30 พ.ค. 2019 เวลา 06:06 • ศิลปะ & ออกแบบ
ก็อปงาน เป็นหัวข้อที่ค่อนข้างซีเรียสอีกอันหนึ่งก็คือ เรื่องของโดนเพื่อน ก็อปงาน ทำยังไงนะคะเพื่อน ก็อปงาน ลายเส้นเราทำยังไง
ที่นี้หลายๆคนก็จะรู้สึกว่า เรื่องของการ ก๊อบงาน ลายเส้นมันเป็นเรื่องใหญ่มากนะคะ ที่มันเป็นเรื่องใหญ่เพราะอะไร เพราะเรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันผิดและมันผิดมากๆ ถ้าหากก็อปปี้แล้วแอบอ้าง ถามว่าเราเห็นด้วยไหม กับแนวคิดนี้ เราคิดว่ามันเป็นดาบสองคมมากกว่าค่ะ
เพราะว่าอะไรเรื่องนี้มันถึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายๆคน?
 
เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันทำให้เราเสียชื่อได้
เวลาที่คนหาว่าเราเป็นฝ่ายไปก็อป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสมมุติคนที่เขาก็อปบางส่วนไป
แล้วดันดังกว่าต้นฉบับเลยมันก็มีแบบเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนะคะ
ซึ่งถามว่าคนเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากเขาที่เป็นต้นฉบับกลับไม่มีชื่อเสียง
แล้วคนก็อปปี้ กลับดังขึ้นมา อย่างกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับศิลปินเพลงหลายๆคน
อันที่จริงแล้ว เราคิดว่า คุณไม่สามารถทำอะไรได้ตรงๆกับเรื่องนี้นะคะ
การที่คนจะดังขึ้นมา มันก็ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียวด้วย
การที่คนดัง มันหมายถึง คนๆนั้นได้อุทิศหลายๆอย่างให้กับความดังไปแล้ว
ดังนั้น ส่วนนึง มันไม่ได้หมายความว่า งานของเขา ดีกว่างานของคุณนะคะ
เพียงแต่ เขาอาจจะมีโอกาส มีความสม่ำเสมอ หรือขยันมากกว่าคุณ
และถ้าเขาเป็นแบบนั้น แล้วเขาดันเผอิญมาชอบงาน แล้วก็ก็อปงานบางส่วนไปแล้วเผอิญเกิดปังขึ้นมา
คิดซะว่า เขาได้ทำร้ายตัวเอง เพราะถ้าสักวันนึง คนรู้ความจริง
คนที่เสียหายจะไม่ใช่คุณ แต่เป็นเขา แต่คุณต้องยอมรับว่า บางทีแล้ว
แฟนคลับ หรือคนที่รักผลงานของคนๆนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา
ก็ยังมีแฟนคลับส่วนนึงที่ยังเหนียวแน่นอยู่แน่นอน ดังนั้นทางเลือกนี้
เป็นตัวพี่เองจะไม่ทำอะไร จะพัฒนาผลงานต่อไปเรื่อยๆ
ที่นี้คือเราจะทำยังไงให้เรารู้สึกดีกับเรื่องนี้ขึ้นมาได้
พี่อยากจะให้น้องให้อภัยก่อนนะคะแล้วก็ให้แล้วก็จูนตัวเองอยู่ในคลื่นอารมณ์ที่เป็นบวกก่อน
เพราะอะไร?เพราะว่าการที่น้องจูนอยู่ในคลื่น +
มันจะทำให้น้องเป็นคนที่ดีขึ้นนะคะ
 
แล้วก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งนั้นทำให้น้องสามารถ Continue ทำต่อไปเรื่อยๆ
หรือว่าเริ่มทำในสิ่งที่เราต้องทำต่อไปได้
โดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่ถึงขนาดที่เป็นอยู่ โอเคคือมันอาจจะห้ามไม่ได้การที่รู้ว่าโดนก็อปแล้ว
เราจะรู้สึกแย่แต่ว่าเราก็ต้องรู้เท่าทันตัวเองว่าคือสิ่งนี้มันเกิดขึ้นนะคะมันเกิดขึ้นไปแล้ว
เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไป แล้วกลับไปตอนที่คนยังไม่ก็อปเราได้
เมื่อมันเกิดขึ้นเรา สามารถทำได้สองข้อคือ ทำใจยอมรับแล้วก้าวต่อไป พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
กับเลือกที่จะสู้กับเขา ซึ่งก็เสียเวลาเปล่าๆ ค่ะ คนเรายากที่จะเปลี่ยนแนวคิด นอกจากนี้ คนที่ติดการก็อปปี้ ต่อให้เขาไม่ทำกับน้อง
เขาก็ไปทำกับคนอื่นอยู่ดี ซึ่งการที่จะให้บทเรียนเขา มันอาจจะไม่ใช่การเผชิญหน้า แต่เป็นการให้สังคม ลงโทษเขาไปเอง
คนเราถ้าทำผิดแล้ว ถ้าเราคิดจะเอาเรื่องมันไม่ยากหรอกค่ะ แต่จะได้ศัครู เพิ่มมา อีก 1 คน
ซึ่งจริงๆแล้ว ทำไมทำไมก็ไม่รู้ เพราะศัตรู ยิ่งมีเยอะยิ่งมากความ
แล้วในเมื่อมันก็เป็นสิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว บางทีเราก็ต้องยอมรับนะคะ นอกจากนี้เราไม่สามารถห้ามไม่ให้ทุกคนก็อปปี้งานได้
เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ 100% หรอกนะคะ
เพราะว่าสิ่งที่มันอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของเราทั้งหมดทั้งมวลไม่ว่าจะ
เป็นอะไรก็ตามที่เป็นคนอื่นเราไม่สามารถควบคุมได้
ทีนี้พอเราไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านั้นได้เนี่ยการที่มันเกิดขึ้นเราถึงรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ พี่คิดว่าเพราะอย่างแรกคือเรามนุษย์ทุกคนต้องการมีคอนโทรล รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ในชีวิต
แต่จริงๆแล้วเราไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่างในชีวิตที่เกิดขึ้น
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ในสังคมมนุษย์ประกอบไปด้วยคนอื่นประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตเลยค่ะที่นี้เราก็ไม่สามารถห้ามให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะว่าบางทีคนที่เขาคนที่เขาดูงานเราแล้วเขาชอบเขา
เกิดอยากทำบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดใช่ไหมคะ ?
 
ไม่ได้ผิดศีลธรรม ไม่ได้ผิดจรรยาบรรณ(ในกรณีทีก็อปเพื่อฝึก)แต่ว่ามันคือผิดในเรื่องของความรู้สึกมากกว่า
ความรู้สึกที่ว่าก็คือมันทำให้เรารู้สึกแย่นะคะ
 
ในที่นี้ก็คือเหมือนทำไมต้องมาก็อปฉัน ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลยเหรอ
คือพี่อยากให้คิดซะว่าเราเป็นแรงบันดาลใจเขาเราทำให้เขาสามารถวาดรูปต่อได้ทำให้เขามีความสุขในการวาดรูปนะคะ
แล้วถามว่าพี่แล้วเราคิดอย่างนี้ได้ยังไงถ้าสมมุติว่าเขาเทคเอาเครดิตของงานเรา เขาดูดไปเลย เราจะคิดยังไงให้มันรู้สึกดีได้ในเมื่อในเมื่อสิ่งที่เราทำมันแย่ อยากให้คิดว่า สิ่งที่มันเข้ามาในชีวิตมันทำให้เราเติบโตค่ะ
ถ้าน้องไม่สามารถทำใจได้เวลาที่มีคนมาก็อปงาน อย่างแรกเลยก็คือน้องคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันแย่จริงเหรอเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยน้องก็เคยเหมือนกันไหม ตอนฝึก หมายถึงแบบเคย Copy งานของศิลปินที่ชอบอาจจะเคยเอาบางส่วนของศิลปินที่ชอบมาวาดเลยนะคะในตอนที่เราเป็นเด็ก หรือแม้แต่งานมหาวิทยาลัยบางส่วนที่ให้ศึกษาจากศิลปินคนอื่นๆ
 
การควบคุมคนอื่นไม่ให้ก็อป มันเหมือนพยายามควบคุมสภาพภูมิอากาศ วันนี้ฝนตกวันนี้อากาศดีคือเราไม่สามารถควบคุมได้มันเหมือนกับเรื่องของคนอื่นนะคะก็คือเราไม่สามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เราไม่สามารถบอกได้ว่าหยุดก็อป
 
เพราะว่าถ้าคนจะก็อปมันก็ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยการการจัดการที่ดีคือไม่ใช่การไปห้ามคนอื่น ไม่ให้เขาก็อปเพราะอะไรเพราะว่ามันก็เป็นสิทธิ์ในการเรียนรู้ของเขา เขาอาจจะก็อปตอนที่น้องไม่รู้ก็ได้ไหมคะเพราะฉะนั้นเนี่ยคือให้คิดซะว่าสิ่งที่น้องทำคือมันเป็นการทำบุญอย่างนึงนะการเป็นการที่ทำให้เขาสามารถเติบโตไปได้สามารถวาดรูปต่อไปได้
 
แล้วก็ทำให้เขามีแรงบันดาลใจมากมายในการที่จะวาดรูปหรือว่าทำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นในอนาคตอะไรแบบนี้เพราะว่า George Martin ว่าจริงๆแล้วในโลกมนุษย์ใบนี้นะคะไม่มีใครเกิดมาอยากเป็นคนเลว
ทุกคนอยากเกิดเป็นคนดีอยากทำความดีแล้วก็อยากทำในสิ่งที่ดี เพียงแต่ว่าในสายตาของบางคนนั้นบางอย่างถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเขา
 
คือบางอย่างถือว่าไม่ผิดเลยนะ ในสายตาของตัวเขาเอง บางทีพี่ก็รู้สึกแย่เหมือนกันเวลาที่เข้ามาในติ๊กต็อก เห็นคนดราฟ photograph ภาพถ่ายแล้วดัง ถึงพี่จะรู้ว่าตัวเองรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดีเลยก็ตาม แต่พี่ก็ไม่เลือกที่จะโต้ตอบออกไป เพราะเราสามารถเลือกสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราทำได้นั่นก็คือการควบคุมตัวเอง ก็คือการตามที่พี่บอกไว้ตอนแรกก็คือเราไม่สามารถควบคุมการกระทำคนอื่นได้เราไม่สามารถควบคุมได้ว่าคนนี้ห้ามกดไลค์นะห้ามกดไลค์ภาพที่ก็อปมา ห้ามก็อปงานฉัน ห้ามทำนู่นทำนี่
เพราะว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่สิ่งที่เราควบคุมได้คือความรู้สึกของตัวเราความรู้สึกของตัวเรา
บางคนอาจจะบอกว่าน้องไม่เคยทำแบบนี้แต่กลับโดนแบบนี้ จะทำยังไงดี
คือก็ไม่เคยก็อปใคร แต่กลับโดนก็อปโดยคนใกล้ๆตัว หรือคนรู้จักก็ตาม
พี่อยากจะให้น้องมองโลกในแง่ดีก่อนน้องอาจจะโกรธ อยากให้ใจเย็นก่อนนะคะ เพราะว่าอย่างแรกเลยคือมันไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธกับสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ค่ะมันเหมือนสภาพภูมิอากาศที่น้องไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ค่ะ เราต้องยอมรับก่อนว่า มันมีจริงๆคนที่ก็อปปี้ เพื่อต้องการพัฒนาตัวเอง ต้องการอยากให้งานดีขึ้น เขาอาจจะชอบงานน้อง เห็นน้องเป็นแบบอย่าง ในด้านใดด้านหนึ่ง ส่วนที่เขาก็อป บางทีเขาก็รู้ตัว บางที เขาก็อาจจะไม่รู้ตัว เหมือนติดกลิ่นไป หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้ก็อปน้อง แต่มีแรงบันดาลใจที่ใกล้เคียงกัน
ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ล้วนมีเมล็ดพันธุ์แห่งการเติบโตอยู่ในนั้น ถึงมันเป็นเรื่องแย่เรื่องแย่น้องก็รู้สึกดีได้ น้องเลือกที่จะรู้สึกได้มันไม่เหมือนตู้เย็นที่น้องใส่ของเข้ามาช่องฟรีซแล้วทุกอย่างจะถูกแช่แข็งคืออันนั้นมันเป็นข้อเท็จจริง แต่เรื่องของความรู้สึกมันเป็นเรื่องที่น้องสามารถควบคุมได้มันเหมือนอุณหภูมิของแอร์ที่น้องเปิดปิดควบคุมมีสวิตซ์เปิดปิดแอร์ได้มากกว่านะคะ พูดง่ายๆก็คือน้องสามารถควบคุมในสิ่งที่น้องคิดได้ ไม่ว่าน้องจะคิดอะไร สิ่งนั้นจะเป็นจริงในโลกของความคิดของน้องเสมอ มันเป็นความเชื่อของคุณ สิ่งที่คุณเชื่อ ก็จะส่งผลต่อสิ่งที่คุณกระทำนะคะ
แล้วน้องควรจะเลือกควบคุมในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ มากกว่าสิ่งที่น้องควบคุมไม่ได้นะคะ การที่น้องพยายามควบคุมในสิ่งที่น้องควบคุมไม่ได้ มันก็เหมือนกับการที่น้องคิดว่าตัวเองจะถูกหวยตอนที่ซื้อหวยนั่นแหละ โอเคน้องมีทั้งโอกาสถูกและโอกาสพลาด ความเป็นไปได้มันก็มีอยู่ ดังนั้นอย่าให้อารมณ์ของคนอื่นการกระทำของคนอื่นหรือว่าสิ่งที่คนอื่นพูดสิ่งที่คนอื่นคิดสิ่งที่คนอื่นทำซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้มาอยู่เหนือสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ก็คืออารมณ์ตัวเอง เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปควบคุม
ในทางตรงกันข้ามเนี่ยเราควรจะควบคุมตัวเราเองนะคะเมื่อโดนควบคุมความโกรธที่เกิดขึ้นแล้วอันนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้แล้วก็ไม่ผิดอะไรใดๆทั้งสิ้นโอเคเราอาจจะโกรธเขาแต่วิธีในการแสดงออกของเราเอง เราสามารถที่จะควบคุมสิ่งเหล่านั้นได้ และมันเป็นสิ่งที่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่งนะคะ เราไม่ควรระเบิดความโกรธ ออกโซเซียลแบบมั่วๆ
น้องอาจจะบอกว่าพี่จะยอมไม่ได้เลย คือการที่น้องเอาเวลาไปหาเรื่องเขา มันเสียเวลา เสียความรู้สึก ศัตรูมีแค่คนเดียวก็มากพอ น้องไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูเพิ่ม หมายถึงแบบเอาเวลาไปสู้ไปไฝว้ตรงนี้มาพัฒนาฝีมือตัวเองให้เขาตามไม่ทันดีกว่าแล้วเขาก็เป็นคนก๊อปไม่ใช่เป็นของจริง หรืออะไรที่originalอยู่แล้ว
คือให้คิดซะว่าเราช่วยเหลือเขาคิดในแง่นี้มันจะรู้สึกดีขึ้นนะคะแล้วก็หวังเรื่องนี้น่าจะช่วยให้น้องรู้สึกดีขึ้นกับการที่มีคนมาก็อปผลงานของเราไปนะคะ คิดในแง่ดี ทุกอย่างจะดีขึ้น อย่าลืมพัฒนาผลงานตัวเองไปเรื่อยๆให้ขาดจากเขาไปอีก ขาดไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะไม่เหมือนกันเอง สิ่งที่สำคัญ คือเราต้องรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกันก่อน ถ้าเขาจงใจก็อปปี้เพื่อแอบอ้าง ตัวเขาเองนั่นแหละค่ะ ที่จะได้รับผลเสียเหล่านั้นไปเองในที่สุด หรือที่เรียกว่า แพ้ภัยตัวเองนะคะ บางทีตัวน้องแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำนะ
ถ้ามีคนก็อปงานเราไปขายจะทำยังไง?
บางคนอาจจะบอกว่า พี่จะอยู่นิ่งๆได้เหรอ เป็นผม ผมทนไม่ได้นะ คนก็อปปี้งานไปขาย มันเป็นการหยามเหยียดอย่างสุดๆ และไร้จรรยาบรรณที่สุด
จริงๆเป็นพี่ พี่จะอยู่เฉยๆ ก็แค่เอามาโพส แล้วก็ให้สังคมลงโทษไปก็พอแล้วค่ะ นั่นคือบทเรียนที่แรงที่สุดสำหรับคนก็อปแล้วแอบอ้าง นั่นก็คือกระบวนการลงโทษจากสังคม ซึ่งสิ่งนี้ มันก็จะเกิดขึ้นมาเอง ถ้ามีตัวจุดชนวนบางอย่าง ส่วนคนที่ก็อปงานคนอื่นไปแอบอ้างขาย มันไม่ได้ยั่งยืนนะคะ สิ่งที่คุณทำ สักวันจะมีคนจับได้ และคนก็จะมีกระบวนการในการลงโทษในแบบของเขา บางคนอาจจะแบน ไม่ซื้อสินค้า ไม่คบค้าสมาคมด้วยก็มี มันขึ้นอยู่กับดีกรีความแรงในการแอบอ้างของคุณ ว่าคุณแอบอ้างเบอร์แรงแค่ไหน และสิ่งเหล่านี้ คุณไม่สามารถปิดคนไว้ได้ตลอดไปนะคะ สักวันคนจะรู้อยู่ดีค่ะ
พี่เลือกทางที่สงบที่สุด การไม่สู้ ไม่ได้หมายความว่าให้คนอื่นเอาเปรียบเราได้ แต่มันอาจจะหมายถึง การเลือกที่จะจบกรรมนั้นที่เราเองก็ได้ค่ะ เพราะสุดท้าย ถ้าคุณเลือกที่จะสู้ คุณจะต้องคิดว่า ถ้าคุณเสียเวลาสู้กับคนหนึ่งคน แล้วถ้ามีกรณีเหมือนเดิม ก็ทำเหมือนเดิมอีก สรุปคุณต้องเสียเวลาไปเท่าไร กับสิ่งที่ไม่ productive แนะนำว่า ถ้าเจอแบบนี้ ใช้กลไกสังคม จัดการจะดีที่สุดนะคะ นอกจากนี้ น้องควรเลือกทางเดินที่ตัวน้องเองมี peace of mine หรือ ความสงบในจิตใจมากที่สุดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม วิธีที่ดี มักจะเป็นสิ่งที่เราได้ผลกระทบกลับมาน้อยที่สุด ในขณะที่ให้ผลลัพธ์ที่สุด สุดท้ายนี้ ก็หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จาก entry นี้เช่นเคยนะคะ
โฆษณา