6 ก.ย. 2019 เวลา 00:08 • กีฬา
"ประวัติศาสตร์ ศึกแดงเดือด แมนเชสเตอร์ ถึง ลิเวอร์พูล"
#Sapiens
#การปฏิวัติอุตสาหกรรม
หากพูดถึง "แดงเดือด" สิ่งแรกๆที่คนที่พอรู้เรื่องฟุตบอลอยู่บ้างจะนึกถึงคือ ลิเวอร์พูล กับ แมนยูไนเต็ด ที่เมื่อมีแมตช์ แฟนบอลของทั้งสองทีมจะออกมาเชียร์และให้ความสำคัญกับการแข่งขัน แม้ว่าการแข่งขันนัดนั้นจะไม่ได้เป็นการชิงชนะเลิศแต่แฟนบอลก็ยังให้ความสำคัญและมองว่าเป็นแมทซ์ของศักดิ์ศรี
จนในบ้านเราบริษัทหรือร้านค้านั้นสามารถจัดกิจกรรมการชมการแข่งขัน ไม่ว่าจะเพื่อการค้าขาย โปรโมทสินค้า หรือเพราะเจ้าของกิจการนั้นๆก็เป็นหนึ่งในสาวกของทีมใดทีมหนึ่ง แต่หากถามว่า ทำไมทั้งสองทีมถึงได้ให้ความสำคัญมากกว่าการแข่งขันในนัดที่พบกับทีมอื่น
หากไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอลที่มีขับเคี่ยวกันมายาวนาน บทความนี้จะเล่าผ่านจุดเริ่มต้นของความเชื่อมโยงกันของทั้งสองทีม หรือ สองเมืองแห่งเกาะอังกฤษ ผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรม และ ทุนนิยม ครับ
เราได้กล่าวถึงระบบทุนนิยม และ การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ไปแล้วในบทความก่อน ปัจจัยที่จะทำให้ทั้งสองอย่างเติบโต สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือพลังงานและวัตถุดิบ
"การปฏิวัติพลังงาน" ในอดีตมนุษย์นั้นไม่ได้รู้ถึงวิธีการเปลี่ยนรูปของพลังงาน ดังนั้นพลังงานหลักคือพลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์ที่พืชได้รับแล้วเราหรือสัตว์กินเข้าไป จากนั้นใช้เป็นพลังงานของกล้ามเนื้อในการออกแรงสร้างสิ่งต่างๆเช้น เกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
1
หรือที่เคยใช้อยู่บ้างก็เพียงพลังงานที่ได้จากลมหรือน้ำไปสู่กังหัน แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากและไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งหรือเคลื่อนย้ายได้
โดยการเปลี่ยนพลังงานแรกที่เราได้เริ่มนำมาใช้นั้นคือแรงดันจากไอน้ำหรือเครื่องจักรไอน้ำ ซึ่งกว่าจะรู้จักและนำมาใช้ จากการที่เห็นคำใบ้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างการต้มน้ำที่เมื่อเดือดจะมีไอผลักทำให้ฝาของกาต้มน้ำเปิดออก มนุษย์ก็ต้องใช้เวลานานมากกับความรู้นี้
เมื่ออังกฤษได้ใช้พลังงานจากความร้อนนั้น วัตถุดิบหลักที่เป็นเชื้อเพลิงนั้นคือฟืนจากไม้ เมื่อนานเข้าจึงเกิดการขาดแคลนเชื้อเพลิง และเริ่มหาเชื้อเพลิงมาทดแทน สิ่งนั้นคือถ่านหิน เมื่อมีเหมืองที่คิว่ามีปริมาณมากพอใช้งานได้แต่ก็ติดที่ว่าเหมืองนั้นมีน้ำท่วมอยู่
จึงเกิดไอเดียที่ว่าเผาถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงให้กับปั้ม เพื่อปั้มน้ำออกเพื่อทำเหมืองถ่านหิน แต่ปั้มในยุคแรกนั้นประสิทธิภาพยังต่ำ ก็เกิดการเผาถ่านหินเพื่อทำเหมืองถ่านหิน เมื่อประสิทธิภาพของเครื่องจักรไอน้ำดีขึ้น ไอเดียต่อมาคือ ทำไมไม่ใช้ทำเป็นรถเพื่อขนส่งถ่านหิน เพราะรถนั้นก็สามารถเคลื่อนไปพร้อมกับถ่านหินที่บรรทุกไปด้วยจำนวนมากอยู่แล้ว ส่งผลให้เกิดระบบการขนส่งสินค้า และก็เกิดไอเดียต่อไปอีกว่าเมื่อส่งสินค้าได้ทำไมจะทำการส่งคนไม่ได้ จึงพัฒนาต่อไปเป็นระบบขนส่งมวลชน
แล้วมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับสองเมืองนี้อย่าง แมนเชสเตอร์และลิเวอร์พูลหล่ะ?
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “รางรถไฟสายแรกของโลก” จากเมืองแมนเชสเตอร์ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมแรกของโลกที่มีการผลิตสินค้ามากมาย ไปสู่ลิเวอร์พูลที่เป็นเมืองท่าที่จะส่งสินค้าไปค้าหรือนำวัตถุดิบเข้ามาจากทั่วโลก ที่ต่อมาก็ได้ทำการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมไปทั่วประเทศ
เมื่อการปฏิวัติอุตสากรรมเริ่มต้นขึ้น เมืองแมนเชสเตอร์ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรมจะส่งสินค้าผ่านทางรถไฟไปสู่เมืองลิเวอร์พูลโดยเสียค่าธรรมเนียมต่างๆให้กับเมืองท่า เนื่องจากลักษณะแบบนี้จึงเริ่มมีมุมมองที่ต่างกันของชาวเมืองโดย ลิเวอร์พูลที่ร่ำรวยจากค้าขายจะมองว่าอีกฝั่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงาน ด้านแมนเชสเตอร์ก็มองว่าอีกฝั่งไม่สมชายชาตรี ไม่ได้ลงมือทำงานจริงๆ
ต่อมาด้านแมนเชสเตอร์เมื่อต้องส่งสินค้าผ่านเมืองท่านานๆไปจึงมองว่าโดนเอาเปรียบ ทำให้มีโครงการขุดคลองที่สามารถส่งสินค้าออกทางทะเลได้เองโดยตรง เกิดเป็น "Manchester Ship Canal" ส่งผลให้เศรษฐกิจเมืองลิเวอร์พูลตกต่ำลงจากการเป็นเมืองท่า จนทำให้ผู้คนตกงานมากขึ้น ความมั่งคั่งลดลง
นี่อาจเป็นความเชื่อมโยงแรกระหว่างเมืองสองเมือง จนเกิดเป็นความขัดแย้งของแฟนบอลทั้งสองทีม
แล้วคุณหล่ะมีทีมที่เชียร์รึเปล่า ถ้ามีทีมนั้นมีคู่ปรับไหม ประวัติศาสตร์ความขัดแย้งเกิดจากอะไร มาเล่าให้กันฟังบ้างครับ
matmat
อ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา