22 ก.ย. 2019 เวลา 06:33 • ธุรกิจ
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ได้กลายเป็นฮีโร่ขวัญใจคนไทยไปแล้ว ในการช่วยเหลือน้ำท่วมหลายจังหวัดโดยเฉพาะอุบลราชธานี สำหรับพระเอกตลอดกาล พี่ท็อป "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ที่มีผู้บริจาคให้  "บิณฑ์" เพื่อช่วยน้ำท่วมภาคอีสาน ยอดล่าสุดทะลุสามร้อยกว่าล้านบาทไปแล้ว
 
เชื่อหรือไม่ว่าสำหรับพระเอกและนักแสดงมากฝีมืออย่าง บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ตลอดเวลากว่า 30 ปี เขาได้อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ จนได้ฉายา “พระเอกเก็บศพ” เรื่องราวของพระเอกตัวจริงคนนี้จะเป็นอย่างไร วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com มีข้อมูลความจริงของพระเอกจิตอาสาจะมานำเสนอให้ทราบครับ
 
1. จุดเริ่มต้นสู่การเป็นจิตอาสา
ภาพจาก bit.ly/2mhUoWD
โดยจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังการเป็นจิตอาสาเริ่มขึ้นเมื่อตอนบิณฑ์อายุ 13 ปี เขาเคยออกไปช่วยโรงเจเก็บศพไม่มีญาติ ซึ่งบิณฑ์เห็นเหล่าอาสาท่านอื่นลงมือทำในตอนนั้นจนไม่คิดรังเกียจ ทำให้เป็นการปลูกฝังเรื่อยมา จนเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เข้าวงการบันเทิง เมื่อบิณฑ์เจออุบัติเหตุก็อยากลงไปช่วย แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าจะช่วยเช่นไร
 
จนมาเกิดเหตุตึกถล่มบริเวณโรงหนังเอเธนส์ บิณฑ์พบเห็นเหตุการณ์ จึงได้รีบกลับรถขับออกจากบ้านไปยังจุดเกิดเหตุ โดยตั้งใจไปช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากตึก ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีทักษะใดๆ แต่สามารถช่วยได้ จนได้รับฉายาพระเอกเก็บศพ และมีรหัสอาสาสมัครร่วมกตัญญูว่า “ดารา 1” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
 
2. บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว
ภาพจาก Sanook.com
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ มีชื่อเล่นว่า ท็อป เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ที่อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบัน คือ จังหวัดสระแก้ว) เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบและแสดงเป็นตัวประกอบ ก่อนจะมารับบทนำจากการแนะนำของ คมน์ อรรฆเดช ในเรื่อง "ตำรวจเหล็ก" คู่กับ มาช่า วัฒนพานิช ซึ่งเป็นนักแสดงใหม่ด้วยกันทั้งคู่
 
และมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากละครโทรทัศน์ เรื่อง "แผลเก่า" ทางช่อง 7 เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยรับบทเป็น "ไอ้ขวัญ" แสดงคู่กับชุติมา นัยนา จากนั้นจึงมีผลงานที่เป็นที่รู้จักอีกคือเรื่อง "เหตุเกิดที่ สน." เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยรับบทเป็น หมวดปลิว นายตำรวจประจำ สน.
 
3. เส้นทางการศึกษาและการทำงาน
ภาพจาก bit.ly/2mocQgu
บิณฑ์จบมัธยมศึกษาตอนปลายที่ปราจีนบุรี และเข้ากรุงเทพมาเรียนต่อ โรงเรียนกรุงเทพโปลีเทคนิค จบประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิทยาการการจัดการจาก มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี และปริญญาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ภาพจาก bit.ly/2mkDbMg
จนกระทั่งเข้าทำงานไปสมัครเป็นนักแสดงหน้าใหม่บริษัทของสรพงศ์ ชาตรี ซึ่งเป็นผู้แนะนำและพาไป ฝากฝังกับ คมน์ อรรฆเดช ได้แสดงเรื่องแรกเรื่อง ข้ามากับพระ ซึ่งประสบความสำเร็จเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
 
4. เป็นนักแสดงและผู้กำกับมากฝีมือ
ภาพจาก bit.ly/2kpcAND
บิณฑ์ไม่เพียงอยู่ในวงการในฐานะนักแสดงและจิตอาสาเท่านั้น เขายังมีอีกหนึ่งบทบาทคือการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ที่ปลุกปั้นภาพยนตร์เด็กหลายๆ เรื่องให้เฉิดฉายในโรงภาพยนตร์ เช่น ตำนานกระสือ (2545) ช้างเพื่อนแก้ว (2546), ปัญญา เรณู (2554),กรรไกร ไข่ ผ้าไหม (2557) ทองดีฟันขาว (2559) และล่าสุด ฮักบี้ บ้านบาก (2562)
 
5. เคยเป็นข่าวลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.
 
ในกลางปี พ.ศ. 2552 บิณฑ์ปรากฏเป็นข่าวว่าได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยพร้อมกับ เอกพันธ์ น้องชายฝาแฝด และจะลงเลือกตั้งในคราวต่อไปด้วย แต่ต่อมาเจ้าตัวได้ปฏิเสธ โดยบอกว่าเพียงแค่ได้รับทาบทาม แต่ไม่เคยคิดเล่นการเมือง 
 
อีกทั้งเพียงแค่งานการแสดงและงานสาธารณกุศลก็ล้นมืออยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น บิณฑ์ก็เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2538 ในนามพรรคนำไทย มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
 
6. ฉายาตอนบวช “อาจิตปุญโญ แปลว่า ผู้ทำบุญไว้ดีแล้ว”
ภาพจาก bit.ly/2kUEtgL
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู พระเอกชื่อดังเข้าอุปสมบทอย่างเรียบง่าย ณ อุโบสถวัดบางแวก แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
 
โดยพิธีอุปสมบทครั้งนี้มีท่านพระครูธีรธรรมานันท์ เจ้าคณะแขวงบางแวก เจ้าอาวาสวัดบางแวก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า อาจิตปุญโญ แปลว่า ผู้ทำบุญไว้ดีแล้ว
 
7. เปิดบัญชีรับบริจาคช่วยชาวอุบล 2 วัน ยอด 140 ล้านบาท ( ข่าวล่าสุด ทะลุยอด 330 ล้านบาทแล้ว! )
1
ภาพจาก bit.ly/2kSwTTQ
หลังจากบิณฑ์ได้นำเงินส่วนตัว 1 ล้านบาทช่วยเหลือผู้ประสบน้ำท่วม จึงไลฟ์สดเปิดบัญชีรับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวอุบลฯที่ประสบอุทกภัย ในวันที่ 14 กันยายน 62 เพียง 2 วัน และวันที่ 16 กันยายน เวลา 19.00 น. สื่อรายงานว่า ยอดเงินบริจาคพุ่งขึ้นไปกว่า 140 ล้านบาท จากศรัทธาอันแรงกล้าของประชาชน ทำให้คุณบิณฑ์เพิ่มเงินช่วยเหลือเป็นครอบครัวละ 5,000 บาท
ภาพจาก bit.ly/2kupyty
และสายวันที่ 17 กันยายน 62 คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดเผยว่า ยอดเงินบริจาคเพิ่มขึ้นเป็น 286 ล้านบาทแล้ว รวดเร็วเหลือเชื่อ เป็นเงินที่โอนเข้าบัญชีโดยผู้บริจาคเอง และยืนยันว่าจะนำเงินไปแจกชาวอุบลฯ ที่ประสบภัยน้ำท่วมครอบครัวละ 5,000 บาท โดยจะมีการตรวจสอบจาก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และต้องมีหลักฐานยืนยันตัวตนว่า ผู้รับเงินเป็นผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่จริง
 
8. ร.10 โปรดเกล้าฯ “บิณฑ์” ผู้แทนพระองค์ ทอดกฐินพระราชทานวัดหัวลำโพง
ภาพจาก bit.ly/2krVYF1
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกรู โปรดเกล้าฯ ให้ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นผู้แทนพระองค์นำผ้ากฐินพระราชทานไปถวาย ณ วัดหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร 
 
นี่คือผู้แทนของผู้ทำความดีต่อสังคมมานาน เพียงแต่เขาไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่มีใครออกข่าวให้เขาแต่ความดีงามเชิงประจักษ์คนส่วนใหญ่รู้ เทวดาเห็น ก็สมควรเป็นเช่นนี้ค่ะ คนดีจะได้มีกำลังใจทำความดีเพื่อสังคมต่อไป
 
9. สร้างบ้านพักคนชราจังหวัดนนทบุรี
ภาพจาก bit.ly/2m3Ilfp
นอกจากนำเงินไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ตามที่ต่างๆ บิณฑ์ยังยอมสละเงินจากน้ำพักน้ำแรง สร้างบ้านพักคนชรา ที่ได้ใช้ชื่อว่า “บ้านแห่งความสุข” บนพื้นที่ 1 ไร่ ในตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เพื่อรับดูแลคนชราและคนที่ถูกทอดทิ้งมาดูแล
 
10. รับรางวัลดารานักแสดงที่มีจิตอาสาดีเด่น
ภาพจาก bit.ly/2kTOb2L
ย้อนกลับไป บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เคยได้รับรางวัลดารานักแสดงที่มีจิตอาสาดีเด่น รางวัล“ หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ”รางวัลสร้างเสริมคนดีมีคุณธรรม ประจำปี พ.ศ. 2556 อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ อาทิ โดยเฉพาะได้ทำงานเป็นอาสาสมัครกับมูลนิธิร่วมกตัญญู มาเป็นเวลา 30 ปี ไปเก็บศพ ไปช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งเป็นการเสียสละอย่างหนึ่ง เพื่อช่วยสังคมจริงๆ 
 
นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงคนอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย ได้แก่ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ , เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ,ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ, ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล และบี้ สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว
 
ในวันนี้ต้องยอมรับว่า เป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งมาจากผู้ชายจิตอาสาที่นำโดยพระเอกตัวจริงเสียงจริง "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ที่ทุ่มแรงกายและแรงใจ ทำให้คนไทยได้รู้ว่า อุทกภัยครั้งนี้ร้ายแรงและส่งผลต่อชีวิตของพี่น้องชาวอุบลราชธานีแค่ไหน จนเกิดเป็นกระแสธารน้ำใจที่พิสูจน์คำพูดที่บอกว่า "คนไทยไม่ทิ้งกัน" นั่นเป็นเรื่องจริง -
โฆษณา