12 ส.ค. 2019 เวลา 06:12 • ไลฟ์สไตล์
:: เกิดอะไรขึ้น เมื่อผมได้เห็น "นาฬิกาที่แพงกว่านาฬิกาของเพื่อนทุกเรือนรวมกัน" ในวันแม่ ::
1
.
.
ตลอดเดือนนี้
ผมตัดสินใจไม่รับนัดใครเลยทั้งเดือน
เพื่อกลับมาอยู่กับแม่ที่ปาย
1
จริงๆ แล้ว เราทั้งครอบครัวเป็นคนกรุงเทพ
แต่หลังจากที่ผมได้มารับราชการที่นี่เมื่อปี 2555 และตกหลุมรักที่นี่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ตกอยู่ในภาวะที่ Pai Immigrant* ส่วนใหญ่นิยามว่า “หลงปาย” ในเวลาไม่นาน
1
ผมก็ชวนแม่มาเที่ยว
และแน่นอน ...
แม่ก็หลงรักที่นี่ไม่ต่างกัน
1
เราจึงตัดสินใจย้ายครอบครัวมาอยู่ที่นี่กันหมดทั้งบ้าน
1
.
.
1
หากใครเคยดูหนังเรื่อง In Time (ปี 2011)
เราจะพบว่าแก่นของหนังไซไฟ (Sci-fi) เรื่องนี้กล่าวถึงทรัพยากรสำคัญตัวหนึ่งของมนุษยชาตินั่นคือ “เวลา”
1
ตัวละครในหนังจะเกิดและเจริญเติบโตจนอายุ 25 ปี
และหลังจากนั้น “เวลา” บนหน้าปัดนาฬิกาซึ่งถูกฝังอยู่บริเวณแขนซ้าย
ก็จะเริ่มนับถอยหลัง ...
1
ทุกคนจะมีเวลาตั้งต้นเท่ากันคือ 1 ปี
1
.
ความพีคก็คือ
เวลาที่แสดงบนนาฬิกาว่า “1 ปี” นั้น
1
มันถูกแสดงค่าละเอียดถึงระดับวินาที
1
และนอกจากจะนับถอยหลังแล้ว
มันยังถูกใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนกับสินค้า บริการ และกิจกรรมต่างๆ ด้วย
หรือพูดง่ายๆ มันคือ “สกุลเงิน”
1
ผมขออธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น
1
เช่น ถ้าวันนี้คุณต้องไปทำงาน คุณสามารถเลือกว่าจะเดินหรือจะนั่งรถเมล์ไปก็ได้
ถ้าเดิน เวลาก็แค่ถูกนับถอยหลังไปตามปกติจังหวะชีวิต
แต่ถ้าเลือกที่จะนั่งรถเมล์ บนรถเมล์ก็จะมีบาร์โคดเอาไว้แสกนแขนคุณ
1
เวลาของคุณจะถูกดูดพรวดออกจากนาฬิกาไปเป็นค่ารถเมล์
ซึ่งค่าโดยสารอาจจะมีค่า 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระยะทาง
1
.
ในโลกนี้
แม้เวลาจะนับถอยหลังไปเรื่อยๆ
แต่มันก็จะถูกเพิ่มได้เรื่อยๆ เช่นกัน
ตามแต่ “คุณค่า” หรือ “คุณประโยชน์” ที่คุณได้ทำหรือสร้าง
1
ทุกวันหลังเลิกงาน
คุณก็จะต้องไปต่อแถวเพื่อรับค่าตอบแทนจากนายจ้างเป็น “จำนวนเวลา”​ที่เพิ่มขึ้น
2
มนุษย์งานทั่วไป จะได้รับเวลาตามค่าแรง
เจ้าของโรงงาน ได้รับเวลาตามราคาสินค้าที่พวกเขาผลิต
(และแน่นอนว่า พวกเขาก็ต้องเอาเวลามาจ่ายเป็นค่าแรงให้มนุษย์งานต่อไป)
1
คนที่มีเวลามากที่สุดในหนังเรื่องนี้เป็นตัวโกงที่ฉลาด
เป็นเจ้าของธนาคารเวลา
ซึ่งครอบครองเวลาไว้มากกว่าคนอื่นเป็นล้านๆ ปี
1
.
การใช้ชีวิตของผู้คนในหนังเรื่องนี้
แน่นอนว่าย่อมเป็นไปอย่าง “ไร้สาระ” น้อยที่สุด
1
ทุกคนอยากอยู่ให้นานที่สุด
เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก

พวกเขาจึงต้องสร้างคุณค่าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
ทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะหนักได้
เพื่อยืดเวลาบนแขนออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
1
ภาพจาก https://images.app.goo.gl/4KZxZ68iHra74Rvs5
ทำไม
หนังเรื่องนี้จึงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดเวลา?
1
อันที่จริง
ผมอยากชวนให้ผู้อ่านลองคิดเล่นๆ
ว่าถ้าหาก เราทุกคนในโลกจริงๆ ใบนี้ ต่างมีตัวเลขบอกเวลาเหมือนในหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
มันจะเกิดอะไรขึ้น
1
คุณคิดว่า คุณจะยังคงใช้ชีวิตแบบนี้อยู่หรือไม่?
คุณจะตื่นตอนไหน นอนตอนไหน นอนวันละกี่ชั่วโมง?
สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?
1
จากที่เล่นมือถือวันละชั่วโมง หรือสามชั่วโมง (และอย่าลืมนะว่า คุณต้องจ่ายค่าเนทเป็นเวลาชีวิตอีกต่างหาก)
คุณจะยังคงทำแบบนั้นอยู่รึเปล่า?
2
เหล้าล่ะ บุหรี่ล่ะ?
ยังเอาเวลาชีวิตไปแลกกับมันอยู่หรือไม่?
1
ที่คุณเคยบอกทุกคนว่า ความสุขของคุณคือการซื้อของ ท่องเที่ยว
มันจะยังคงเป็นแบบนั้นใช่ไหม?
1
ทัศนคติต่างๆ ของคุณจะเป็นยังไง
คุณจะมองสินค้า บริการ และแบรนด์ต่างๆ ที่พากันสาดเข้ามาหาคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันด้วยมุมมองเช่นใด
1
แม้แต่มุมมองที่มีต่อสิ่งจำเป็นที่สุดในชีวิต อย่าง อาหาร ...
คุณจะยังคงซื้อกิน (แลกเวลา)
ทำกิน (ใช้เวลา และเอาเวลาแลกวัตถุดิบ)
หรือ เลือกที่จะผลิตวัตถุดิบต่างๆ เองกันล่ะ (ใช้เวลา แต่ไม่ต้องเอาเวลาไปแลก และถ้าผลิตได้มากพอก็สามารถเอาไปแลกกับเวลาของคนอื่นได้)
1
อย่าให้ต้องนึกถึงเรื่องงานเลย
งานที่ทำอยู่ มันให้อะไรกับคุณ
คุ้มค่ามั้ย กับเวลาที่ค่อยๆ หมดไป
1
.
แน่นอนครับ
ใน “โลกของความเป็นจริง”
เราไม่มีทางที่จะมีตัวเลขพวกนั้นวิ่งอยู่บนแขนได้
1
แต่ “ในความเป็นจริง”
ตัวเลขพวกนั้น มันมีอยู่ ...
1
และความพีคในพีคก็คือ
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในโลกนี้ ที่รู้ว่า
ตัวเลขนั้น “เหลืออยู่เท่าไหร่ในตอนนี้”
1
.
นาฬิกาทุกเรือนในโลก
กำลังบอกเวลา ณ ปัจจุบัน
1
แต่นาฬิกาที่ผมค้นพบเรือนนี้นั้น
บอกเราให้ไม่ลืมว่า “เวลาที่กำลังหมดลงทุกวันนั้น” มีอยู่จริง
1
.
หนังเรื่องนี้พูดเรื่องเดียวกันกับที่พระพุทธองค์​ทรงพูดไว้เป็นประโยคสุดท้ายก่อนปรินิพพาน
“ท่านทั้งหลายจงยังให้ถึงพร้อมซึ่งความไม่ประมาท”
1
กี่ครั้งแล้วที่เราเห็นคนอายุน้อยกว่าเรา หมดเวลาไปก่อน
กี่ครั้งแล้วที่เรารำพึงรำพันกับการจากไปของพวกเขาเหล่านั้นว่า “น่าเสียดาย”
กี่ครั้งแล้วที่เราปฏิเสธความจริงที่จะตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยการบอกว่ามันเป็นเรื่องอัปมงคล
1
“อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ” บางที ความประมาทนั่นแหละที่อัปมงคลยิ่งกว่า
1
ความตายไม่มีป้ายบอกเวลา
ความตายไม่มี notification
1
status บอกรักแม่เป็นสิ่งดี
แต่เราจะโพสต์แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน?
1
.
ตลอดเดือนนี้ทั้งเดือน
ผมตัดสินใจไม่รับนัดใครเลย
เพื่อกลับมาอยู่กับแม่ที่ปาย
1
ผมไม่รู้ว่านาฬิกาของแม่โชว์เลขอะไรอยู่
และก็ไม่รู้ในส่วนของผมเช่นกัน
1
ผมไม่รู้เลยว่า
เวลาที่เราสองคนจะได้ใช้ร่วมกันมันจะยาวนานหรือสั้นจนน่าใจหาย
1
สิ่งที่ผมทำได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่เวลากำลังถูกนับถอยหลังอยู่จริงๆ นี้
มีเพียงแค่การใช้มันให้มีคุณภาพมากที่สุด กับคนที่มีความหมายมากที่สุดในชีวิต
1
.
แล้วคุณล่ะครับ
ได้ฉุกคิดหรือไคร่ครวญถึงเรื่องนี้บ้างรึเปล่า?
1
ยังไม่สาย
หากจะให้เวลาตัวเองสักนิด เพื่อนึกถึงการใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่นับจากนี้
1
.
#ผู้กองเบนซ์
ปล. Pai Immigrant หมายถึง คนต่างถิ่น ที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นคนเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และชาวต่างชาติ (อาทิชาวยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งมีอยู่จำนวนหลายครอบครัว)
3
โฆษณา