16 ก.ย. 2019 เวลา 02:08 • กีฬา
สู้เพื่อรอด...
สามนักเตะที่ทำประตูใส่แมนฯ ซิตี้
เรื่องนี้ผมได้คุยกับเพื่อนๆของผมรวมถึงพ่อของผมที่ชอบดูฟุตบอลเหมือนกัน ผมพูดไว้ตั้งแต่นัดแรกแล้วในแมตช์ที่ลิเวอร์พูลถล่มนอริช ซิตี้ 4-1 ว่า....นอริช จะไม่ตกชั้น!!
ถ้าถามว่าทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น ?
เพราะเท่าที่ผมติดตามดูนอริชมาจนถึงแมตช์เมื่อวานนี้ ผมคิดว่านอริช ซิตี้ ที่มีหัวเรือรบลำใหญ่อย่าง ดาเนียล ฟาร์ค พยายามสรา้งนอริช ซิตี้ ให้เป็นทีมระดับพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพที่ขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก
แตกต่างกันนะครับ
ถ้าย้อนกลับไปในแมตช์ที่ลิเวอร์พูลเจอนอริช ซิตี้ บอกเลยว่าวันนั้นนอริช ไม่ได้มาอุดหวังเอาแค่ 1 แต้มเหมือนทีมระดับน้องใหม่เหมือนอย่างทุกๆปี
แต่วันนั้นฟาร์ค สั่งให้ลูกทีมรุกสู้ใส่ลิเวอร์พูลชนิดที่ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใดถึงแม้ว่าเจ้าบ้านจะเพิ่งได้แชมป์ยุโรปมาหมาดๆก็ตาม
ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเกือบเสียประตูไปก่อนในหลายๆจังหวะ การต่อบอลของนอริช และลูกยิงไกลของสตีเปอร์แมนที่ต้องบอกเลยว่าได้ลุ้นเกือบทุกลูก
ใครจะไปคิดว่าทีมอย่างนอริชที่เจอลิเวอร์พูลเปรียบเสมือนงูเหลือมกับเชือกกล้วยจะกล้ามารุกใส่ที่แอนฟิลด์
ที่คือเหตุผลที่ทำให้ผมมั่นใจแบบเต็ม 100% ว่ายังไงปีนี้นอริชไม่ตกชั้นแน่นอน
Pukki ยิงตีไข่แตกให้นอริช ซิตี้ 4-1 แต่ก็ไม่ทัน
ทีมอย่างเลสเตอร์ ซิตี้,บอร์นมัธ,วูล์ฟแฮมตัน,คริสตัล พาเลช,วัตฟอร์ด พวกนี้กล้าสู้ทีมใหญ่แบบไม่เกรงกลัว มีแนวทางของตัวเอง ทุกนัดสู้เพื่อสามคะแนนไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือทีมใหญ่ เลยส่งผลให้กลายเป็นทีมระดับพรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อยที่มีโอกาสตกชั้นน้อยมากๆ
กลับกันลองย้อนไปดูทีมอย่างคาร์ดิฟเมื่อปีที่แล้ว ทุกแมตช์ที่ลงเล่นกับทีมใหญ่ พวกเขามักจะมองต่ำแค่ 1 แต้มเท่านั้น สุดท้ายกลายเป็นอุดทั้งเกม แต่ก็พ่ายไปอยู่ดี
แต่พอเล่นแบบไม่หวังแต้มเพราะตกชั้นไปแล้ว กลับกลายเป็นทำได้ดีกว่ามาตรฐานถึงขนาดบุกไปเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดในแมตช์สุดท้ายของฤดูกาล
นอริช ซิตี้ เท่าที่ผมตามดูคือมักจะมีการต่อบอลสวยๆ กล้าครองบอล ไม่หวดหรือสาดมั่วจากกรอบเขตโทษ
ล่าสุดเมื่อวานขณะที่นำแมนฯ ซิตี้อยู่ 3-1 กองหลังได้บอลแต่ก็ยังไม่สาดมั่วออกมาข้างหน้า แต่ดันเล่นชิ่งกันอยู่หน้าปากประตูกลัวเสียบอลซะอย่างนั้น ทั้งๆที่เจอกับแมนฯ ซิตี้หนึ่งในทีมที่มีการเพรสซิ่งที่ดีที่สุดในโลก กับโค้ชอย่างเป๊ป กวาดิโอล่า
เป๊ปเซ็ง
จากที่กลัวแมนฯ ซิตี้จะกลับมาได้ การต่อบอลของนอริช ซิตี้ก็ทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาทันที นั่งดูไปกับรอยยิ้มที่มุมปากพร้อมกับนับเวลาถอยหลังไปในตัว
แม้ว่าแมตช์ที่นอริชเฉือนแมนฯ ซิตี้ จะเน้นรับเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าแมนฯ ซิตี้ครองบอลกันเหนียวแน่นจนผู้เล่นนอริชไม่เจอบอลกันเลยเสียมากกว่า
แต่เมื่อยามที่พวกเขาได้บอลนั้น มีการต่อบอลสวยๆ ขึ้นไปทำจนนำมาซึ่งประตูแรก
ส่วนประตูที่ 2 และ 3 ก็มาจากการเพรสเข้าไปแย่งบอล
ลองนึกภาพถ้าเป็นทีมอื่นเจอแมนฯ ซิตี้ ไม่มีทางที่จะเข้าไปแย่งบอลแมนฯ ซิตี้ถึงในกรอบเขตโทษอย่างแน่นอน เมื่อใดก็ตามที่คุณขึ้นนำทีมของกวาดิโอล่าได้ ทางที่ดีคือตั้งรับแล้วรอสวนกลับง่ายกว่า
แต่ในขณะที่นอริชขึ้นนำอยู่ 2-1 พวกเขาไม่ได้ลงไปตั้งรับรอสวนกลับ แต่กลับขึ้นไปแย่งบอลถึงกรอบเขตโทษซิตี้แล้วได้ประตูที่ 3
นี่คือสิ่งผิดปกติของนอริชในยุคของ ดาเนียล ฟาร์ค
.
.
.
.
และอาจจะเป็นอาการผิดปกติของทีมที่เพิ่งขึ้นมาจากแชมป์เปี้ยนชิพจะอยู่ในพรีเมียร์ลีกไปอีกหลายปีเหมือนกันกับเลสเตอร์,วัดฟอร์ต,วูล์ฟแฮมตันและพาเลช
#ปลายสตั๊ดสายเหลือง
โฆษณา