24 ส.ค. 2019 เวลา 10:00 • สุขภาพ
มาครับมา มาต่อกันกับหัวข้อที่ว่า สารเคมีจำเป็นกับการเกษตรหรือไม่ ? ใน Part ของปุ๋ยของกันต่อ...
จาก EP ที่แล้วได้กล่าวถึงว่าปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ และปุ๋ยเคมี มีวิธีการเข้าสู่รากพืชเหมือนหรือต่างกันอย่างไรไปแล้ว ซึ่งคำตอบก็คือ "ไม่ต่างกัน" นะฮะ 🤗🤗🤗 ท่านผู้อ่านทั้งหลายก็น่าจะคลายความกังวลเรื่องปุ๋ยเคมีตกค้างในพืชผลที่เราบริโภคลงไปได้บ้าง (มั้ง 😂😂😂)....แต่ก็อาจจะมีบางท่านตะหงิดๆ ในหัวใจว่า ในเมือปุ๋ยเคมีมันมีราคาแพง ทำไมเกษตรกรถึงไม่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักแทนปุ๋ยเคมีซะเลยล่ะ.....ผู้บริโภคจะได้สบายใจมากขึ้น กินอิ่มนอนหลับได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลเหมือนไม่สวมใส่อะไรเลย....อืมมมมมม
งั้นมาดูกันเลยเนาะ ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น....👨‍🌾👩‍🌾👩‍🌾👨‍🌾
คือสมมุตินะฮะสมมุติ สมมุติว่าปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อีกแล้ว 🤣🤣🤣) 1 กระสอบ ราคา 1,000 บาท/ปุ๋ย 1 กระสอบหนัก 50 กิโลกรัม (เอาตัวเลขกลมๆนี่แหละ..ง่ายดี ถึงแม้จะราคาสูงกว่าความเป็นจริงอยู่บ้างพอสมควร) นั่นหมายความว่าปุ๋ยเคมีกระสอบนี้จะมีธาตุ ไนโตรเจน (N), ฟอสฟอรัส (P) และ โปแตสเซียม (K) อย่างละ 15% ซึ่งก็คือ มี N 7.5 กิโลกรัม P 7.5 กิโลกรัม และ K 7.5 กิโลกรัม อันนี้ยังไม่รวมธาตุรองและธาตุเสริมนะฮะ ซึ่งก็แล้วแต่สูตรของแต่ละบริษัทที่เค้าผลิตมาขายอีกที ส่วนที่เหลือจากนี้เค้าจะเรียกว่าฟิลเลอร์หรือส่วนเติมเต็มนะฮะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือดินหรืออินทรีย์วัตถุอื่นๆนั่นเอง......
ทีนี้เรามาคิดกันต่อ จากต้นทุน 1,000 บาท ต่อปุ๋ย 50 กิโลกรัม แสดงว่า ต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี = 1,000 หารด้วย 50 ก็คือ 20 บาท/1 กิโลกรัม...พักไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวมาว่ากันต่อ 😁😁😁😁
ข้ามฟากมาดูฝั่งพระเอกในดวงใจของใครหลายๆคนบ้าง นั่นคือปุ๋ยอินทรีย์คนดีคนเดิมนั่นเอง...สมมุติว่าราคากิโลกรัมละ 2 บาทละกัน (อันนี้คือถัวเฉลี่ยปุ๋ยอินทรีย์ทุกชนิดเลยนะฮะ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก) ถ้าใส่กระสอบให้ได้ 50 กิโลกรัมเท่ากับปุ๋ยเคมีก็จะมีราคาแค่ 100 บาทเอ๊งงงงงง !!!! ถูกกว่ากันเป็น 10 เท่า ชนะใสๆ แล้วทำไมไม่ใช้กัน ??? อืมมมมมมม 😞😞
แต่ช้าก่อน...ท่านจอมยุทธ 😂😂😂 เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น........................................................................
ปัญหามันอยู่ที่ว่าในปุ๋ยอินทรีย์ 50 โลน่ะ มันให้ธาตุอาหารอะไรบ้างและจำนวนเท่าไหร่ล่ะ ???...ไหน..ลองตอบครูมาซิ.......(ซาวด์ดนตรีช่วงเดดแอร์ก็จะมาตอนนี้แหละ 🤣🤣🤣)
เงียบกริ๊บบบบบบบ คือคำตอบที่ได้ 😥😥😥😥😥
เอ้า !!!!! งั้นไปดูเฉลยตามตารางข้างล่างกัน..Let's see !!!
จากตาราง จะเห็นนะฮะว่าการใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อให้พืชให้ผลผลิตได้เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี 1 กิโลกรัม ต้องใช้ในปริมาณที่มากกว่าปุ๋ยเคมีเยอะมากๆ คือมีตั้งแต่ 8 เท่า ไปจนถึง 70 เท่าเลยทีเดียวเชียวแหละ....และปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้น้อยที่สุดก็คือขี้ค้างคาว...แล้วจะไปหาจากไหนล่ะพ่อไอ้ขี้ค้างคาวน่ะ มันไม่มีใครเค้าทำฟาร์มค้างคาวกัน แถมจอมยุทธชอลิ้วเฮียงก็มาทำลายอีก (จากภาพยนตร์จีนชุด ชอลิ้วเฮียงถล่มวังค้างคาว 🤣🤣🤣) หรือจะรอให้แบทแมนมากินยาถ่ายก็คงไม่ไหว ตายกันก่อนพอดี....
ไอ้ที่จะพอเป็นไปได้และนิยมใช้กันมากจริงๆก็คือขี้ไก่กับขี้วัวนี่แหละที่พอจะเป็นความหวังของหมู่บ้านได้มั่ง....แต่ขี้ไก่ก็ต้องใช้ถึง 12 โล ถึงให้ผลเท่ากับปุ๋ยเคมี 1 โล คิดเป็นเงินค่าปุ๋ยขี้ไก่ก็เป็นเงิน 12 × 2 = 24 บาทถ้วน ในขณะที่ถ้าแถวบ้านไม่มีขี้ไก่ก็ต้องใช้ขี้วัวแทน ก็ต้องใช้ถึง 20 โล คิดเป็นเงินก็ 20 × 2 = 40 บาทถ้วน !!!! 🤤🤤🤤🤤🤤
ทีนี้พอจะมองเห็นแสงรำไรๆบ้างหรือยังฮะ ว่าทำไมเกษตรกรเค้าถึงนิยมใช้ปุ๋ยเคมีมากกว่า...อันนี้เราว่ากันเฉพาะเรื่องต้นทุนของปุ๋ยต่อการให้ผลผลิตของพืชนะ ยังไม่ได้รวมเรื่องต้นทุนค่าขนส่งและค่าแรงงานใส่ปุ๋ยอีก ถ้าเอาเรื่องพวกนี้มาคิดด้วยต้นทุนการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะสูงกว่านี้อีกเยอะ....เอ้า !!! ไหนๆก็ไหนๆละ เอาให้ครบไปเลยละกัน
สมมุติว่านาย A ปลูกส้มเขียวหวาน 1 ไร่ ใส่ปุ๋ยเคมี 1 กระสอบ (50 โล) นาย A แค่ไปซื้อปุ๋ยที่ร้านค้า เอาขึ้นหลังรถมอไซค์ ถึงสวนส้มก็จัดแจงหว่านๆๆๆๆ ให้ทั่ว เป็นอันเสร็จงาน กลับบ้านกอดเมีย สบายใจเฉิบ.😊😊😊😊
ส่วนนาย B ปลูกส้มเหมือนกัน สวนอยู่ติดๆกันกะนาย A นั่นแหละ แต่นาย B ดูทีวีบอกว่าปุ๋ยเคมีมันไม่ดี มีแต่ข้อเสีย แพงก็แพง บลา บลา บลา...นาย B เลยไปสั่งขี้วัวมาจากฟาร์มนาย C แต่นาย B อยากให้ส้มมีผลผลิตเท่ากับสวนนาย A เลยต้องใส่ขี้วัวไปทั้งหมด 1,000 กิโลกรัม....ถามว่านาย B ใช้มอไซค์ไปใส่ปุ๋ยได้มั้ย..ไม่ได้ !!! อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นรถกระบะซึ่งต้องเสียค่าน้ำมัน แล้วขี้วัวตันนึงเนี่ยมันไม่น้อยนะคุณ แล้วกว่าจะใส่ปุ๋ยเสร็จไม่ปาเข้าไปครึ่งค่อนวันเหรอ...เนี่ย ตัวอย่างง่ายๆ น่าจะพอมองเห็นภาพแล้วเนาะ 😨😨😨
อ่ะ...ตารางข้างล่างนี่แถมให้ เป็นผลการวิจัยทางวิชาการเกี่ยวกับผลผลิตของมันสำปะหลัง.....ดูรายละเอียดกันได้เลยว่าใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 22-8-8 50 โลต่อไร่ กับใส่ขี้หมู 100 โลต่อไร่ เทียบกับการไม่ใส่ปุ๋ย ผลผลิตก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ ซึ่งผลผลิตที่เพิ่มขึ้นก็หมายถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่กล่าวมาทั้ง 4 EP ใน Part ของปุ๋ย ผู้เขียนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นนะครับ เพียงแค่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ได้กระจายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสารเคมีทางเกษตรให้คนทั่วไปได้รับรู้เท่านั้นเอง ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ท่านจะคิด วิเคราะห์ แยกแยะเอาเอง...
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจมาเขียนเรื่องเหล่านี้ลงในบล็อคดิทก็เพราะเกิดความไม่สบายใจที่เห็นผู้บริโภคอย่างเราๆท่านๆต้องตกเป็นเหยื่อการตลาดกับคำว่า "พืชผักออร์แกนิค" หรือ "อาหารออร์แกนิค" ที่ใครๆก็ใช้โปรโมตกันจนเกลื่อนไปหมด ซึ่งบางครั้งคนขายเองยังตอบไม่ได้เลยว่า "ออร์แกนิค คืออะไร" แล้วมัน "ออร์แกนิค" จริงมั้ย....แต่ผมเองไม่ได้บอกนะฮะว่าสินค้าออร์แกนิคจริงๆมันไม่มี...มันมีฮะ แต่มันทำได้ยากมากๆ และแน่นอนว่าอะไรที่มันยากมันก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าสินค้าทั่วๆไป และที่สำคัญระบบการตรวจสอบสินค้าพวกนี้ของบ้านเรามันยัง......เอ่อ.....ไม่พูดดีกว่า....ไปคิดเอาเองเด้อ 😁😁😁
อย่ากลัวเคมีจนเกินไปเลยครับ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนเป็นเคมี ต่างกันแค่รูปแบบว่าเป็นเคมีสังเคราะห์หรือเคมีที่เกิดเองตามธรรมชาติแค่นั้น...ทางที่ดีที่สุดเราควรรู้เท่าทันและใช้เคมีเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์สูงสุด อะไรที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปมันย่อมเป็นโทษอย่างที่รู้ๆกันมานมนานน่ะแหละเนาะ อย่างเช่นเรื่องปุ๋ยเนี่ยเค้าก็แนะนำว่าอย่าใช้เพียงอย่างใดอย่างนึง ให้ใช้แบบผสมผสานคือ ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อให้พืชได้รับอาหารที่เพียงพอแล้วใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับปรุงสภาพดินให้ร่วนซุย พอดินร่วนซุย โปร่ง การระบายน้ำระบายอากาศก็ดี รากพืชก็ดูดปุ๋ยไปใช้ได้เต็มที่ ต้นไม้ที่เราปลูกก็จะแข็งแรงให้ผลผลิตดีตามไปด้วย...เห็นมั้ยฮะ..คนทำเกษตรเค้าไม่ได้สุดโต่งกันนะจ๊ะ 😗😙😚😙😗
สามประสาน...ไปด้วยกันไปได้ไกล
จบแล้วจ้า...สำหรับ Part ของน้องปุ๋ย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยการผลิตพืชที่เป็นสารเคมีโดนโจมตีน้อยที่สุดละ...Part ต่อไปจะเริ่มเล่นของหนักแล้วนะ...นั่นคือ สารป้องกันกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดแมง และสารป้องกันกำจัดโรคพืช
พูดภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆก็บอกได้ว่า บทความต่อๆไปจะมาพร่ำพรรณาถึง ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าเชื้อราในพืชนั่นแหละ....มาดูกันว่ามันจำเป็นมั้ย และมันน่ากลัวอย่างที่เค้าว่ากันจริงมั้ย......รอชมกันนะฮะ 😉😉😉😉
สำหรับวันนี้ต้องกล่าวคำว่า "สวัสดี"
Happy weekend 😊😊😊
โฆษณา