19 ส.ค. 2019 เวลา 23:20
ปี 2014
เริ่มความคิดเปิดร้านขายเสื้อผ้าเด็กออนไลน์ คิดชื่อร้าน คิดโลโก้กันเอง แฟนออกแบบ สุดท้ายเราก็ได้ชื่อร้านและโลโก้มา
cr.pizabay
ลุยจ้า!!!! ทุกอย่างพร้อม!!!
เหลือแค่เสื้อผ้าเด็ก ก็เลยหาในเนต
สั่ง มา 1 กระสอบ สามพันกว่าบาท เพื่อนำมาถ่ายรูปโพสลงในไอจี จากนั้นก็รอของมา
รอ........
มาแล้ววววววว กระสอบแรกของเรา
เปิดกระสอบ!!!!
โอ้มายก้อด!!!!
นี่มันอะไรเนี่ยยยยยยยยยย ยัดงานผ้าป่าน มาเป็นปึกๆ แถมงานยังมีรอยเปื้อนมากมาย ไหนว่างานส่งออก เอาเป็นว่าที่แย่ๆ 70% ตั้งสติ มีที่ใช้ได้กี่ชุดก็ขายเท่านั้นแหละวะ ไม่เป็นไรปลอบใจตัวเอง ช้านมีเงินเดือน สิวๆน่ะ
แต่จะไปซื้อร้านนี้อีกมั๊ย ลาขาดจร้า ซึ่งปัจจุบันร้านนี้ก็ได้ปิดตัวเองไปแล้ว
ลุยเลยละกัน ใช้ได้กี่ชุดก็ถ่ายมันแค่นั้น!!
จัดฉากถ่ายรูปเสื้อผ้า ก็ถ่ายในห้องพักเล็กๆของตัวเองแบบทุลักทุเล
ตุลาคม 2014
เปิดร้านออนไลน์จร้า
ทำโปรโมชั่นด้วยนะ เปิดร้านใหม่แถมตุ๊กตาไปเล้ยย มันต้องได้ซักคนน่ะ
..... ผลที่ได้.....
มีลูกค้ามาบ้าง คนสองคน สามคน เอาไปขายในกลุ่มก็ขายไม่ได้เลย เฮ้อ ทำไงล่ะทีนี้
cr.pizabay
เริ่มใหม่ค่ะ ตั้งสติ คิดต่อ เอาไงดี เราจะหยุดไม่ได้ เราต้องเอาเงินทุนเราคืนมา!!!
้เกิดไอเดีย หางานจากจีนมาขายดีกว่า กำลังฮิตกันช่วงนี้
นั่งหาร้านที่รับพรีออเดอร์จากจีน ก็เจออยู่ร้านนึง รอของประมาณ 15 วัน เราสั่งไม่เยอะ ลงทุนประมาณ พันกว่าบาท เพราะร้านนี้เค้าให้สั่งจำนวนน้อยได้ และราคาค่อนข้างถูก อาจเพราะเหตุนี้ ปัจจุบันร้านนี้ก็ปิดตัวเองไปเรียบร้อยจร้าา
เราสั่งทั้งของเล่นและเสื้อผ้า ถือว่าต้นทุนถูก แต่งานก็มีทั้งงานดี และงานแย่ เราก็ลงขาย ก็พอขายได้บ้างไม่เลวร้ายเท่ารอบแรก แต่ทุนรอบแรกก็ยังไม่ได้คืนเลย รอบสองก็ขายช้า ทำไงต่อดีล่ะเรา
จะหาเสื้อผ้าจากไหนละเนี่ย....????
ลองคิดทบทวน เลยไปคุยกับพี่ที่เราเคยซื้อมาลองขายช่วงแรกๆ ปกติพี่เค้าขายปลีก เราก็ไปคุยว่าขายส่งให้เราได้มั๊ย พี่เค้าก็ตอบตกลง เย่!! น้ำตาจิไหล แต่เราก็บอกว่า เราขอซื้อทีละขั้นต่ำ 20 ชุดนะเพราะเราอยากจะไปทดลองขาย อ้อนวอนสุดชีวิต ฮ่าๆๆ พี่เค้าน่ารักมาก เค้าให้เราเลือกชุดได้เลยชุดไหนก็ได้ ให้ราคาส่ง เพราะจริงๆแกไปรับจากโรงงานมาโดยตรง และอยากให้เรารับจากแกไปขายด้วย เพื่อช่วยกระจายของ
เหมือนโชคชะตาจะเปิดโอกาสให้เราแล้ว
cr.pizabay
จากนั้น ทุกวันอังคาร และพฤหัส เราต้องมาถึงออฟฟิศ 6 โมงเช้า เพื่อมานั่งเลือกเสื้อผ้าก่อนที่จะมีลูกค้าคนอื่นมาเลือกชุดสวยไป
แล้วเราก็ใช้เวลา ช่วงเช้าของอีกวัน
ก่อนไปทำงาน ถ่ายรูปแบบบ้านๆเพื่อขายในเนต ซึ่งเราลงขายตอนสามทุ่มของวันนั้น กว่าจะขายเสร็จก็ เที่ยงคืนตีหนึ่ง
เฮ้ย!! ปรากฏว่าขายดิบขายดี หมดไปเกือบ 90% ไม่ทันได้ถ่ายรูปสวยๆลง ไอจีเลย ขายหมดไปแล้ว
ทำแบบนี้หลายเดือนพอสมควร
เริ่มมีคนมาตาม FB เพื่อจะได้ทันซื้อของตอนเราลงขาย
เราก็เริ่มซื้อของมากขึ้นจ้าาา ซื้อใต้ออฟฟิศเหมือนเดิม ตอน 6 โมงเช้า
แต่... ทีนี้มันไม่ใช่ 10-20 ชุดน่ะสิ เริ่มซื้อเป็นร้อยชุด
พอได้ชุดก็หอบหิ้วแบกใส่ถุงขึ้นตึกไฮโซของออฟฟิศที่อยู่ใจกลางเมืองของกทม.
..... ถามว่าอายมั๊ย ฮ่าๆๆๆใส่เดรสสวยงาม แต่ลากถุงใหญ่สีๆเข้าตึกขึ้นลิฟท์ไปจร้าา
.... อย่าได้แคร์สายตาผู้ใด ฮ่าๆๆ เพื่อเงินท่องไว้ และเพื่อความฝันของเรา
ตอนขนเสื้อผ้าขึ้นออฟฟิศยังชิวๆ
ขนกลับห้องที่สุขุมวิทนี่สิ แหม!!! แท๊กซี่หรือจะได้เงินจากคนงกอย่างเรา หอบถุงเสื้อผ้าเดินไปรถไฟฟ้าสิคะ
ระยะทางจากออฟฟิศไปรถไฟฟ้าก็ประมาณ 500 เมตร พอไปถึงก็รอแฟนที่รถไฟฟ้า เพื่อกลับพร้อมกันให้แฟนช่วยขน ฮ่าๆๆ
ลองนึกสภาพ รถไฟฟ้าเวลาเลิกงานกันค่ะ
รถไฟฟ้าปี 2014 คนก็เริ่มเยอะแต่คงไม่เยอะเท่าปัจจุบัน
ตอนนั้น สภาพคนยืนยังแทบไม่ได้ แทบจะต้องยืนขาเดียวอยู่ละ อัดกันยังกะปลากะป๋อง
ยิ่งถ้าฝนตกโอ้ยย!!!!!
แม่เจ้าอย่าได้พูดถึง ทั้งกลิ่นตัว กลิ่นรองเท้า บางคนก็พยายามกระแทกเข้ามาในรถไฟฟ้าเลย เพื่อให้ได้กลับบ้าน ไม่เคยสนใจว่าคนข้างในแทบจะสิงร่างกันอยู่แล้ว
ไอ้เราก็หิ้วถุงยักษ์ ก็เกรงใจคนบนรถไฟฟ้าด้วย เราก็ต้องรอค่ะ รอให้พอมีขบวนที่พอว่าง เพื่อถุงยักษ์ของเราจะได้ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น
เราเลิกงาน 17:30 รอแฟนมาถึง 19:00 รอรถขบวนที่ว่างๆอีก ถึงห้องก็ราวๆ เกือบ 3 ทุ่ม ก็ลงขายของต่อ ขายเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ตี1
ทำแบบนี้อยู่หลายเดือน ขายดิบขายดี จู่ๆ ออฟฟิศก็เริ่มมีโปรเจคใหม่ยักษ์ใหญ่เข้ามา ช่วงนั้นสาหัสสากรรจ์มาก งานก็หนัก ต้องกลับดึก แถมยังต้องประชุมตลอดเวลา กลับมาบ้านก็ต้องมาคิดงานต่อ
จะลงขายตอน 3 ทุ่มก็ลงไม่ได้
แล้วออนไลน์ที่เราฝันไว้จะไปต่อได้มั๊ย ตอนต่อไปจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ
ฝากติดตามด้วยน๊า😁
โฆษณา