16 มี.ค. 2019 เวลา 15:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สัญญาณบ่งบอกว่าความตายใกล้จะมาถึง
หนาว หัวใจสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ยากขึ้น จึงมุ่งส่งโลหิตไปเลี้ยงส่วนที่สำคัญที่สุด มือ เท้า แขน และสุดท้ายคือ ขา เมื่อมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ส่วนนั้นๆ จึงเย็นและซีด
หลับ ระบบเมแทบอลิซึมทำงานช้าลง ร่างกายจึงมีพลังงานสำหรับทำกิจกรรมที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น คนใกล้ตายจึงนอนหลับยาวและอาจจะปลุกให้ตื่นได้ยาก
เลอะเลือน ระบบเผาผลาญทำงานช้า ทำให้สมองทำงานน้อยลง คนใกล้ตายจึงมักหลงลืม ไม่ค่อยรู้วันเวลา ไม่รู้ว่า ตัวเองอยู่ที่ไหน และอาจจำญาติมิตรไม่ได้
ไม่หิวไม่กระหาย การกิน ดื่ม และย่อยอาหารล้วนต้องใช้พลังงาน คนใกล้ตายจึงไม่ค่อยมีความรู้สึกกระหายน้ำหรืออยากอาหาร
หายใจไม่ปกติ ปริมาณโลหิตที่ไหลเวียนน้อยลง มีผลกระทบต่อปอดและการหายใจเข้าออก การหายใจจึงไม่เป็นจังหวะ แลหยุดไปครั้งละนานๆ ในบางกรณีคนใกล้ตายจะหายใจหอบ
ปี 2013 นักประสาทวิทยา ชื่อ จีโม บอร์จิจิน แห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนในสหรัฐฯ ทำการทดลองแล้วได้ผลว่า แม้หัวใจจะหยุดเต้น แต่ความคิดยังคงแล่นอยู่ในสมอง บอร์จิจินวัดคลื่นสมองของหนูทดลองทั้งก่อนตายและหลังจากมันตายไปแล้ว โดยเขาให้ยาสลบกับหนูทดลองแล้วฉีดน้ำเกลือเข้าไปในหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น แต่พบว่าคลื่นสมองของหนูยังทำงานเหมือนหนูที่มีความรู้ตัวตามปกติต่อไปอีก 30 วินาที แถมยังทำงานมากกว่าปกติอีกด้วย เขาสรุปว่านี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่หัวใจหยุดเต้น แล้วได้รับการกู้ชีพจนฟื้นขึ้นมาใหม่ จึงบอกว่า มองเห็นภาพเหมือนเวลานอนหลับฝัน
อวัยวะส่วนต่างๆ เก็บไว้ได้นานไม่เท่ากัน เนื้อเยื่อประเภทต่างๆ ในร่างกายทนต่อการขาดออกซิเจนได้ไม่เท่ากัน โดย
สมอง จะตายหลังจากหัวใจหยุดเต้น 5-10 นาที แต่แค่ผ่านไปเพียง 2-3 นาที ก็จะเกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงแล้ว
ผิวหนังและเส้นเอ็น สามารถเก็บไว้ได้นานที่สุด 12 ชั่วโมง และอาจนำไปปลูกถ่ายได้
ใบหูและนิ้วมือ เก็บไว้ได้ 6 ชั่วโมง โดยหลักการแล้วสามารถนำไปต่อให้ผู้อื่นได้
ฟัน สามารถนำไปฝังในกรามผู้อื่นได้หลังจากเจ้าของฟันอยู่ภาวะขาดออกซิเจน 2 ชั่วโมง
โฆษณา