17 ก.ย. 2019 เวลา 09:17
ขอโทษครับ...ช่วยเงียบเสียงหน่อย
หนึ่งในภาพคลาสสิคที่สวยที่สุดของสตีเวน เจอร์ราร์ด ในแมตช์ที่ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะนาโปลี 3-1 ในเกมยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่มเมื่อปี 2010 หรือ 9 ปีที่แล้ว กับกริยาท่าทางที่เอานิ้วมือจุ๊ๆที่ปาก เพื่อเป็นสัญญาณให้แฟนบอลนาโปลีช่วยเงียบเสียงลงหน่อย หลังจากที่พวกเขาเสียงดังตลอดครึ่งแรก
หลังจากที่ เอซีเกรียล ลาเวซซี่ บุกมายิงให้นาโปลีไปออกนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 28 แถมนาโปลียังข่มลิเวอร์พูลตลอดครึ่งแรก
ลาเวซซี่ยิงให้นาโปลีบุกมานำ 1-0
ไม่ข่มได้ไงล่ะ ก็ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลวันนั้นคือชุดที่เรียกได้ว่า"ห่วยที่สุดใประวัติศาสตร์สโมสร"
รูปภาพที่แฟนบอลชอบเอามาโพสกันว่า"กูผ่านช่วงเวลานี้มาได้ไงวะ" ขอบอกไว้เลยว่าไอ้รูปภาพนั้นอ่ะก็คือแมตช์ที่เจอกับนาโปลีเนี่ยแหละ
นักเตะ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลคืนนั้น
ผู้รักษาประตู : เรน่า
กองหลัง : จอห์นสัน,คีร์เกียกอส,คาร์ราเกอร์,คอนเชสกี้
กองกลาง : เมเรเลส,สเปียริ่ง,โพลเซ่น,เชลวี่,โยวาโนวิช
กองหน้า : เอ็นก๊อก
สำรอง : แฮนเซ่น,วิลสัน,สเคอร์เทล,เคลลี่,เจอร์ราร์ด,ลูคัส,เอคเคิลสตัน
11 ตัวจริงลิเวอร์พูล vs นาโปลี
เป็นไงครับท่านผู้ชม ตัวจริงกับตัวสำรองอาการหนักพอๆกัน ตัวสำรองมีแค่เจอร์ราร์ดกับเอคเคิลสตันที่เป็นตัวรุก นอกนั้นตัวรับทั้งหมด
ส่วนนาโปลีจัดเต็มทั้งลาเวซซี่,ฮัมซิคและคาวานี่
นี่คือลิเวอร์พูลชุดยูโรป้า ลีกปี 2010 ที่คุมทีมโดยปู่รอย (รอย ฮอดจ์สัน)
ลิเวอร์พูลในยุคที่กำลังเริ่มต้นใหม่ของรอย ฮอดจ์สัน แต่ก็ไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูลแค่ทีมเดียวนะครับ เพราะถ้าย้อนไปในปีเดียวกันนั้น ยังมีทีมใหญ่อื่นๆที่อยู่ในช่วงที่กำลังสร้างทีมไปพร้อมๆกันก็คือ
ลิเวอร์พูล
นาโปลี
แอตฯ มาดริด
ปารีส
ดอร์ทมุนด์
เซบีญ่า
ยูเวนตุส
แมนฯ ซิตี้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะรายชื่อที่ผมกล่าวมานี้คือทีมที่อยู่ในรอบแบ่งกลุ่มยูโรป้าปี 2010 ปีเดียวกับลิเวอร์พูลทั้งหมด
แมนฯ ซิตี้ดวลกับยูเวนตุสในยูโรป้า ลีก เมื่อปี 2010
ปัจจุบันพวกเขาเหล่านี้ขึ้นมาสู้กันใน UCL หมดแล้วเรียบร้อย เพียงแต่ว่าลิเวอร์พูลคือทีมที่ใช้เวลานานกว่าทีมอื่นๆที่จะกลับเข้ามาเป็นขาประจำของ UCL แค่นั้นเอง
กลับมาที่คืนวันที่แข่งกับนาโปลี
นาโปลีหลังจากที่ลิเวอร์พูลตามหลังนาโปลีในครึ่งแรก 0-1
รอย ฮอดจ์สัน ทำการเปลี่ยนสตีเวน เจอร์ราร์ด ลงแทน มิลาน โยวาโนวิชในครึ่งหลัง ส่งผลให้เกมของลิเวอร์พูลเปลี่ยนทันที
ตัวขับเคลื่อนทีมของแท้
ลิเวอร์พูลได้อิทธิพลของเจอร์ราร์ดแพร่กระจายไปทั่วสนาม ลิเวอร์พูลครองบอลบุกโจมตีอยู่ข้างเดียวในครึ่งหลัง เปรียบเสมือนหนังคนละม้วน เพราะเจอร์ราร์ดลงมาซัดแฮตทริกให้ลิเวอร์พูแซงนำ 3-1 โดยใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น
เริ่มจากลูกแรกที่กองหลังนาโปลีคือหลังสั้น ทำให้เจอร์ราร์ดวิ่งเข้าไปบวกกับผู้รักษาประตู 50/50 ก่อนที่บอลจะเข้าประตูไป และนี่เป็นสัญญาณที่เจอร์ราร์ดบอกให้แฟนนาโปลีได้รู้ไว้ว่า"ที่นี่แอนฟิลด์"
ประตูที่สองมาจากจุดโทษที่เกล็น จอห์นสันเป็นคนเรียกฟาล์ว
ประตูที่สามเจอร์ราร์ดชิพเข้าไปนิ่มๆจากการจ่ายบอลของลูคัส
ลูคัสถวายพานให้เจอร์ราร์ดเข้าไปยิงแฮตทริกในลิเวอร์พูลย้ำชัยชนะ 3-1
สุดท้ายเจอร์ราร์ดคว้า MOM พร้อมลูกฟุตบอลกลับบ้านในเกมนั้น
จริงๆแล้วถ้านับแค่เวลาในการทำประตู จะเห็นได้ว่าประตูแรกกับประตูที่สาม ใช้เวลาห่างกันเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น (ประตูแรก 75 ประตูสุดท้าย 89)
นักเตะชุดที่ห่วยในประวัติศาสตร์ กลับกลายเป็นแมตช์แห่งความทรงจำแมตช์นึงของสตีเวน เจอร์ราร์ดไปซะอย่างนั้น
สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่า
.
.
.
.
.
อย่าซ่า ตอนข้าไม่อยู่
#ปลายสตั๊ดสีแดง
โฆษณา