22 ก.ค. 2019 เวลา 07:57 • การศึกษา
แล้วคุณละ! ทำงานอยู่ที่ระดับไหน?
ภาพ : cdn1.tnwcdn.com
จะมีบุคคลโชคดีสักกี่ % บนโลกมนุษย์นี้ที่ไม่ต้องทำมาหากิน และดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องเพื่อความอยู่รอด ซึ่งถ้านับกันจริงๆ แล้ว คงจะต้องใส่จุดทศนิยมกันยาวเหยียดหลายกระเบียดนิ้ว เพราะในโลกของความเป็นจริงนั้น ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการตั้งโปรแกรมให้เล่นเพลง Track เดิมวน Loop ซ้ำไปซ้ำมา และพอเปิดเครื่องเล่นต่อเนื่องไปมากๆ เครื่องก็พัง...เราก็นำเครื่องเล่นไปซ่อม...ซ่อมเสร็จ ก็นำกลับมาเล่นเพลง Track เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ไปเรื่อยๆ ...
ซึ่งเรื่องราวแบบนี้แหละครับ...ที่มนุษย์เรานิยามมันว่า “ชีวิต” และในเมื่อเรายังต้องมี “ชีวิต” เราก็จำเป็นต้องกิน...และการได้มาซึ่งของกินแน่นอนว่าก็ต้อง “ทำงาน” (หาเงิน) ซึ่งระดับของการทำงานก็แตกต่างกันออกไป และมันก็สะท้อนความสำเร็จที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน...มีระดับไหนอย่างไรบ้างลองไปดูกันครับ
ระดับที่ 1 : ทำเพื่อเสร็จ (ลูกจ้างที่ไม่โดดเด่นตลอดกาลทุกสมัย)
สาเหตุที่คนมากมายบ่นว่าทำงานหนักแต่ยังยากจนอยู่ ก็เพราะคนกว่า 80% ของดาวโลกแห่งนี้ทำงานแค่ “เพื่อเสร็จ” นั่นเอง ซึ่งหมายความว่าเมื่อเขาได้รับมอบหมายงานมา เขาจะหาทางกำจัดมันออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องมีงานอีกต่อไป พวกเขาจะมโนถึงแต่ความสบาย เช่น เวลาพักจะกินอะไร ตอนตอกบัตรกลับบ้านต้องต่อแถวมั๊ย ตอนที่ได้นั่งเหยียดขาดู Netflix อยู่ที่บ้าน ตอนเอาแฟ้มเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะหัวหน้า หรือตอนที่คลิกส่งอีเมล์แล้วมันขึ้นว่า “อีเมล์ได้ถูกส่งไปแล้ว” (ฟินมาก!) แน่นอนการทำเช่นนี้ไม่ได้เป็น “ความผิด” เลยแม้แต่น้อย แต่ขอแค่ให้จำไว้ว่าถ้าทำงานแบบนี้ รับรองว่าคุณจะไม่มีวันเป็นเศรษฐี หรือประสบความสำเร็จสูงสุดได้เลย ฟันเฟิร์ม!
ระดับที่ 2 : ทำเพื่อทรัพย์ (รวย แต่อาจอยู่อย่างทุกข์ใจ เครียด และไม่เป็นที่จดจำในทางที่ดี)
นี่คือระดับของการทำงาน “เพื่อเงิน” ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานระดับนี้จะทำให้คุณร่ำรวยกว่าการทำงานระดับแรกมากมาย แต่คุณอาจจะต้องสูญเสียเวลากับครอบครัว สุขภาพ เพื่อน ศีลธรรม และแลกมาด้วยความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่รัก ท่ามกลางคนที่รัก และทำในสิ่งที่เพิ่มพูนความรักในใจคน ซึ่งแน่นอนคุณมี “เงิน” แต่เงินที่หามาได้นี้มันไม่สามารถซื้อสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปได้เลย
ระดับที่ 3 : ทำเพื่อสุข (ที่สุด...ของแจ้ ที่สุดแห่งการทำงาน เงินจะตามมาแน่นอนหากหมั่นพัฒนาตัวเอง)
การทำในระดับสูงสุด คือ ไม่ใช่แค่การทำเพื่อรอ (วัน) ศุกร์ แต่มันคือ “การทำเพื่อสุข” ซึ่งสุขที่ว่านี้ไม่ใช่แค่สุขของตัวเอง แต่เป็นสุขของคนอื่นด้วย การทำเพื่อสุขไม่ได้จำเพาะอยู่กับอาชีพที่ทำ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการ หรือกระบวนการที่ทำอาชีพนั้นๆ ต่างหาก คนกลุ่มนี้จะทำโดยเน้นว่า “ฉันจะเพิ่มความสุขในใจของตัวฉันเองและคนอื่นให้ได้มากที่สุด” นั่นคือการทำงานขั้นสูงสุดประหนึ่งบรรลุธรรมในพุทธศาสนาก็ไม่ปาน
คนที่ “ทำงานเพื่อสุข” จะเกิดความท้อแท้ยากที่สุด เพราะความสุขไม่เหมือน “จำนวนงาน” หรือ “จำนวนเงิน” เพราะมันเป็นทรัพยากรภายในจิตใจที่ผลิตได้ไม่มีวันหมด ตราบใดที่เรายังมีความสุขที่ได้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และตราบใดที่เรายังมีความสุขที่เห็นคนอื่นยังยิ้มได้เพราะสิ่งที่เราทำ
พลังของความมุมานะในการทำงานจะไม่มีวันหมดไป หรือถึงแม้มันจะลดน้อยลงไปบ้าง แต่มันก็จะถูกเติมจนเต็มกลับคืนมาใหม่ในรุ่งอรุณของอีกวันอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหากองค์กรใดที่มีมนุษย์พันธุ์นี้อยู่จำนวนนมากๆ ย่อมน่าจะเป็นองค์กรที่น่าอิจฉาที่สุด
เพราะนอกจากผลการดำเนินงานดีจะส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมขององค์กรในเชิงบวกแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ๆ คนภายนอกมองเข้ามาแล้วจะพบเห็นแต่ “ความสุข” ซึ่งมันจะถูกส่งต่อออกไปเรื่อยๆ แบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ชนิดที่เราไม่ต้องพยายามดิ้นรนฝืนสร้างอะไรให้มันมากมายกันเลย...
แล้วคุณล่ะครับ! (จะเลือก) ทำงานอยู่ใน "ระดับ" ไหน?
ถ้าชอบบทความนี้รบกวนกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ 🙏🏻😊
เนื้อหาอ้างอิงจาก : หนังสือ “สมองเศรษฐี”
โฆษณา