1 ส.ค. 2019 เวลา 16:14 • ประวัติศาสตร์
เปิดภาพ และเรื่องราวอันโด่งดังในอดีตของ “อัลคาทราซ” ตำนานคุก The Rock แห่งอเมริกา
แต่เดิมทีแอดมินตั้งใจจะเขียนเรื่อง เหตุการณ์แหกคุกอัลคาทราซของ Frank Morris และสองพี่น้อง John & Clarence Anglin
แต่พบว่าเรื่องราวของคุกอัลคาทราชนั้นค่อนข้างมีความน่าสนใจ จึงอยากให้ผู้อ่านรู้จักกับเรื่องราวของคุกแห่งนี้เสียก่อน มันจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของคุกแห่งนี้ และมีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์แหกคุกของ Frank Morris และสองพี่น้อง John & Clarence Anglin อย่างได้อรรถรสมากขึ้นครับ
“เปิดตำนานคุกอัลคาทราซ”
ภาพเกาะอัลคาทราซ โดยมีนครซานฟรานซิสโกเป็นฉากหลัง
ปี 1775 ในขณะที่นักสำรวจชาวสเปน Juan Manuel de Ayala และลูกสมุน กำลังล่องเรือทำการสำรวจอ่าวซานฟานซิสโก เขาได้พบเข้ากับเกาะอันเวิ้งว้างเกาะหนึ่ง มันมีขนาดราวๆ 22 เอเคอร์ และเขาก็ตั้งชื่อตามบริบทของเกาะว่า "La Isla de los Alcatraces" แปลว่า "เกาะแห่งนกกระทุง"
หลังจากที่เทียบเรือแล้วเข้าไปสำรวจเกาะ Ayala พบว่าเกาะแห่งนี้มันไม่เหมาะที่จะอยู่อาศัย เนื่องจากกระแสน้ำทะเลที่แปรปรวนอย่างรุนแรงทั้งคลื่น และอุณหภูมิ
ประกอบกับบนเกาะมีพื้นดินที่แห้งแล้งสลับกับหินแข็ง และมีพืชผักปริมาณน้อยมาก ในที่สุด Ayala และลูกสมุน ก็ออกจากเกาะแห่งนี้ไป โดยไม่คิดที่เหยียบขึ้นไปบนเกาะนั้นอีก
น่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก เสริมบารมีให้อัลคาทราซดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิเยือกแข็ง และมีคลื่นลมแรง ในอดีตเกาะแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนแผ่นดินที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
1
ปี 1861 เกาะอัลคาทราซ ได้รับการพิจารณาให้ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษจากสงครามกลางเมือง ที่มาจากรัฐต่าง ๆ และผลพวงจากสงครามสเปน-อเมริกัน ในปี 1898 ทำให้จำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นจาก 26 คน เป็น 450 คน
จากนั้นในปี 1912 มีการก่อสร้างคุกขนาดใหญ่ที่ใจกลางเกาะ และในช่วงปลายปี 1920 อาคารเรือนจำสามชั้นนี้ก็เสร็จสมบูรณ์
กองทัพสหรัฐใช้เกาะอัลคาทราซมากว่า 80 ปี ตั้งแต่ปี 1850 จนถึงปี 1933 จากนั้นเกาะแห่งนี้ได้ย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมเพื่อใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ตั้งแต่ปี 1934-1963
ในปี 1933 ได้มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านเรือนจำ และวิศวกร ให้ออกแบบเรือนจำที่มีระบบความมั่นคงสูงสุดของประเทศบนเกาะนี้
1
มีการปรับปรุงอาคารเดิม และก่อสร้างอาคารเรือนจำความมั่นคงสูงสุดเพิ่ม จนทำให้คุกแห่งนี้ได้รับฉายาว่า The Rock นับตั้งแต่นั้นมา
2
The Rock ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนความแข็งแกร่ง และความศักดิ์สิทธิ์ของระบบยุติธรรมสหรัฐในยุค 1920-1930 ท่ามกลางสภาพกฏหมายบ้านเมืองของสหรัฐ ที่อยู่ในช่วงหย่อนยานถึงขีดสุดในขณะนั้น
2
ในช่วงที่กฏหมายของสหรัฐมีความหย่อนยาน ทำให้ผู้กระทำผิดไม่กลัวคุก อาชญากรมักจะจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่เรือนจำท้องถิ่น และใช้ชีวิตสุขสบายภายในเรือนจำที่มีความหย่อนยานนั้น แต่อาชญากรเหล่านี้จะไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้เมื่อเข้ามาอยู่ที่อัลคาทราซ
1
อัลคาทราซมีอาคารเรือนจำเดี่ยว 4 หลัง มีจำนวนห้องขังคอนกรีตทั้งหมด 336 ห้อง แต่ละห้องมีขนาดเพียง 5x9 ฟุต ห้องขังที่นี่ถูกวางผังไม่มีห้องขังใดอยู่ติดผนังอาคารเลย ซึ่งมันต่างจากเรือนจำทั่วไป เพื่อป้องกันการหลบหนี
1
ในบางวันที่อากาศแจ่มใสนักโทษจะสามารถมองเห็นวิวของเมืองซานฟรานซิสโก และอาจได้ยินเสียงแตร หรือ เสียงการจราจรของรถยนต์ในเมืองที่ดังมาถึงเกาะอัลคาทราซ
แม้นักโทษจะมองเห็นเมืองซานฟรานซิสโกที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 1 ไมล์ แต่ก็ทำได้แค่มองเท่านั้น
นับตั้งแต่อัลคาทราซกำเนิดขึ้น มีนักโทษสำคัญของประเทศหลายคนที่ถูกส่งตัวมาที่นี่หลายคน
รวมถึงหนึ่งในฆาตกรที่โหดร้ายที่สุดอย่าง Robert Franklin Stroud ก็ถูกส่งมาที่นี่ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับฉายา the "Birdman of Alcatraz" หรือ คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราช
แม้เขาจะเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรง แต่ในคุกเขากลับเลี้ยงนกไว้เป็นจำนวนมาก เขาเลี้ยงนกไว้ในคุกถึง 300 ตัว และเขียนหนังสือเกี่ยวกับนก 2 เล่ม เพราะนกคือสิ่งมีชีวิตที่สามารถกลายเป็นเพื่อนเขาได้อย่างสนิทใจภายในคุก
1
หลังจากนั้นไม่กี่ปีเจ้าพ่อ Al Capone ศัตรูหมายเลขหนึ่งของประเทศ ก็ถูกส่งมาที่อัลคาทราซเช่นกัน เขาเป็นนักโทษรายที่ 85 ที่ถูกส่งมาที่นี่ เมื่อถูกแยกขังเดี่ยว เขาเริ่มมีอาการแย่ลง และรักษาไม่หาย
Al Capone เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหรามาก่อน และเมื่อเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ แล้วเจอสภาพแวดล้อมที่ต่างกับภายนอกที่เขาเคยอยู่อย่างสุดขั้ว ประกอบกับโดนเพื่อนนักโทษทำร้าย ในที่สุดเขาก็บอกกับพัสดีว่าคุกอัลคาทราซทำให้เขาจนตรอก
ด้วยสภาพแวดล้อมที่หฤโหดของอัลคาทราซประกอบกับกฏที่เข้มงวด นักโทษจะถูกสั่งห้ามไม่ให้คุยกัน ความเงียบเหงาทำให้พวกนักโทษแทบเป็นบ้า
ความเงียบทำให้นักโทษบางรายเกิดความเครียด และฟุ้งซ่าน จนทำให้มีนักโทษฆ่าตัวตายถึง 5 ราย ซึ่งนั่นถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แปลก และเป็นธรรมดาที่จะมีบันทึกการพบเจอเรื่องราวเร้นลับตามมาหลังจากนั้น
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่โด่งดังมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ มีนักโทษบางคนเครียดจนทนไม่ไหว จนคว้าขวานมาตัดนิ้วตัวเอง
เมื่อนักโทษเกิดความเครียด พวกเขาพยายามจะฆ่าตัวตาย และเริ่มทำร้ายตัวเอง ด้วยอุปกรณ์ที่พอหาได้ในเรือนจำ
แต่ไม่ใช่นักโทษทุกคนที่จะคิดฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง หรือ อยู่ไปวันๆอย่างสิ้นหวัง มีนักโทษหลายคนที่คิดจะหลบหนีเพื่ออิสรภาพ
14 ครั้งของความพยายามในการแหกคุก มีนักโทษ 36 คน ที่เสี่ยงชีวิตเพื่อหลบหนีออกจากเกาะ
1
- 23 คน ถูกจับกลับมาใหม่
- 6 คนถูกยิงโดยผู้คุมก่อนจะหนีลงน้ำ
- 2 คนจมน้ำและยังไม่มีใครพบศพ
- 2 คน ไม่มีใครพบศพ ถูกสันนิษฐานว่าจมน้ำ
- 3 คน ยังเป็นปริศนาไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าหนีรอดหรือไม่ แต่มีอย่างหนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือ พวกเขาไม่ได้จบชีวิตที่ห้องขังในอัลคาทราซ
1
อัลคาทราซ เป็นคุกที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีใครที่สามารถหลบหนีไปได้ยาวนานกว่า 30 ปี แต่ในเดือนมิถุนายน ปี 1962 มีนักโทษ 3 คน ประกอบด้วย Frank Morris และสองพี่น้อง John & Clarence Anglin
1
พวกเขาทั้ง 3 ตัดสินใจท้าท้ายชื่อเสียงของที่นี่ ด้วยแผนการแหกคุกอัลคาทราซที่แยบยล จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก
ไม่ถึงปีหลังจากที่อัลคาทราซมีนักโทษ 3 คน หลบหนีออกไปได้ ในที่สุดวันที่ 23 มีนาคม ปี 1963 สถานะจุดสุดยอดในระบบยุติธรรมอเมริกาของ The Rock อัลคาทราซ ได้ปิดฉากลงอย่างเลวร้าย
ในขณะที่อาชญากรทั้ง 3 ได้ทิ้งปริศนาคาใจเอาไว้ว่าพวกเขาหนีรอดไปได้ หรือ ประสบเคราะห์กรรมใดหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่ที่พวกเขาหลบหนีออกไปในคืนวันที่ 11 มิถุนายน ปี 1962 ก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย นับเป็นเวลากว่า 57 ปีแล้ว
***เตรียมพบกับมหากาพย์เรื่องราวการแหกคุกอัลคาทราซฉบับเต็ม ที่กลายเป็นตำนานโด่งดังไปทั่วโลกของ Frank Morris และสองพี่น้อง John & Clarence Anglin ในตอนต่อไปครับ
ชมภาพในอดีตของอัลคาทราซ
อาคารบัญชาการ เรือนจำความมั่นคงสูงสอัลคาทราช
ภายในอาคารหลัก บริเวณ Block C-D Street
ห้องขังเดี่ยว หรือ ที่เรียกว่า รู บริเวณ D-Block-1
ทางเข้าหลักที่เชื่อมไปยัง พื้นที่รักษาพยาบาล
บรรยากาศภายในห้องเอ็กซเรย์
สภาพห้องผู้ป่วยอาการหนัก
โรงอาหารหลัก
ครัวหลักของเรือนจำ
พื้นที่จัดเตรียมอาหาร ภายในบริเวณครัวหลัก
มีด และอุปกรณ์อื่นๆภายในครัว
ห้องซักล้างของเรือนจำ
ห้องอาบน้ำรวมภายในเรือนจำ
อาคารเก่าหลังแรกๆที่ถูกสร้างขึ้นปลายยุค 80
***หมายเหตุ :
จริงๆแล้ว อัลคาทราซ ไม่ใช่ "เกาะแห่งความชั่วร้ายของอเมริกา" อย่างที่ปรากฏในหนังสือและภาพยนตร์ต่างๆแต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่หฤโหด และการเป็นสถานที่ควบคุมอาชญากรที่เป็นอันตรายด้วยกฏที่เข้มงวด จึงทำให้ภาพลักษณ์ของอัลคาทราซที่มีต่อสายตาคนภายนอกเป็นไปในมุมที่ค่อนข้างน่ากลัว
ปัจจุบันนี้ เกาะอัลคาทราซเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของ "Golden Gate National Recreation Area" และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมโดยเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือ 33 ใกล้กับ ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ (Fisherman's Wharf) ในซานฟรานซิสโก นอกจากนี้เกาะแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในปี 1986
ภาพ และข้อมูลอ้างอิงโดย :
เรียบเรียงโดย : Inspire Story
ถ้าหากเรื่องราวนี้ ช่วยสร้างแรงบัลดาลใจ หรือ สร้างความน่าสนใจให้กับท่านผู้อ่าน สามารถกดแชร์ และติดตาม Inspire Story เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ
โฆษณา