31 ส.ค. 2019 เวลา 00:45 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เรียนรู้ภาษากายและจับไต๋คนโกหกจากซีรีส์ Lie to me
Lie to me ซีรีส์สืบสวนสอบสวนของอเมริกา ( มี 3 Season) ว่าด้วยงานของ Dr.Cal Lightman ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากาย
เขาเปิดบริษัทรับให้ความช่วยเหลือในงานสืบสวนสอบสวนเพื่อหาความจริงโดยใช้ศาสตร์จิตวิทยาและภาษากายโดยวิเคราะห์ผ่านการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง (micro expressions)
เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วได้ความรู้ที่สามารถเอามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
คาแรคเตอร์ของ Dr.Cal Lightmanนั้น มีต้นแบบมาจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง
คือ Dr.Paul Ekman
ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การวิเคราะห์จากสีหน้า ภาษากาย( micro expressions) ที่ปรึกษากรมตำรวจและหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย นอกจากนี้ Dr.Paul Ekman ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาวิเคราะห์ในซีรีส์ Lie to me ด้วย
เรามาดูกันว่าภาษากายที่ซีรีส์นี้กล่าวถึงมีอะไรบ้าง
การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้า
1. เมื่อรู้สึกประหลาดใจ จุดสังเกตหลักๆมี 3 อย่าง คือ คิ้วสูงขึ้น ดวงตาเปิดกว้าง และมีการเปิดปาก
2.เมื่อรู้สึกกลัว ความกลัวจะแสดงออกชัดผ่านทางดวงตา เปลือกตาบน-คิ้ว สูงขึ้นและขมวดเข้าหากัน
ในขณะที่เปลือกตาล่างเกร็ง ปากเปิดและมีอาการเหยียดเกร็งเช่นกัน
3.เมื่อรู้สึกรังเกียจ เมื่อใครสักคนรู้สึกรังเกียจคุณจะเห็นรอยย่นบนสันจมูกของเขา พร้อมกับคิ้วที่ต่ำลง
ริมฝีปากบนเผยอขึ้น แก้มและริมฝีปากล่างลดต่ำ จนทำให้มองเห็นฟันได้
ถ้ามีอาการรังเกียจและขยะแขยงมากๆ ปากจะคว่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
4.เมื่อรู้สึกโกรธ เปลือกตาจ้องเขม็ง คิ้วขมวดหากันจนแทบจะติดกัน ปากปิด
ในบางคนอาจมีอาการกัดฟัน เกร็งบริเวณกรามร่วมด้วย
5.เมื่อมีความสุข ริมฝีปากเผยอขึ้นทั้งสองข้างสมมาตรกัน มีรอยตีนกาขึ้นบริเวณปลายตา
วิธีแยกแยะความสุขจริงๆกับไม่จริง ให้สังเกตเวลายิ้ม รอยตีนกาต้องย่นและชัดเจน
(ถ้าหน้ายิ้ม แต่รอยตีนตาด้านข้างไม่ย่น นั่นอาจเป็นการฝืนยิ้ม ยิ้มปลอมๆ)
6.เมื่อรู้สึกเศร้า คิ้วด้านในขมวดสูงขึ้น สูญเสียการโฟกัสในสายตา มุมปากทั้งสองข้างต่ำลง
อารมณ์เศร้าเป็นอารมณ์ที่ปลอมได้ยาก มีน้อยที่คนแสดงอารมณ์เศร้าได้อย่างแนบเนียนทั้งที่ไม่ได้เศร้า
7. อารมณ์ดูถูก ริมฝีปากด้านใดด้านหนึ่งจะเผยอขึ้น (เป็นสัญลักษณ์ของการรู้สึกว่าเหนือกว่าอีกฝ่าย)
8.เมื่อรู้สึกละอายใจ เมื่อผู้พูดรู้สึกละอายต่อสิ่งที่ตนได้พูดไป เขามักจะก้มหน้าลงเม้มริมฝีปาก
หลบตาจากผู้คน อาจมีการยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากด้วย
การจับโกหกจากท่าทาง
เมื่อมีใครสักคนถามคำถาม วิธีดูว่าสิ่งที่เขาตอบคือความจริงหรือไม่ ? ให้ดูว่าเขาหลบตาไหม
คนที่หลบตาเพื่อครุ่นคิด คือ คนที่พูดความจริง
ในขณะที่คนโกหกจะไม่คิดและไม่หลบตา
(ค่อนข้างขัดกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ แต่ในซีรีส์อธิบายว่ามันเป็นกลไกตามธรรมชาติ คนที่พูดความจริงมักจะพูดและนึกรายละเอียดไปด้วย )
บางคนขณะโกหกเขาจะเอามือขึ้นมาจับคอ
หากอยากจับโกหกใคร ปล่อยให้เขาเล่าเรื่องไป
เมื่อเขาเล่าจบลองให้เขาเล่าเหตุการณ์แบบย้อนหลังดู
คนโกหกจะไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ที่เขาโกหกแบบย้อนหลังได้เพราะเขาไม่มีความทรงจำในเรื่องนั้น
4
หรือถ้าใครตอบคำถามโดยทวนคำถามอย่างครบถ้วน นั่นเป็นสัญญาณของการโกหก
ตัวอย่างในซีรีส์ก็เช่น มีการถามว่า
ผู้ถาม : "เธอเคยไปบ้านของผู้ตายมาก่อนหรือเปล่า ?"
ผู้ตอบ : "ไม่ครับ ผมไม่เคยไปบ้านของผู้ตายมาก่อน"
คนโกหกจะทวนประโยคคำถามในคำตอบเพื่อให้มั่นใจว่าการตอบนั้นหนักแน่น ชัดเจน
เป็นสัญชาตญาณการปกป้องตนเองอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าคนพูดความจริงมักจะตอบเพียงว่า "ไม่ครับ" ก็เพียงพอแล้ว
2
สำหรับคนที่มีเรื่องปิดบัง ขณะกำลังคิดเขาจะกระพริบตาถี่ๆหลังได้ยินคำถาม
เพราะกำลังประมวลความคิดที่จะปิดบังไว้
การเอานิ้วถูจมูกระหว่างคุยกันก็เป็นสัญญาณว่ากำลังมีเรื่องปิดบังอยู่
ขอยกตัวอย่างภาษากายที่สำคัญเพียงเท่านี้ครับ
ในซีรีส์ยังมีภาษากาย สีหน้าและท่าทางอื่นๆให้เรียนรู้อีกมากมายโดยเฉพาะในซีซั่นแรก
หากสนใจหามาชมกันต่อได้เลยครับ
หวังว่าบทความในวันนี้คงทำให้คุณแม่บ้านจับโกหกคุณพ่อบ้านได้มากขึ้น และคุณพ่อบ้านก็จะโกหกคุณแม่บ้านได้เนียนขึ้นนะครับ...
ไปเคลียร์กันเอง 555
ข้อมูลส่วนหนึ่งแปลมาจากบทความ : How to Detect Lies: Micro Expressions
โฆษณา