31 พ.ค. 2019 เวลา 15:31 • ศิลปะ & ออกแบบ
แกรี่ วี บอกไว้ใน Crushit ว่าคนที่ไม่ยอมลองโซเชียลใหม่ใหม่เพราะว่ากลัวว่าโซเชียลใหม่ใหม่จะล้ม
เราสามารถลองก่อนแล้วดูว่าเราชอบหรือไม่ในโซเชียลนั้นนั้นแล้วค่อยดูว่าจะไปต่อหรือไม่ไปต่อก็เพราะว่าธุรกิจแต่ละคนอาจจะใช้โซเชียลหลักไม่เหมือนกันก็ได้ นอกจากนี้คุณเองก็อาจจะไม่ได้ดังอยู่แล้วตั้งแต่แรกทำไมถึงปฏิเสธช่องทางที่จะทำให้คุณสามารถมีชื่อขึ้นมาได้ในโซเชียลนั้น ?
อย่างเราบอกตรงตรงเราไม่ชอบทวิตเตอร์เลยเพราะว่าเราไม่ชอบบ่นอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวลงในนั้นคือไม่เข้าใจโซเชียลนี้ก็เลยรู้สึกเล่นแล้วงง ก็เลยลดการทวิต
และเราก็แนะนำน้องหลายคนลองมาติ๊กต๊อกสิ ตอนนี้ยังทำง่ายอยู่นะ สุดท้ายหลายหลายคนก็จะมีข้ออ้างว่าไม่ถนัดวิดีโอบ้างหรือไม่ก็เป็นข้ออ้างอย่างเช่นไม่ชอบทำเอ็มวีบ้างไม่ชอบนั่นไม่ชอบนี่แล้วก็ไม่ลงมือทำอะไรซักอย่าง ไม่เรียนรู้ที่จะทำ ในขณะที่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาอยู่แล้วมันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วถ้ากลัวเสียเวลา โพสต์โซเชียลที่ไม่ได้ผลในระยะเวลานานไม่เสียเวลาเปล่ากว่าเหรอ. คนที่ชอบงานเราอยู่ไหนตามหาเขาให้พบ แต่ก่อนออกไปตามหาทำงานให้งานตัวเองดีก่อน
หลายคนรู้สึกว่าเออทำไมไม่ไป get real job หรือหางานประจำทำเรารู้สึกว่าสุดท้าย’งานประจำ’สำหรับเรามันอาจกลายเป็น’งานจองจำ’คือเราไม่มีอิสระทางความคิดที่แท้จริงเลย สุดท้ายต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายไม่สามารถคิดหรือทำอะไรเองบ้างได้ ออกความคิดเห็นไปมันก็ดูแล้วสูญเปล่าเพราะว่า เราเป็นพนักงานคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ออกเสียงไปก็เหมือนกับเทเกลือในมหาสมุทร
เมื่อก่อนก็มีคนถามเราว่าทำไมต้องอยากดัง อยากมีชื่อ จริงๆสิ่งนั้นมันเป็นผลพลอยได้เฉยเฉยว่าผลลัพธ์จริงๆแล้วเราอยากให้สิ่งที่เราพูดมันมีน้ำหนักต่อคนทั่วไปเพราะฉะนั้นการมีอิทธิพลทางความคิดได้และส่งผลในวงกว้างเราจะเป็น Anonymous ไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการทำมาหาเลี้ยงชีพด้วย แต่มันก็จะมีบางคนที่เลือกที่จะเป็น Anonymous ที่มีชื่อ อย่างลงทุนแมน ที่มีชื่ออันนี้มันก็แล้วแต่
เราต้องยอมรับมันก่อนว่าในยุคนี้ใครมีชื่อในสิ่งที่ทำ คนคนนั้นสามารถไปไกลในสายอาชีพได้ และสามารถเลือกหนทางของตัวเองได้มากกว่าว่าจะทำงานให้ใครไม่ทำให้ใคร
ถ้าเราพูดถึงอะไรแล้วนึกถึงคนๆนั้นในระดับต้นต้นคืออยู่ในท็อป 1% นะตอนนั้นก็สบายมากๆเพราะลูกค้าจะเยอะจนรับไม่ทัน
โฆษณา