5 ก.ย. 2019 เวลา 10:06 • ปรัชญา
ปัญหาของคนอยู่คอนโด
ชีวิตคอนโดเป็นทางเลือกที่สะดวกสบาย แต่ก็มีเรื่องกวนใจบ้างตามประสา เรื่องของเราเกิดที่ระเบียง...
เรามักซักผ้าแล้วตากที่ระเบียงคอนโดเป็นประจำเหมือนกับห้องอื่นๆ แต่ที่โชคร้ายก็คือห้องข้างบนที่ย้ายมาใหม่มีแม่บ้านที่ขยันขัดล้างระเบียงเหลือเกิน และมักจะสาดน้ำล้างพื้นอันแสนสกปรกลงจากด้านหน้าไหลผ่านลงสู่ระเบียงห้องเราเป็นประจำ
เมื่อเห็นน้ำสีโคลนกระเด็นลงมาโดนเสื้อที่เพิ่งซักสะอาดและเอาขึ้นตากเมื่อเช้าจนเกือบจะแห้งสนิทอยู่แล้วเชียวทีไร เป็นต้องยืนกรี๊ดกระจายอยู่ตรงระเบียงทุกครั้ง ⚡️
ความโกรธสุดขีดได้พุ่งปรู๊ดขึ้นสู่สมอง และวิ่งปร๊าดลงสู่เท้า ผลักให้เรามุ่งตรงสู่ห้องข้างบนโดยทันที “ก๊อกๆๆๆ” เราเคาะประตูห้องคู่กรณีรัวๆ
แม่บ้านเปิดประตูอย่างรวดเร็วราวกับรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงกรี๊ดที่เพิ่งดับไปเมื่อสักครู่กำลังจะมาเยือน “ฉันก็ไม่มีทางอื่นนะ ท่อน้ำด้านข้างมันตันหน่อยๆ ก็เลยจำเป็นต้องราดลงไปแบบนั้น” แม่บ้านตั้งท่าอธิบาย 😔
เราข่มความโกรธไว้ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปราวตากผ้าที่แขวนเสื้อผ้าอยู่เต็มขึ้นมาให้แม่บ้านดู “ฉันต้องเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปซักใหม่ เพราะมันเลอะน้ำที่ป้าราดลงไป ฉันเหนื่อยมากนะคะ” 😰
แม่บ้านหน้าเสียและรู้สึกผิดหลังจากที่เราพูดจบลง “ป้าขอโทษ งั้นวันหลังจะพยายามใช้เป็นม็อบถูเอาแล้วกัน”
การเจรจาจบลงด้วยดี เรารู้สึกเบาใจ 🙂 แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ เสียงน้ำตกสีเทาดำได้กลับมาหลอนกันอีกครั้ง 😖 เราวิ่งแกมไถลไปยังระเบียงเพื่อรีบกวาดเสื้อออกจากรัศมีของกระเซ็นน้ำนั่นโดยเร็วที่สุด แม้เราจะสังเกตเห็นได้ว่าปริมาณน้ำได้ลดลงมาก และทางน้ำก็ได้บีบแคบเข้าแล้ว แต่มันก็ไม่อาจพ้นบริเวณที่ตากเสื้อบนระเบียงแคบๆ นี้ไปได้!
ครั้งนี้เรากรี๊ดไม่ออก ความโกรธ ความเซ็ง และความอึดอัดจุกอยู่ที่อกจนแทบจะระเบิดออกมา 🤬 ความคิดดั่งสายลาวาได้วิ่งพุ่งมาที่หัว “ฉันจะจัดการกับป้าแม่บ้านนี้ยังไงดี ฉันต้องขึ้นไปพูดให้รู้เรื่อง”
แต่อีกความคิดก็ยั้งไว่ว่า “คงไม่น่าจะมีประโยชน์อะไร คงมีแต่ทะเลาะกัน” 😣 เราคิดต่ออีกว่า “แล้วถ้าเจ้าของห้องเปลี่ยนแม่บ้านล่ะ เราต้องไปนั่งเจรจาด้วยทุกรายไหม”
จบเสียงในหัวลงความคิดใหม่ก็พุ่งขึ้น “ไม่ ฉันต้องไปฟ้องร้องที่ออฟฟิศส่วนกลางของคอนโด” 📣📢
แต่หยักสมองอีกข้างของเราก็ส่งข้อความแย้งต่อมาทันทีอีกว่า ”เจ้าหน้าที่คงทำได้แค่ไปแจ้งเจ้าของห้อง แล้วเจ้าของห้องก็คงไม่สนหรอก เพราะเค้าไม่ได้เดือดร้อนอะไร” 😔
ความรู้สึกตอนนั้นมันหงุดหงิดมาก เพราะเป็นปัญหาที่พูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไม่อยากจะไปทะเลาะกับใครไม่รู้จบด้วย ♨️ และแล้วสติก็มาช่วยไว้ทัน ปัญญาจึงตามมาว่า 🎉 ”แก้ที่คนอื่นคงจะยากและไม่ถาวร แก้ที่ตัวเองน่าจะง่ายและยั่งยืนกว่า” ว่าแล้ว เราก็....
1
🌝 เบรค!!! ชวนคิดก่อนเฉลย 🙈
ทุกครั้งที่พบเจอปัญหาคนเรามักจะรู้สึกหนักอึ้งที่ใจ นั่นเป็นเพราะใจเรากำลังไม่ยอมรับและต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นให้เป็นแบบอื่นที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงผู้อื่นหรือเงื่อนไขใดก็ตาม แต่จริงๆหลายๆ กรณี ปัญหาต่างๆ ไม่ได้ใหญ่โตเท่าที่เราหงุดหงิดเลย บางปัญหาได้หมดไปโดยปริยายด้วยซ้ำ เพียงเข้าใจยอมรับเท่านั้นเอง
แต่หากจำเป็นต้องลงมือแก้ขอให้เริ่มต้นแก้ที่ตัวเองก่อน และหากต้องการความร่วมมือแก้ไขจากผู้อื่นด้วยแล้ว อย่าลืมไตร่ตรองให้แน่ใจก่อนว่า 👉 ทำเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือ 👉 เพื่อให้ผลลัพธ์ถูกใจตัวเองกันแน่ ไม่อย่างนั้น ยิ่งแก้ ก็ยิ่งยุ่ง เชื่อเถอะ!
🙉 (ต่อ)....ว่าแล้ว เราก็หันไปหยิบปากกามาบันทึกเวลาลงในปฏิทินว่า 📆 แม่บ้านได้มาล้างระเบียงวันไหนบ้าง และตอนกี่โมง เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เราก็มีข้อมูลแล้วว่าแม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดในวันจันทร์และวันศุกร์ โดยจะล้างระเบียงในช่วงเที่ยงๆ
จากนั้นเราก็หลีกเลี่ยงการตากผ้าในช่วงเวลานั้น แล้วเราก็ไม่ต้องเสียอารมณ์อีกต่อไป มันก็ง่ายๆ เท่านี้เองค่ะ 🥴
💫 “อ่านใจ” อยู่เป็นเพื่อนกัน เพื่อช่วยให้วันแย่ๆ ของใครได้สดใสขึ้นค่ะ อ่านจบแล้วอย่าลืมแว้บไปอ่านใจตัวเองก่อนกดปิดนะคะ 💓
โฆษณา