28 มิ.ย. 2019 เวลา 11:00 • ธุรกิจ
บทสรุป SET ขึ้น หุ้นไม่ขึ้น
ในที่สุดก็เดินทางมาจนถึงบทสุดท้ายของหัวข้อนี้เสียที หลังจากที่บทความก่อนๆ ผมได้พยายามหาคำตอบของคำถามว่าทำไมหุ้นที่ผมถือถึงไม่ค่อยขึ้น (หรืออันที่จริงหุ้นลงด้วยซ้ำ) ในขณะที่ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นกว่า 35% ในช่วงปี 2016-ปัจจุบัน (สำหรับใครที่เพิ่งมาติดตามแนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านบทความ 2 บทก่อนหน้านี้ก่อนนะครับ)
ซึ่งเหตุผลก็คือ จริงๆ แล้วหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับตัวขึ้นแม้ว่าดัชนีจะปรับขึ้นราว 35% และผมก็ได้ตั้งข้อสังสงสัยต่อไปว่าการปรับขึ้นของดัชนีในครั้งนี้น่าจะเป็นผลจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากในดัชนี ซึ่งมักจะอยู่ในกลุ่มหุ้น SET50 หรือ SET100 จึงนำมาสู่การทดสอบที่ผมจะกล่าวถึงในบทความนี้
เพื่อตอบคำถามว่า SET ขึ้นเพราะกลุ่มหุ้นใหญ่จริงหรือไม่ ผมจึงได้ทำการทดสอบย้อนหลังโดยการจำลองพอร์ตโฟลิโอขึ้นมาจำนวน 1,000 พอร์ต แต่ละพอร์ตจะซื้อหุ้น 20 ตัว ตัวละ 5 ล้านบาท รวมมูลค่าพอร์ตละ 100 ล้านบาท โดยจะเลือกหุ้นด้วยวิธีการสุ่มจากหุ้นในกลุ่ม SET100 ณ วันที่ 2016.01.01 แล้วถือมาตลอดจนถึงวันที่ 2019.06.24 (ต่อไปนี้จะเรียกการทดสอบนี้ว่ากลยุทธ์ SET100/20) ผลที่ได้จากผลการทดสอบพบว่า ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของทั้ง 1,000 พอร์ตโฟลิโอจำลองอยู่ที่ 20.49% เพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์ SETALL/20 (เลือกหุ้นด้วยการสุ่ม 20 ตัว จากหุ้นทุกตัวในตลาด) ซึ่งมีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของทุกพอร์ตโฟลิโออยู่ที่ 2.35% เพิ่มขึ้่นอย่างมีนัยสำคัญหรือเพิ่มขึ้นถึง 8.7 เท่า สำหรับผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอที่มีผลตอบแทนสูงที่สุด 20 เปอร์เซ็นไทล์แรกของกลยุทธ์ SET100/20 อยู่ที่ 41.23% เทียบกับกลยุทธ์ SETALL/20 อยู่ที่ 22.17% ซึ่งสูงกว่าถึง 86% และนอกจากนี้ยังชนะดัชนี SET ที่ให้ผลตอบแทนที่ 35.82% อีกด้วย สำหรับผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอที่สูงที่สุดของกลยุทธ์ SET100/20 อยู่ที่ 65.97% จะเห็นว่าชนะดัชนี SET อย่างขาดลอย (อย่าให้ความสำคัญกับตัวเลขผลตอบแทนที่สูงเกินจริงนี้มากนัก)
ตารางแสดงผลตอบแทนและความเสี่ยง (แบบย่อ) ของพอร์ตโฟลิโอจำลองจำนวน 1,000 พอร์ต แต่ละพอร์ตซื้อหุ้น 20 ตัว ตัวละ 5 ล้านบาท เลือกหุ้นแบบสุ่มในกลุ่มหุ้น SET100 ระหว่างวันที่ 2016.01.01-2019.06.24
จากการทดสอบทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมาสามารถสรุปได้ว่า ดัชนี SET ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงปี 2016 ถึงปัจจุบัน เป็นผลมาจากหุ้นขนาดกลางถึงใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีนัก ดังนั้นการใช้ดัชนี SET เพื่ออนุมานการขึ้น-ลงของหุ้นทุกตัวในตลาดจึงอาจไม่เหมาะสมนัก และการคาดหวังว่า SET ปรับตัวขึ้น แล้วหุ้นของฉันต้องปรับขึ้นตามก็เป็นความคิดที่ไม่ยึดโยงกับความเป็นจริงเลย การที่เราได้ผลตอบแทนน้อยกว่า SET อาจไม่ได้หมายความว่ากลยุทธ์ของเราไร้ประสิทธิภาพ และการได้ผลตอบแทนสูงกว่า SET ก็ไม่ได้แปลว่าเราเป็นเซียน การวัดความสำเร็จของการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ แต่การวัดความสำเร็จเทียบกับดัชนี SET ก็คงไม่เหมาะสำหรับทุกคน สุดท้ายแล้วการวัดผลอาจไม่สำคัญเลยก็ได้ หากเราพอใจผลตอบแทนของเราโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร
โฆษณา