3 ส.ค. 2019 เวลา 05:00 • ธุรกิจ
Less is more ........................
.
รู้จักคำนี้มั้ยครับ Less is more
สำนวน Less is more นั้นปรากฏครั้งแรกในศตวรรษที่19
ในบทกวีของกวีเอกชาวอังกฤษ ‘โรเบิร์ต บราวนิ่ง’
และเริ่มเป็นกระแส เพราะการกล่าวของ
สถาปนิกชั้นยอดอย่าง Mies van der Rohe
หนึ่งในผู้นำแนวคิดสถาปัตยกรรมยุคโมเดิร์นให้กับโลก
ตั้งแต่นั้นมาทั้งโลกก็เริ่มโหนกระแสแนวคิดเรื่องนี้
จนกลายมาเป็นคติพจน์ของกลุ่ม Minimalist
.
คำๆนี้เป็นปรัชญาที่คุ้นเคยสำหรับคนเอเชีย
ที่ตัดทอนสิ่งไม่จำเป็นออกไปแล้วเหลือแต่แก่นแท้
ซึ่งอยู่ในคำสอนมากมาย รวมถึงศาสนาพุทธ
.
Less is more มีความหมายที่แปลเป็นไทยได้ว่า.....
.
น้อยแต่มาก
.
ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองดูเคสนี้นะครับ
สมัยก่อนสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า
และเทคโนโลยีจะมีการใส่ปุ่มมากมาย
จนมีสินค้าเจ้าหนึ่งที่ใช้หลักการนี้
แล้วพลิกโฉมวงการออกแบบ
สินค้าเจ้านั้นก็คือ Apple
.
ซึ่งเจ้าหลักการ "น้อยแต่มาก" นี้
มีหลายคนได้ลองทำดูบ้าง
กลับได้ผลลัพธ์ ไม่ดีเท่าที่ควร
นั่นเพราะคนเหล่านั้นขาดกุญแจสำคัญไปอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ...........
.
กระบวนการของความคิด
.
ในงานโฆษณา การทำน้อยๆ แต่ได้ผลมาก
ต้องผ่านกระบวนการคิดให้เยอะกว่าปกติ
คุณต้องคิดให้มาก ๆ ๆ ๆ ๆ
จากข้อมูลมากมาย
แล้วตัดทอนออกให้เหลือแต่ใจความสำคัญ
จนบางทีภาพที่ออกมาอาจมีแค่ภาพเดียว
แต่เป็นภาพเดียวที่ดูจบแล้ว
นำไปคิดต่อยอดและจดจำได้มากขึ้น
.
แล้วทำไมคนเรา
ถึงกลับมาชอบอะไรที่มันไม่เยอะ
น้อยๆ เรียบๆ ง่ายๆ
แทนที่จะชอบอะไรที่มันมากๆ
.
อาจเป็นเพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่ง
ที่เกิดมาจากธรรมชาติด้วยวิธีที่เรียบง่าย
และจากไปอย่างเรียบง่ายเช่นกัน
และเป็นการจากที่ไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้
มันคือแก่นแท้ของชีวิต
.
ซึ่งถ้าคุณสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของชีวิต
มันคงไม่ได้วัดกันด้วยเงิน สิ่งของ หรือจำนวน
แต่มันคงเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทำให้มีความสุข
เราอาจอยู่ท่ามกลางผู้คนเป็นร้อยๆ
แต่ไม่มีความสุขมากมาย
เท่าอยู่กับคน....แค่คนเดียว
.
สิ่งของมากมาย
อาจทำให้ตื่นเต้นเพียงชั่วครู่
แต่ของเล็กๆบางอย่าง
กลับเต็มไปด้วยความหมาย
และจดจำตลอดไป
.
.
ถ้าเราเข้าใจใช้มัน
.
.
แม้วันนี้จะมีน้อย ก็มีความสุขได้ครับ
.
"Less is more"
.
.
"รองเท้าแตะ เหยียบดวงจันทร์"
.
โฆษณา