30 ส.ค. 2019 เวลา 15:33 • ความคิดเห็น
สายพานขับเคลื่อนชีวิตที่มีชื่อว่า "การมองโลกในแง่ดี หรือความคิดเชิงบวก"
...
เครดิตภาพ : https://medium.com/the-mission/you-need-big-picture-optimism-not-realistic-optimism-99a4888552f4
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้อ่านประวัติแบบสังเขปของ คุณโอปราห์ วินปรีย์ (Oprah Winfrey) สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งรายการทอล์กโชว์ และเป็นหนึ่งในนักการกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก
คุณโอปราห์ วินปรีย์ (Oprah Winfrey) : เครดิตภาพ https://www.cbsnews.com/news/oprah-winfrey-becomes-special-contributor-to-60-minutes/
ถ้าใครได้เคยอ่านประวัติชีวิตของ คุณโอปราห์ วินปรีย์ แล้ว คุณจะรู้เลยว่าเธอได้ผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายอะไรมาบ้าง โดยเฉพาะชีวิตครอบครัวที่ทำให้เธอต้องพบกับความบอบช้ำอย่างสาหัส
...
และเมื่อผมได้อ่าน 'กฎเหล็กสู่ความสำเร็จของโอปราห์ วินปรีย์' โดยมีกฎเหล็กอยู่ 2 ข้อที่ผมคิดว่ามันน่าสนใจ คือ
...
1. ปล่อยให้อดีตเป็นเพียงอดีต : แม้อดีตของเธอจะขมขื่นและเจ็บช้ำ แต่โอปราห์กลับย้ำกับตัวเองเสมอว่า "หากมัวแต่ยึดติดกับอดีต คุณก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ"
...
2. ยิ้มสู้ทุกสถานการณ์ :โอปราห์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ชีวิตเราต้องเจอเรื่องราวต่างๆ มากมาย หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ดูน่ากังวล ให้คิดเสียว่า อย่าได้กังวลไปเลย แล้วทุกอย่างมันจะเรียบร้อยเอง"
...
ซึ่งกฎเหล็กทั้ง 2 ข้อที่ผมได้ยกมาอ้างอิงนี้ คือ 1 ใน 10 กฎเหล็กของโอปราห์ วินปรีย์ ที่ทำให้เธอสามารถก้าวเดินมาข้างหน้าได้อย่างองอาจเช่นปัจจุบันนี้...เพราะเธอใช้สายพานชีวิตที่มีชื่อว่า 'การมองโลกในแง่ดี (Optimism)' นั้นเองครับ
...
การมองโลกในแง่ดี คือหนึ่งองค์ประกอบหนึ่งของจิตวิทยาเชิงบวก
(องค์ประกอบจิตวิทยาเชิงบวกแบ่งออกได้ 2 หัวข้อใหญ่ๆ ดังนี้ครับ
1. องค์ประกอบภายใน ได้แก่ การมองโลกในแง่ดี, ความหวัง และความสามารถในการคืนชีพ (กล่าวคือ ความสามารถในการปรับตัวกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลังเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายๆ นั้นเองครับ)
2. องค์ประกอบภายนอก ได้แก่ ประสบการณ์ที่ดี และสภาพแวดล้อมหรือสังคมที่ดี)
...
ในบทความนี้...ผมจะมาพูดถึง 'การมองโลกในแง่ดี' เป็นหลักนะครับผม
...
ก่อนอื่นเรามารู้จักความหมายของคำว่าการมองโลกในแง่ดีกันก่อนดีกว่าครับ เท่าที่ผมได้ลองค้นคว้ามาพอสามารถสรุปความหมายได้ดังนี้ครับ "การมองโลกในแง่ดี หรือความคิดเชิงบวก คือ การคาดหวังในทางบวก"
...
ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนต้องเคยมีความคิดเหล่านี้เเล่นอยู่ในหัว "เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นแหละเชื่อสิ, ฟ้าหลังฝนมันสวยงามเสมอ, อดทนทำต่อไปเพื่อน วันข้างหน้ามันต้องเป็นของเรา และอีกมากมายนับไม่ถ้วนสำหรับประโยคปลุกใจเหล่านี้" สังเกตไหมครับ หลังจากที่เราพร่ำบอกคำปลุกใจเหล่านี้กับตัวเอง เราจะเงยหน้าขึ้นมาและพร้อมจะก้าวต่อไป ด้วยความรู้สึกที่มั่นคงและมั่นใจขึ้น ราวกับรถแข่งที่พร้อมจะเร่งเครื่องเข้าสู่เส้นชัยอีกครั้งเเล้ว
...
คุณรู้ไหมครับ...ข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ การมองโลกในแง่ดีนั้นมีความสัมพันธ์กับสภาวะทางจิตใจและสุขภาพในหลากหลายด้านมาก เช่น คนที่มองโลกในแง่ดีแน่นอนว่าจะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้าที่ต่ำ, บุคคลที่มองโลกในแง่ดีมักจัดการปัญหาได้ดีกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย ตลอดจนบุคคลที่มองโลกในแง่ดีมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง เพราะแม้จะล้มหรือผิดพลาด บุคคลที่มองโลกในแง่ดีจะลุกขึ้นก้าวต่อไปเพราะมีความคิดที่ว่า ครั้งหน้ามันต้องสำเร็จแน่ๆ
...
เพราะหากคุณมองโลกในแง่ร้าย คิดชิงตัดบทไปก่อนแล้วว่า 'ฉันทำไม่ได้' เส้นทางนั้นก็จะจบลง ทั้งที่คุณยังไม่ได้เริ่มก้าวขาเลยด้วยซ้ำ
และในด้านสุขภาพ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เว็บไซต์มติชนออนไลน์ ได้อ้างอิงงานวิจัยของ คุณลิวิน่า ลี รองศาสตราจารย์สาขาจิตเวช คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอสตัน ที่พบว่าค่าเฉลี่ยของหญิงสาวและชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ดีเป็นอย่างมาก จะมีอายุยืนกว่าค่าเฉลี่ยปกติอยู่ที่ 11 - 15% และที่ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอายุถึง 85 ปี หรือมากกว่านั้น
(ข้อสังเกต : งานวิจัยนี้ใช้คำว่า 'มีความเป็นไปได้สูง' หมายความว่านอกจากปัจจัยเรื่องการมองโลกในแง่ดีแล้ว เรายังต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยนะครับ เช่น การออกกำลังกาย, การควบคุมอาหาร การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากน้อยเพียงใด)
...
นอกจากนี้...การมองโลกในแง่ดียังส่งผลให้คู่รักสามารถรักษาความสัมพันธ์ของได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยนะครับ (ลองคิดกันเล่นๆ หากแฟนเราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย พฤติกรรมคลาสสิคที่เรามักเจอคือ 'ความขี้หึงหรือการจับผิดที่่สุดจะบรรยาย' เช่น คอยโทรตามติดเราทุกๆ ชั่วโมง หรือพอเห็นเราคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม ก็จะเข้ามาถามเราถึงคนๆ นั้นอย่างถึงพริกถึงขิง...แค่คิดก็ชวนปวดหัวแล้วใช่ไหมล่ะครับ ฮ่าๆ)
...
และข่าวดีคือการมองโลกในแง่ดีนั้น สามารถส่งต่อไปให้กับคนอื่นๆ ได้อีกด้วย (ความจริงผมอยากเล่นคำจาก 'ส่งต่อ' เป็นคำว่า 'ระบาด' อยู่นะ...แต่คิดๆ ดูแล้วคำว่าส่งต่อ มันให้ความรู้สึกเชิงบวกมากกว่า) อย่างที่เรามักได้เห็นคำคม คติ แนวความคิด หรือบทความของคนดัง ที่นักเขียนหลายๆ คน หรือเว็บไซต์ต่างๆ ยกขึ้นมา แล้วพวกเราก็มักจะนำมันมาใช้เป็นแรงผลักดันหรือแรงบันดาลใจให้กับตัวเองต่อไป (หรือบางท่านอาจยึดหลักธรรมทางศาสนามาเป็นแรงผลักดันในการดำเนินชีวิตของตน) และสังเกตไหมครับบุคคลที่มีอารมณ์ขันหรือมีความเฟรนลี่มักถูกห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนฝูง นั้นก็เพราะพวกเขาเหล่านี้มีอุปนิสัยมองโลกในแง่ดี และเพื่อนฝูงก็จะสัมผัสในส่วนนี้ได้ เพราะคุยด้วยแล้วไม่เครียดหรือมีความสุขนั้นเองครับ ...
แต่ถึงกระนั้นของทุกอย่างบนโลกล้วนเปรียบได้กับเหรียญ 2 ด้าน...การมองโลกในแง่ดีนั้นก็เช่นกันครับ หากเรามองโลกในแง่ดีจนเกินไปก็อาจส่งผลด้านลบกับเราได้ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปครับ ซึ่งนักจิตวิทยาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า 'ภาพลวงตาทางบวก (Positive Illusiond)'
...
ภาพลวงตาทางบวก คือ การมโนภาพทางจิตที่แสดงในสิ่งที่ผิดพลาด หรือตีความผิดไปจากข้อเท็จจนเกินไป เช่น
1. การตีความสามารถของตนแบบเกินจริง กล่าวคือ เรามีความรับผิดชอบหลายงานมากเกินไป ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ ท้ายสุดอาจเกิดผลร้ายกับเราเสียเอง อาทิ ร่างกายล้มป่วยเพราะโหมงานจนเกินขีดจำกัด หรืองานที่ออกมาผิดพลาดมากกว่าที่ควรจะเป็น เป็นต้น
2. การมองโลกในแง่ดีมากเกินไป เช่น เราคิดว่าอนาคตที่สดใสรอเราอยู่เเน่นอน แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าเราก็ยังคงทำตัวแบบเดิมๆ และไม่มีความคิดที่จะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เป็นต้น
...
ปัจจุบัน...โลกของข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วเช่นนี้ มันทำให้เราพบเห็นข่าวร้ายที่ชวนหดหู่ แต่เราไม่จำเป็นต้องรู้ไปซะทุกอย่าง และไม่จำเป็นต้องพาตัวเองไปจมความทุกข์ของคนมากนัก เราสามารถเลือกรับมุมมองด้านบวกที่สามารถนำมาเป็นสายพานในการดำเนินชีวิตของเราต่อไปครับ ก็จะทำให้เรามีทัศนคติความคิดเชิงบวก ที่เกื้อหนุนในมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพและอารมณ์ เพียงแต่อย่ามองโลกในแง่ดีจนเกินข้อเท็จจริงไปนะครับ
...
ท้ายสุดนี้...ผมขอฝากปริศนาธรรมจากท่าน ว.วชิรเมธี เกี๋ยวกับคนมองโลกในเชิงบวกกันครับ
บรรณานุกรม
...
คุณกุสุมา กาญจนประกิจ. (2556). อิทธิพลของการมองโลกในแง่ดี ต่อความพึงพอใจในความสัมพันธ์ และการผูกมัดในความสัมพันธ์โดยมีภาพลวงตาทางบวกเป็นตัวแปรส่งผ่าน. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
...
คุณสุมาลินี มธุรพจน์พงศ์. (2555). ความหวัง การมองโลกในแง่ดีและความสามารถในการฟื้นคืนได้ : ตัวแปรทำนายผลงาน ความพึงพอใจในงานความสุขในการทำงาน และความผูกพันกับองค์กร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
...
Kon1Kon. (10 มิ.ย. 2559 /แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 2559).10 กฎเหล็กสู่ความสำเร็จ โอปราห์ วินฟรีย์. สืบค้นจากhttps://www.winnews.tv/news/4194
...
HELLO MAGAZINE.‘โอปราห์ วินฟรีย์’ เผยชีวิตวัยเด็กสุดรันทด ! สู่สตรีผู้ทรงอิทธิพล. สืบค้นจากhttps://th.hellomagazine.com/celebrity-news/inpiration-from-oprah-winfrey-childhood-story/
...
ทีมข่าวมติชนออนไลน์. (27 ส.ค. 2562).นักวิจัยชี้ ‘มองโลกในแง่ดี’ ทำชีวิตยืนยาว. สืบค้นจากhttps://www.matichon.co.th/foreign/news_1644292
...
nicetofit. (27 เม.ย. 2561).คิดบวกและมองโลกในแง่ดี ส่งต่อความคิดในแง่ดีให้คนอื่นๆ. สืบค้นจากhttps://www.nicetofit.com/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5/
โฆษณา