5 ก.ย. 2019 เวลา 03:58 • ศิลปะ & ออกแบบ
คนที่เรานับถือบอกไว้ว่าถ้าเราเป็นครูใคร เราอาจจะต้องแบกรับทางเลือกหรืออะไรของคนนั้นที่ตามมาหลังจากที่เราเป็นครูสอนจริงๆแล้วเรามีต้นทุนที่ไม่เหมือนคนอื่นนั่นก็คือการที่มีโรคประจำตัว
ถ้าเราสามารถรักษาตัวเองหาย เรามีสิทธิ์ที่จะเผยแนวความคิดหรือวิธีการนั้นนั้นได้แต่เรามาคิดดูเราไม่ค่อยอยากแบกรับเพราะว่ากระบวนการรักษามันไม่ได้มีการใช้ศิลปะเท่านั้น
ศิลปะเป็นแค่ทางเลือกศิลปะช่วยในเรื่องความผ่อนคลายมากกว่ามันไม่ได้รักษาและก็ไม่ได้สามารถหยุดยาได้จริง อีกอย่างเราไม่อยากจะเป็นคนที่ทำหน้าที่ฮีลลิ่ง หรือแบกรับความรู้สึกของใคร ถ้าถามว่าแล้วเราจะต่อสู้เพื่อคนอื่นได้ยังไงในเมื่อไม่รู้จักแบกรับ
เราก็จะบอกว่าการต่อสู้แค่วาดรูป สำเร็จหนึ่งรูป นั่นก็คือการต่อสู้ของเราแล้วเพราะว่าคนที่เค้าดูอยู่เค้ารู้ แต่ถ้าเค้าเป็นเหมือนเราเค้าอาจจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเอง stoic บอกไว้ว่าเราไม่สามารถควบคุมคนอื่น เราคุมได้แค่ตัวเอง
ที่เราบอกเมื่อเร็วนี้ว่ามีสถาบันที่นำเรื่องโรคซึมเศร้ามาเป็นจุดขายในการดึงคนมาเรียน เราคิดว่ามันไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่คนเขียนก็อปปี้ เข้าใจผู้ป่วยมากน้อยเพียงไหน?บอกได้เลยว่าคุณไม่เข้าใจคนเป็นโรค ตราบใดที่คุณไม่เป็นค่ะ
ในฐานะที่เป็นผู้ป่วยจิตเวช ไม่มีใครชอบเวลาที่ตัวเองถูกเรียกว่าเป็นไอ้บ้า ไอ้ไบโพ ไอ้ซึมเศร้า ไอ้โรคจิต และโรคในตระกูลเดียวกันอื่นๆ ....หรือถูกจัดกลุ่ม ให้ไปอยู่ในกลุ่ม'ผู้ป่วย'
ถ้าเป็นเรา เราจะเน้นจุดบวกมากกว่าการแก้ไขตัวโรค ไปเลย เพราะการเน้นไปที่ตัวโรค มันอาจจะทำให้คนเข้าใจผิด ว่ากิจกรรมการเรียนนั้น ช่วยรักษาโรค หรือต้านโรค ซึ่งจริงๆ การต้านโรคต้องใช้ยาช่วย
เราอยากทำศิลปะ เพื่อการฝึกสมาธิ ทำให้สมาธิดีขึ้น เช่น พวก zentangle มีหลายๆคนแนะนำให้เรานั่งสมาธิ แต่เรายังนั่งไม่ได้เลย นั่งแล้วหนักกว่าเดิมค่ะ วาดรูปคือการทำสมาธิขั้นสุดของเราแล้วจริงๆ ดังนั้น เราคิดว่า ถ้าสอน Zentangle เพื่อความผ่อนคลาย เน้นประโยชน์มากกว่าไปสปอตที่ตัวโรค ส่วนตัวเรา เราคิดว่าเราโอเคกับเวย์นะ ได้ช่วยคนที่เหมือนกันด้วย
โฆษณา