22 ส.ค. 2019 เวลา 13:25 • ธุรกิจ
“หุ้น CPALL (7-Eleven)” ยังน่าลงทุนหรือไม่ ? (Ep.1) / โดย คลินิกการลงทุน
“หุ้น CPALL (7-Eleven)” ยังน่าลงทุนหรือไม่ ? (Ep.1) / โดย คลินิกการลงทุน
"CPALL" ดำเนินธุรกิจ “ร้านสะดวกซื้อ” ภายใต้เครื่องหมายการค้า “7-Eleven” และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ “แม็คโคร (Makro)”
CPALL และบริษัทในกลุ่มฯ
อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบใหม่ของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น บริการอาหารพร้อมรับประทาน บริการงานออกแบบและซ่อมแซม บริการด้านการชำระเงิน เป็นต้น
http://wordstem.com/2017/10/24/49-percent-ecommerce-purchases-fashion-lifestyle-happen-mobile-according-unbxd-state-mobile-product-discovery-2017-report/
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ในด้านการจัดการรูปแบบสาขาและสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยี “big data analytic” เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละบุคคล รวมถึงการพัฒนา “e-commerce” และบริการขนส่งสินค้า
Source: stock2morrow
ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยใน “กลุ่มค้าปลีก” เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปีในช่วงปี 2557-2561 ที่ผ่านมา รวมถึงมีการจ้างงานถึง 1.7 แสนคนในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.6% ต่อปี
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยใน “กลุ่มค้าปลีก” ได้ขยายธุรกิจใน “ต่างประเทศ” จำนวนมากทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน และมีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
projexportserve
สำหรับในอาเซียน บริษัทมีรูปแบบการขยายธุรกิจทั้งการเปิดสาขาใหม่เอง และร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น เช่น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดสาขา BigC ในเวียดนาม และลาว บมจ.โรบินสัน (ROBINS) เปิดสาขาโรบินสันในเวียดนาม บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดสาขาในกัมพูชา และร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่นขยายสาขาในลาว และเมียนมา บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เปิดสาขาแม็คโครในกัมพูชา และ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดสาขาโฮมโปรในมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายบริษัทที่มีแผนจะขยายสาขาไปนอกภูมิภาคอาเซียน เช่น อินเดีย เป็นต้น
Source: https://www.posttoday.com/finance-stock/stock/595520
Source: https://www.posttoday.com/finance-stock/stock/595520
จากศักยภาพในการเติบโตดังกล่าวส่งผลให้ “หุ้นในกลุ่มค้าปลีกของไทย” 6 บริษัท ติด Top 10 “หุ้นค้าปลีกอาเซียน” ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด มีดังนี้
อันดับ 1 บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนทั้งด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 24,316 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 15,742 ล้านเหรียญสหรัฐ
CPALL
อันดับ 2 บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 7,394 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 1,906 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับ 3 บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 6,369 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 4,833 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับ 4 บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่5,282 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 5,943 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันดับ 7 บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 2,376 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่786 ล้านเหรียญ
อันดับ 10 บมจ.โรบินสัน (ROBINS) มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 1,989 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้ที่ 946 ล้านเหรียญ
จากที่กล่าวมา เห็นได้ชัดเลยว่า “ธุรกิจค้าปลีก” เป็นตัวอย่างที่ดีของ “การปรับตัว” ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ “หุ้นในกลุ่มค้าปลีกของไทย” 6 บริษัท ติด Top 10 “หุ้นค้าปลีกอาเซียน”
Source: https://www.thansettakij.com/content/405603
เริ่มเห็นถึงความน่าสนใจและศักยภาพของธุรกิจในกลุ่ม “ค้าปลีก” บ้านเรากันบ้างแล้วใช่มั้ยครับ ในตอนต่อไป (Ep.2) มาติดตามกันต่อว่า "CPALL (7-Eleven)" มี "ผลการดำเนินงาน" เป็นอย่างไรบ้าง และจะมี "แผนการดำเนินธุรกิจ" อย่างไรต่อไปในอนาคต รอติดตามกันได้เลยครับ ... 😁
Source: https://www.kaohoon.com/content/tag/cpall/page/3
อ้างอิง: SET, CPALL, Efinance, SEC
CPALL
อ่าน "คลินิกการลงทุน" สนุกขึ้นในแอปฯ "Blockdit"
ดาวน์โหลดได้ที่: http://www.blockdit.com/app
ช่องทางติดตาม "คลินิกการลงทุน"
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา