5 พ.ค. 2019 เวลา 04:12 • การศึกษา
"กับดักหนี้สินภัยเงียบที่ใกล้ตัว"EP:9
เมื่อรายรับของผมเท่าเดิม แต่รายจ่ายมากขึ้น เพื่อนๆ ที่เคยอ่านเรื่องราวของผมมาบ้างแล้ว อาจจะคิดว่าผมต้องใช้วิธีการเดิม คือ การหางานใหม่ เพื่อให้มีรายรับเพิ่มขึ้นใช่ไหมครับ ตัวผมก็อยากทำแบบนั้นนะครับ แต่...เนื่องจากหลายๆ ปัจจัย ทำให้ผมไม่คิดที่จะเปลี่ยนงาน และหางานใหม่อีก
ผมเข้าสู่ภาระหนี้สินที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มตัว กล่าวคือ เมื่อผมมีรายรับเท่าเดิม แต่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับในแต่ละเดือน ทางออกเดียวก็คือต้องกดบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดที่มียอดเงินคงเหลือ รวมถึงบัตรที่เคยปิดยอดหนี้ไปแล้ว แต่ยังมีวงเงินคงเหลือมาใช้เพื่อให้เพียงพอกับรายจ่ายที่ผมมี
ผมเริ่มจ่ายบัตรแค่ขั้นต่ำต่อไปไม่ไหว เนื่องจากหนี้สินที่มีเริ่มมากขึ้น มากขึ้น โดยหากคิดว่าหนี้สินส่วนไหนที่มีมากที่สุด ก็คงหนี้ไม่พ้นหนี้สินที่ผมได้ก่อขึ้นใน EP8 ที่ผ่านมาก็คือหนี้สินจากการซื้อรถยนต์ มันจึงทำให้กระแสเงินสดสุทธิ(เงินสดคงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ) ของผมติดลบ(-) และผมยังหนี้สินจากบัตรต่างๆ รวมถึงสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเงินก้อนอีก มันจึงทำให้ผมไม่สามารถจ่ายแค่เพียงขั้นต่ำได้อีกต่อไป
เพื่อนๆ เชื่อไหมครับว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตไร้ซึ่งความสุข มันเหมือนพายุของความทุกข์ที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิต ไม่มีกำลังใจในการก้าวเดิน ไม่มีกำลังใจในการทำงาน มันเหมือนชีวิตที่มองไปทางไหนก็มืดมนไปหมด เพราะผมมีรายได้เข้ามา ผมต้องเอาไปจ่ายหนี้ให้เขาหมด แทบจะไม่มีเหลือให้ตัวเองได้ใช้บ้างเลย
ผมย้อนกลับมาคิด ตั้งหลัก และทบทวนตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น และผมต้องอยู่กับมันให้ได้ โดยที่ผมทำได้เพียงให้กำลังใจตัวเอง ผมพูดกับตัวเองเสมอว่าเราต้องทำได้ มันต้องดีขึ้น เราต้องอยู่กับมันได้ ทุกปัญหามันมีทางออก ท้อได้แต่อย่าถอยนะ เราต้องสู้ มันเหมือนเราพูดให้จิตใจเราดีขึ้น เพื่อให้เรามีกำลังใจมากขึ้นประมาณนั้น
เพื่อนๆ อาจจะคิดนะครับว่า ถ้าหนี้สินที่เกิดจากรถยนต์มันมีมาก หรือมันหนักจนเราแบกไม่ไหว ทำไมไม่ขายทิ้ง ภาระหนี้สินจะได้ลดลง ที่คิดแบบนั้นมันถูกต้องครับ ผมก็ทำอย่างที่ทุกคนคิดแหละครับ ผมนำรถไปตีราคาขายที่เต็นท์รถต่างๆ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะให้ราคาถูกมาก ได้เงินมาจะไปปิดไฟแนนท์ยังไม่ได้เลย ผมเลยไม่สามารถขายมันออกไปได้ และต้องอยู่กับมันต่อไป รอจนเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม ผมจึงจะขายมันอีกครั้ง
เมื่อรถยนต์ที่มีไม่สามารถขายได้ และยังมีหนี้สินที่เป็นเหมือน"หอก"ที่มีคนถืออยู่ข้างหลัง ค่อยๆเข้ามาหาตัวเรามากขึ้นๆ ในแต่ละเดือน ทำให้จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว การทำงานก็มีประสิทธิลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะวันๆ คิดแต่เรื่องจะทำยังไงกับหนี้สิน จะหาทางออกยังไงดีให้กับตัวเอง มันเป็นผลกระทบในด้านต่างๆ ของชีวิตจริงๆครับ
ผมหยุดการจ่ายหนี้สินที่มี(บางบัตร) เพื่อให้เหลือเงินไว้ใช้ในแต่ละเดือน ที่ผมต้องทำแบบนี้ก็เพราะ ผมไม่มีเงินเพียงพอในการใช้จ่ายแล้ว แต่ผมก็ต้องแรกกับการที่ผมต้องเสียเครดิต ซึ่งในตอนนั้นผมคิดว่าคำว่า"เครดิต"มันไม่สำคัญกับผมอีกต่อไป...
ตอนหน้าผมจะมาแชร์เรื่องราวจองผมต่อนะครับ หวังว่าผู้อ่านจะได้รับโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
หากเห็นว่าเนื้อหาเป็นประโยชน์ กด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับผม
ขอบคุณครับ
โฆษณา