16 ก.ย. 2019 เวลา 23:30
บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่
ผู้ค้นพบว่าดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาล
ทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่หอเอนปิซ่า
ผู้พัฒนากล้องโทรทรรศน์
กาลิเลโอ
กาลิเลโอ กาลิเลอี เป็นชาวอิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 1564 เป็นบุตรคนโตในจำนวนบุตร 6 คนของวินเชนโซ กาลิเลอี นักดนตรีผู้มีชื่อเสียง มารดาชื่อ จูเลีย อัมมันนาตี เมื่อกาลิเลโออายุได้ 8 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองฟลอเรนซ์ เขาเรียนหนังสือที่อารามคามัลโดเลเซ เมืองวัลลอมโบรซา
-เลือกทางเดินของตัวเอง-
ด้วยความที่ฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจน พ่อของเขาจึงอยากให้เขาเรียนแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยปิซา เพราะหวังว่าในวันข้างหน้าจะเป็นเสาหลักของครอบครัว
ในขณะที่เรียนแพทย์ เขาก็รู้สึกไม่ชอบวิชานี้ และได้ไปลองเรียนในวิชาคณิตศาสตร์ เขากลับรู้สึกว่าชอบกว่า จึงตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองไม่เรียนแพทย์ต่อ และไปเรียนด้านคณิตศาสตร์ จนจบปริญญาในสาขานั้นในปี 1589 และได้กลายเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัย
-ช่างสังเกต และชอบทดลอง-
วันหนึ่งในขณะที่เขาเรียนแพทย์ เขาสังเกต ถึงโคมไฟระย้าที่แกว่งบนโบสถ์ แกว่งไปมาด้วยเวลาที่เท่ากัน (นับเวลาจากการวัดชีพจรของเขา) และเขาก็ได้ทดลองทำลูกตุ้ม (pendulum) ขึ้นมาและพบว่า การแกว่งของลูกตุ้มนั้น ไม่ได้มีผลจากน้ำหนักที่ต่างกัน แต่มีผลจาก เชือกที่ยาวไม่เท่ากัน
เขาต่อยอดความคิดนี้ โดยทำการทดลอง ปล่อยลูกตุ้มเหล็ก สองลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันจากหอเอนปิซ่า ลงบนพื้น โดยระยะเวลาการตกถึงพื้นนั้นไม่ต่างกันมาก ซึ่งนี่ถือเป็นการหักล้างความเชื่อเก่าๆ ที่มีมาเกี่ยวกับเรื่องแรงโน้มถ่วงของอริสโตเติลได้เป็นอย่างดี
-จากนักคณิตศาสตร์ ไปสู่นักวิทยาศาสตร์-
ปี 1591 พ่อของเขาเสียชีวิตลง ทำให้เขากลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ค่าแรงจากการสอนที่มหาวิทยาลัยปิซ่า เริ่มไม่เพียงพอต่อครอบครัว ประกอบกับเรื่องการทดลองที่หอเอนปิซ่าที่ถูกมองในแง่ลบมากกว่า เขาจึงย้ายไปเป็นศาสตราจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยปาดัวใน เมืองเวนิส ซึ่งที่นี่เขาทำงานนานถึง 18 ปี
ในช่วงนี้นี่แหละครับ ที่เขาเริ่มให้ความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น และได้ทำการทดลองหลายๆ อย่าง จลนศาสตร์การเคลื่อนที่และดาราศาสตร์ รวมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เช่น ความแข็งของวัตถุและการพัฒนากล้องโทรทรรศน์ กาลิเลโอศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาในตำราวิทยาศาสตร์ของอาร์คิมีดีสกับอริสโตเติล แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นหนังสือชื่อ On Motion ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ
-ผลิตกล้องส่องทางไกล-
ในปี 1608 ได้มีการผลิตกล้องส่องทางไกลจากช่างทำแว่นชาว ดัตช์ขึ้น กาลิเลโอรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงได้นำมาศึกษา ถึงวิธีการทำ และเขาก็ได้พัฒนา ปรับปรุง เลนส์กล้องส่องทางไกลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก จากเดิมที่ ซูมได้ 3 เท่า กลายเป็น ซูม 30 เท่า(แหนะ อย่างกับhuawie p30) กาลิเลโอเรียกอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์นี้ว่า Perspicilum แต่สำหรับเขานั้นมันไม่ได้มีไว้เพื่อดู หรือสอดแนมใดๆ แต่มันมีไว้เพื่อดูดวงดาว!!!
-หลงใหลด้านดาราศาสตร์-
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ นั้นเปรียบเสมือนของคู่กัน จึงไม่แปลกที่ชอบเลข แล้วจะไปชอบ วิทย์ด้วย แต่ ดาราศาสตร์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องราวที่แยกออกมาจาก วิทยาศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง
ซึ่งกาลิเลโอ นั้นให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเขาผลิตกล้องส่องดูดาวได้แล้ว เขาก็เอาแต่สังเกตุ ดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นเวลาทุกค่ำคืน
จนทำให้เขาค้นพบ เรื่องยิ่งใหญ่และเปลี่ยนโลก ในที่สุด
นั่นก็คือ
1. ดวงจันทร์นั้นไม่กลมมน เพราะความจริง พระจันทร์ มีหลุม ตะปุ่มตะป่ำ เต็มไปหมด ซึ่งเขาสังเกตุเห็นได้จากกล้องของเขาเอง
2. จุดดับบนดวงอาทิตย์ ถือว่าเขาเป็นบุคคล คนแรกที่สังเกตุเห็นเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
3. วงแหวนของดาวเสาร์ ในตอนแรกคนเชื่อว่าดาวเสาร์นั้น ประกอบด้วยดาวหลายดวง ล้อมรอบอยู่ ไม่คิดว่ามันเป็นวงแหวนของเศษดาว แต่เขาก็สังเกตุจนเห็นว่ามันเป็นเพียงเศษดาวต่างๆที่โคจรรอบดาวเสาร์
4.ดาวบริหารของ​ ดาวพฤหัสบดี​ กาลิเลโอสังเกตุเหผ้นว่ามีดาว​ สี่ดวง​ โคจรอยู่รอบดาวพฤหัส​ เขาจึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นดาวบริวารเช่นดวงจันทร์​เหมือนโลก
5. ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ความคิดนี้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
-มีปัญหากับศาสนจักร-
ด้วยแนวคิดที่เขาค้นพบนั้นว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งนั่นขัดแย้งกับพระคัมภีร์ ซึ่งอิงความเชื่อตามแบบของ อริสโตเติล และปโตเลมี ที่กล่าวว่า โลกคือศูนย์กลางของจักรวาล
ประเด็นนี้ทำให้เขาถูกสอบสวนจากทางศาสนจักร แต่ก็รอดพ้นข้อกล่าวหา และโทษประหารไป
ถึงแม้ว่าจะรอดจากโทษตาย แต่เขาก็ถูกควบคุม และจับตามองอย่างเข้มงวด
ต่อมาเขาได้เขียนหนังสือชื่อ Dialogue Concerning the Two Chief World Systems ก็ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1632 ซึ่งเนื้อหาก็เกี่ยวกับ ความเชื่อ 2 แบบนี้
ซึ่งเล่มนี้ก็กลายเป็นที่พูดถึงกันของชาวอิตาลี ซึ่งกลุ่มที่เกลียดชังเขาก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการที่จะใส่ร้ายเขาอย่างเต็มที่ ว่าเขาสนับสนุนความคิดที่หักล้างกับพระคัมภีร์
ซึ่งคราวนี้เขาไม่ได้โชคดีเหมือนกับครั้งก่อน ถูกตัดสินจำคุก ต่อมาเขาถูกบังคับให้ยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษเพื่อแลกกับชีวิตอิสระ แต่ยังถูกควบคุมในบ้านหลังหนึ่งตลอดชีวิต
ส่วนหนังสือ Dialogue กลายเป็นหนังสือต้องห้าม และยังห้ามเผยแพร่ผลงานทั้งหมดของกาลิเลโอ รวมทั้งผลงานที่เขาอาจจะเขียนในอนาคตด้วย
เรียกว่ากลับมาสู่จุดตกต่ำที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิต
-ไม่ย่อท้อ แม้ถูกจับ-
ถึงแม้จะถูกขัง แต่เขาก็ไม่ได้ย่อท้อใดๆ ในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์ต่อไปอย่างมุ่งมั่น เขาได้เขียนหนังสือชื่อ Two New Sciences โดยรวบรวมผลงานที่เขาได้ทำเอาไว้ตลอดช่วง 40 ปีก่อนหน้า
ศาสตร์แขนงใหม่ทั้งสองที่เขาเสนอนี้ในปัจจุบันเรียกกันว่า จลนศาสตร์ (Kinematics) และ ความแข็งของวัตถุ (Strength of materials)
ในปี 1638 ตาของเขาก็บอดสนิททั้งสองข้าง(น่าจะเพราะจ้องพระอาทิตย์บ่อยเกินไป) ทั้งยังต้องทุกข์ทรมานจากโรคไส้เลื่อนและโรคนอนไม่หลับ ต่อมาเขาจึงได้รับอนุญาตให้ไปยังฟลอเรนซ์ได้เพื่อรักษาตัว เขายังคงออกต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอตราบจนปี 1642 ซึ่งเขาเสียชีวิตด้วยอาการไข้สูงและหัวใจล้มเหลว
หลังจากที่เขาเสียชีวิตไป ต้องใช้เวลาในการที่จะมีคนมาพิสูจน์ ทฤษฎีต่างๆ ของเขา ว่าเป็นจริง จนในที่สุด เขาก็ได้รับการยกย่องว่า เป็น บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ในที่สุด
จบไปแล้วอีกคน สำหรับ นักคิดเปลี่ยนโลก ผู้ซึ่ง เปลี่ยนความคิดและความเชื่อของคนในโลกนี้ จริงๆในเรื่องของดวงอาทิตย์
คนต่อไปจะเป็นใครกัน รอติดตามนะครับ
ที่มา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา