกระตุ้นที่ดี การได้ใช้เวลาที่สนุกสนานร่วมกับผู้คนซึ่งกำลังพยายามมุ่งมั่นไปสู่ความฝันเช่นเดียวกับตนเองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เธอสามารถพยายามต่อไปได้โดยไม่สูญเสียความกระตือรือร้น เราไม่ควรเก็บความฝันหรือความปรารถนาไว้กับตนเองคนเดียว เพราะการได้พูดคุยแบ่งปันกับใครสักคน จะทำให้สิ่งที่ฝันไว้เข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น”
มาถึงตรงนี้ ผมก็ได้เคล็ดวิชามาอีก 1 ข้อ นั่นก็คือ ขอเรื่องดีๆ ให้กับตัวเอง หรือพูดเรื่องบวกๆ ให้กับตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอเสียแล้ว เราต้องขอต้องพูดมันออกมาให้คนที่มีศีลเสมอกัน มีความฝันในทิศทางเดียวกัน หรือคนที่อยู่ด้วยแล้วมีแต่พลังงานบวกให้ได้ยินได้ฟัง เพื่อที่เขาจะได้รับรู้และรู้สึกถึงพลังงานบวกของกันและกัน และร่วมมือกันในการแผ่ขยายพลังงานบวกนั้นให้กว้างขึ้น กว้างขึ้น และกว้างขึ้น จนพื้นที่ของพลังงานบวกสามารถรองรับเอาทุกความฝันที่เราเฝ้าขอมาร่ายมนตร์ให้มันกลายเป็นความจริงในท้ายที่สุด
วันนี้ คุณได้ขอ เชื่อ รับ และลงมือทำ และบอกกับคนรอบข้างในเรื่องที่ขอนั้นแล้วหรือยังครับ?
โฆษณา