16 ก.ย. 2019 เวลา 00:45 • บันเทิง
The insider(1999)คดีโลกตะลึง
หนังที่ว่าด้วยคดีอื้อฉาวและการต่อสู้ของอำนาจในระบบทุนนิยมกับจรรยาบรรณสื่อ
จากเหตุการณ์จริงของผู้ผลิตรายการ 60 Minutes
หมายเหตุ : บทความมีการเปิดเผยเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์
The insider(1999)
เป็นการร่วมงานกันของสองนักแสดงคุณภาพอย่าง
รัสเซล โคร์ว (รับบทเป็น ดร. เจฟฟรีย์ ไวเกนด์ )และ
อัลปาชิโน่ (เป็น โลเวล เบิร์กแมน)
หนังได้รับคำชมจากนักวิจารณ์
และได้รางวัลจากเทศกาลหนังต่างๆมากมาย
รวมถึงเข้าชิง 7 รางวัลออสการ์
รางวัลภาพยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงนำยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม และ เสียงประกอบยอดเยี่ยม แม้จะพลาดหมดทุกรางวัล แต่ถือว่าได้เข้าชิงหลายรางวัลมาก
หนังสร้างจากเหตุการณ์จริงของ ดร. เจฟฟรีย์ ไวเกนด์ อดีตหัวหน้าฝ่ายค้นคว้าและพัฒนาของบริษัทบราวน์แอนด์วิลเลียมสัน ผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ดร.ไวเกนด์ถูกไล่ออกจากบริษัทด้วยเหตุผลว่า
เขามีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่แท้จริงแล้วเขาถูก
ไล่ออกเพราะเริ่มกระด้างกระเดื่องต่อนโยบายของบริษัท
ดร.ไวเกนด์ เป็นนักวิทยาศาสตร์เคมีระดับแถวหน้าของประเทศ เขากุมความลับบางอย่างที่มีผลกระทบ
ใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมบุหรี่ของอเมริกา
ความลับนี้เป็นความลับที่จะทำให้บริษัทบราวน์แอนด์วิลเลียมสันถูกฟ้องร้องได้
เมื่อเขาถูกไล่ออก ทางบริษัทจึงได้ทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เนื้อหาในสัญญาคือ ดร.ไวเกนด์ จะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆของบริษัทอย่างเด็ดขาด
ดร.ไรแกนด์ รู้ว่าสิ่งที่เขารู้มีผลต่อสุขภาพคนเอมริกัน แต่ด้วยข้อกฏหมายเขาไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้แก่ใครได้เลย
ความลับนี้ของ ดร.ไวแกนด์ คือ สหรัฐอเมริกามีกฏหมายควบคุมปริมาณนิโคตินในบุหรี่เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้สูบมากเกินไป
แต่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่เลี่ยงข้อกฏหมายด้วยวิธีการทางเคมีโดยการเติมสารแอมโมเนียเข้าไป ทำให้ผู้บริโภครับนิโคตินเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผู้สูบบุหรี่มีความต้องการที่จะสูบมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำสารคูมารีนมาเป็นส่วนผสม ทำให้อัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งสูงขึ้น
ภาพประกอบจาก : www.imdb.com
วันหนึ่ง โลเวล เบิร์กแมน โปรดิวเซอร์รายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์เครือซีบีเอส ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ ดร.ไวเกนด์
เบิร์กแมน พอจะมีข้อมูลเรื่องนี้อยู่บ้าง เขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากใครสักคนเพื่อทำความจริงให้กระจ่าง
ถึงจุดนี้ ดร.ไวเกนด์ ต้องเลือกระหว่างการให้สัมภาษณ์เพื่อเปิดเผยข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม
หรือปฏิเสธ เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกฟ้องเพราะละเมิดข้อตกลงในสัญญา
เขาตัดสินใจเลือกอย่างแรก...การสัมภาษณ์จึงเกิดขึ้น
เมื่อบริษัทบราวน์แอนด์วิลเลียมสันรู้เรื่องการให้สัมภาษณ์ของดร.ไวเกนด์ จึงพยายามทำทุกวิถืทางไม่ให้รายการตอนนี้ได้ออกอากาศ
มีการขู่ ดร.ไวเกนด์ผ่านช่องทางต่างๆ ไปจนถึงขู่ฟ้องร้องสถานีซีบีเอสและทีมงาน 60 Minutes
ทีมงานของ 60 Minutesเองก็ขัดแย้งกันภายในอย่างรุนแรง เสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งต้องการให้เผยแพร่คำสัมภาษณ์ เพื่อประโยชน์แก่สังคมและรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณสื่อ
อีกฝ่ายต้องการให้ยกเลิกเพื่อไม่ให้รายการถูกฟ้องดำเนินคดี
บราวน์แอนด์วิลเลียมสันเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมาก พวกเขาสามารถซื้อกิจการของสถานี
ซีบีเอสได้สบายมาก
การออกอากาศเทปรายการตอนนี้จึงไม่ใช่แค่เดิมพันของรายการ 60 Minutes แต่หมายถึงความอยู่รอดของซีบีเอสด้วยเช่นกัน ดังนั้น สถานีซีบีเอสจึงสั่งให้รายการ 60 Minutes ระงับการออกอากาศรายการตอนนี้
เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้กับเบิร์กแมนเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าข้อมูลนี้เป็นประโยชน์และมีความสำคัญ สื่อมวลชนที่ดีต้องกล้าเปิดเผยความจริง
เขาต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อให้รายการตอนนี้ได้ออกอากาศ
อีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องทำควบคู่ไปด้วยคือ การรักษาความปลอดภัยของแหล่งข่าว
เบิร์กแมน ตั้งทีมทนายเพื่อช่วยเหลือดร.ไวเกนด์ ซึ่งในขณะนี้เขาคือพยานคนสำคัญของคดีฟ้องร้องระหว่างรัฐมิสซิสซิปปีและอีก 49 รัฐ กับบริษัทบราวน์แอนด์วิลเลียมสัน ในคดีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนการใช้จ่ายของรัฐอันเกิดจากปัญหาสุขภาพเนื่องจากบุหรี่
ซึ่งหากบริษัทบราวน์แอนด์วิลเลียมสันแพ้ในคดีนี้
จะต้องจ่ายค่าปรับในจำนวนที่สูงถึงพันล้านเหรียญ
ดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว
ภาพประกอบจาก : www.imdb.com
ความโดดเด่นของ The insider คือการเล่นประเด็นความขัดแย้งของระบบทุนนิยมกับจรรยาบรรณสื่อ
หนังสะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของกลุ่มทุนที่พยายามคุกคามเพื่อปิดกั้นข้อมูลข่าวสารที่ผู้บริโภคควรจะได้รับ ผ่านอำนาจ เส้นสาย และเงินทุน
ทุนนิยมเป็นระบบที่ "เงิน" มีอำนาจ ใครมีเงินก็มีอำนาจ
ซึ่งอำนาจนั้นจำเป็นต้องถูกคัดง้างด้วยสังคมที่เข้มแข็ง และกำลังสำคัญที่จะถ่วงดุลอำนาจนี้ได้ก็คือ
" สื่อมวลชน "
" สื่อ " คือ ผู้ทำหน้าที่เปิดเผยความจริงกับสังคม
แต่ปัญหาคือ " สื่อ"ก็ต้องพึ่งพานายทุน
เป็นการอาศัยซึ่งกันและกัน
บทบาทของสื่อจึงคาบเกี่ยวระหว่างประโยชน์ขององค์กร ประโยชน์ของนายทุน และประโยชน์ของสังคม
สื่อที่ดีต้องรักษาความจริง มองเห็นประโยชน์ของสังคมเหนือประโยชน์อื่นใด
ผมนับถือความกล้าหาญและจรรยาบรรณของ
โลเวล เบิร์กแมน เป็นอย่างมาก เขาเป็นเพียงคนทำงานเบื้องหลังที่ไม่ได้มีอำนาจต่อรองใดๆกับสถานีซีบีเอสเลย แต่เมื่อสังคมถูกคุกคามด้วยการปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร เขาก็กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความจริง
เบิร์กแมน ใช้วิธีการกดดันทางสังคม
เขาส่งเรื่องที่สถานีระงับการออกอากาศไปให้หนังสือพิมพ์ New York Time ลงข่าวหน้าหนึ่ง
สุดท้ายกระแสสังคมก็กดดันจนซีบีเอสยอมให้
60 Minutesตอนนี้ได้ออกอากาศ
ต้องชื่นชมใจที่แข็งแกร่งและยืนหยัดในจรรยาบรรณสื่อของ " เบิร์กแมน" และความกล้าหาญอย่างยิ่งของ "ดร.ไวเกนด์"ในการเปิดเผยข้อมูลนี้
ทำให้คนในสังคมได้ตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่และได้ดำเนินการทางกฏหมายต่อเหตุการณ์นี้อย่างยุติธรรม
ภาพประกอบจาก : https://www.imdb.com
สามารถอ่านบันทึกคำให้การของดร.ไวเกนด์ได้ที่ :
โฆษณา