24 ก.ย. 2019 เวลา 03:46 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความรู้พื้นฐาน
คนเลี้ยงปลาสวยงามต้องมี
ความรู้บอกได้คำเดียวว่า "โคตรจะสำคัญมาก ๆ" ถ้าเรามีความรู้บวกไปพร้อม ๆ กับลงมือปฎิบัติจะก่อให้เกิดคำว่า "ประสบการณ์" ความรู้ในการเลี้ยงปลาสวยงามก็เช่นกัน ในครั้งนี้ทางเราอยากจะมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาในการเลี้ยงปลาขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้และต้องเจอกันให้ได้ไปปฏิบัติลองทำตามกันดู
ครั้งนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ต้องเกิดและต้องเจอกันทุกคน ใครที่รู้ก่อนก็สามารถเผชิญหน้ากับอุปสรรคแล้วแก้ไขได้ทันก่อน น้องปลาที่เรารักก็จะได้ไม่ตายหนีจากเราไปอีกถ้าพร้อมแล้วไปรับชมรับฟังรับอ่าน รับความรู้ไปพร้อม ๆ กันเลย Let go!!!!
การเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ปลา :
สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องรู้เลยก็คือ เราจำเป็นมาก ๆ ควรเปลี่ยนน้ำครั้งละไม่เกิน 30-50% ของน้ำทั้งหมดภายในตู้ปลา เพื่อรักษาให้อุณภูมิของน้ำไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมทั้งความสมดุลต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงจนเกินไป ถ้าอุณหภูมิและความสมดุลแกว่งหรือเปลี่ยนแปลงจนเกินไปจะทำให้ปลาอาจน็อคน้ำและอาจจะถึงขั้นตายได้ในที่สุด การที่เราเปลี่ยนถ่ายน้ำปริมาณ 30-50% จะส่งผลให้ปลาสามารถปรับตัวได้ ไม่เกิดภาวะช๊อคน้ำ และอาการเครียดจนเกินไป แถมสุขภาพปลาก็จะดียิ่ง ๆ ขึ้นด้วย
เพราะยิ่งเราเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อย แอมโมเนียและสารเคมีต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำก็จะหมดไป ยิ่งเปลี่ยนน้ำบ่อยเท่าไหร่ปลาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น น้ำสะอาดก็เปรียบเหมือนบ้านที่สะอาด เวลาอยู่ก็จะมีแต่ความสุข ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย สิ่งสำคัญเราควรเปลี่ยนน้ำในตู้ปลาทุก ๆ 15-30 วัน/ครั้ง
!!! กรณีพิเศษ !!!
ถ้าเกิดในน้ำมีสีอมเหลืองออกน้ำตาลอ่อน ๆ ผสมกับมีกลิ่นคาวปลา และกลิ่นฉี่ปลา(แอมโมเนีย)มากจนเกินไป ควรเปลี่ยนน้ำที่ปริมาณ 70-90% ของน้ำทั้งหมดภายในตู้ แต่ไม่ควรใส่น้ำลงไปทีเดียวจนเต็ม ให้ทยอยใส่น้ำลงไปทีละ 10% ทุก ๆ 5-10 นาที เติมไปเรื่อย ๆ จนเต็มตู้ปลา ถ้าใส่น้ำทีเดียวจนเต็มปลาอาจจะเกิดอาการช็อคน้ำได้
เพราะการที่ปลาขับกลิ่นคาว หรือเมือกปลาออกมาจนมีกลิ่นคาวฟุ้งเต็มตู้ แสดงว่าในน้ำมีสารเคมี หรือแบคทีเรีย เชื้อโรคมากจนเกินไป เราจึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำเกือบ 100% ทั้งตู้ ไม่งั้นปลาที่เราเลี้ยงอาจจะป่วยและตายยกตู้ได้ในที่สุด
น้ำที่นำมาเลี้ยงปลา :
ในน้ำประปาจะมีคลอรีนอยู่เป็นจำนวนมากถึงมากที่สุด เพราะคลอรีนจะช่วยทำให้น้ำที่เป็นสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีใสอย่างที่เราเห็นน้ำในปัจจุบันเวลาเปิดผ่านก็อกน้ำต่าง ๆ คลอรีนจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในน้ำบางชนิดและน้ำที่มีคลอรีนผสมอยู่จะมีสารเคมีอยู่มาก
1
ซึ่งถ้าเราเอาน้ำประปามาเลี้ยงปลาโดยตรงจะทำให้ปลาหายใจไม่ค่อยออก หอบ ตัวซีดขาว เซลล์บางอย่างอาจถูกทำลาย ในที่สุดปลาจะเสียชีวิตได้ในที่สุด
ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปามาเลี้ยงปลาโดยตรง ถ้าจะใช้น้ำประปามาเลี้ยงปลาควรพักน้ำประปาก่อนนำมาเลี้ยงปลาอย่างน้อยที่สุดประมาณ 1-3 วัน เพื่อให้คลอรีนและสารเคมีต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำละเหยออกก่อน แล้วสามารถนำมาเลี้ยงปลาได้เลย แบบนี้ปลาไม่ตายแน่นอน อย่าลืม! ใส่เกลือให้ปลาด้วยหละสำคัญที่สุด
!!! กรณีพิเศษ !!!
ในปัจจุบันก็ได้เกิดยาตัวใหม่ขึ้นมาที่สามารถยับยั้งคลอรีนได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายปลาสวยงามทั่วไปได้เลย จะเป็นยาสลายคลอรีนในน้ำ เพียงหยอดลงไปในน้ำประปาที่เราเปิดออกมาจากก็อกน้ำ รอประมาณ 10-15 นาที คลอรีนที่อยู่ในน้ำก็จะระเหยออกไปหมด เคล็ดลับอีกอย่างสำหรับเปิดน้ำประปามาทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนระเหยออก 1-3 วัน พอครบวันที่กำหนดให้นำขันหรือแก้วน้ำมาตักหน้าน้ำออก บางทีสารเคมีบางอย่างอาจยังลอยอยู่แถวหน้าน้ำและบางทีอาจมีตัวอะไรตกลงมาตายอยู่ผิวน้ำจะส่งผลให้น้ำที่เตรียมไว้อาจสกปรกได้ขึ้นมาได้
เกลือแกง :
เกลือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เกลือในที่นี้ไม่ใช่เกลือไอโอดีนที่ใส่ทำกับข้าวนะครับ แต่คือเกลือแกงที่เป็นเม็ดใหญ่ ๆ ผิวขรุขระ ๆ สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ราคาก็ถูกแสนถูก ได้เยอะอีกด้วย ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนถ่ายน้ำในทุก 5-7 วัน เราควรใส่เกลือแกงไปในตู้ปลาหรือบ่อตลอด
1
เพราะการใส่เกลือลงในน้ำนั้นจะช่วยลดความตึงเครียดของปลาได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ปลาผ่อนคลาย และที่สำคัญเกลือช่วยให้เหงือก ไต และอวัยวะต่าง ๆ ของปลาทำงานที่ได้ดีขึ้น นอกจากนี้เกลือยังมีสรรพคุณอีกอย่างก็คือ "ช่วยลดภาวะติดเชื้อต่าง ๆ และฆ่าเชื้อโรคภายในน้ำ แบคทีเรียต่าง ๆ ได้อีกด้วย" ปริมาณการใส่เกลือที่เหมาะสมก็คือ "0.3 กรัมต่อลิตร"
ตู้ปลา 24 นิ้ว 2 ช้อนโต๊ะ
ตู้ปลา 36 นิ้ว 3 ช้อนโต๊ะ
ตู้ปลา 48 นิ้ว 4 ช้อนโต๊ะ
ตู้ปลา 60 นิ้ว 5 ช้อนโต๊ะ
ตู้ปลา 72 นิ้ว 6 ช้อนโต๊ะ
!!! กรณีพิเศษ !!!
การใส่เกลือให้สําหรับปลาอโรวาน่าหรือปลามังกร กับปลาปอมปาดัวร์ให้ใส่ลดลงมาครึ่งหนึ่งของอัตราปกติ แต่สิ่งสำคัญการใส่เกลือนอกจากจะทำให้ปลามีความสุขแล้ว เกลือยังสามารถรักษาความสมดุลของน้ำได้อีก ความเป็นกรดเบสของน้ำก็ไม่สูงเกินไปและไม่ต่ำเกินไป แต่เราควรใส่ในปริมาณที่พอเหมาะพอควร ถ้าใส่เยอะเกินพอดีจะส่งผลให้มีความเค็มเยอะเกินไปอาจทำให้ปลาตายได้ในที่สุด
2
ไฟตู้ปลา :
ปลาก็เหมือนคนครับ มีช่วงเวลาปกติว่ายไปว่ายมา เล่นกับเพื่อน ๆ ในตู้ หาอาหารกินอาหารและช่วงเวลาพักผ่อนหรือหลับนั้นเอง คนก็เหมือนกันมีเวลาปกติตื่นนอน กินข้าว ทำงานบางคนก็เรียนหนังสือ แต่สุดท้ายก็มีช่วงเวลาพักผ่อนหรือนอนหลับนั้นเองเหมือนกันกับปลาเลย หลายคนอาจจะสงสัยว่าปลาสวยงามที่เราเลี้ยงนั้นไม่นอนหลับพักผ่อนกันบ้างหรือยังไง โดยตามหลักวิทยาศาสตร์นั้นปลาจะไม่มีเปลือกตา ปลาจะลืมตาอยู่ตลอดไม่ว่าจะตื่นนอนหรือเวลานอนพักผ่อน
โดยเวลาปลานอนหลับพักผ่อน มันจะลอยตัวอยู่ในน้ำนิ่ง ๆ เหมือนไม่มีชีวิต ดังนั้นเวลากลางคืนเราควรปิดไฟตู้ปลาเพื่อให้ปลาของเราได้พักผ่อนนอนหลับเหมือนกับคนครับ ไม่ใช่เห็นว่าปลาไม่นอนหลับเลย จึงเปิดไฟให้ทั้งวันทั้งคืนแบบคุณคิดผิดครับ
เพราะปลาจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ง่ายเราจึงต้องดูแลปลาที่เรารักและศึกษาธรรมชาติของปลาที่เราเลี้ยงสายพันธุ์นั้น ๆ ควบคู่ไปด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะไปรบกวนปลามากเกินไปอาจส่งผลให้ปลาเครียด แล้วเกิดปลาป่วยขึ้นมา ท้ายสุดจะส่งผลให้ปลาที่เรารักตายลงได้นะครับ
!!! กรณีพิเศษ !!!
ควรเปิดไฟให้ปลาด้วยในกรณีถ้าตู้ปลาของเราอยู่ในที่ทึบแสง แสงแดดจากพระอาทิตย์ไม่สามารถส่องเข้าไปถึง การที่เราเปิดไฟจากตู้ปลาให้ ก็เหมือนกับเราได้ชาร์จพลังงานให้ตัวปลาของเรานั้นเอง ความสุขเล็ก ๆ ของปลาสวยงามทุกตัวคือ "ได้เห็นแสงสว่างและได้โดนแสงสว่างนี้แหละ" แสงสว่างจากตู้ปลาก็เหมือนจำลองเป็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ที่ให้ปลาได้ชาร์จแบตตัวมันเอง
โดยสัญชาตญานของปลาถ้ามือปลาก็จะหลับ ถ้าสว่างปลาก็จะตื่นเหมือนกับคนเราเหมือนกัน เราจึงต้องเปิดไฟให้น้องปลาที่เราเลี้ยงด้วย พอตกเย็นหรือมืดก็ปิดให้น้องปลาเพื่อให้น้องปลาได้นอนหลับพักผ่อนเหมือนกับเรา
อุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา :
หินกรวดและหินทุกประเภทในการตกแต่งตู้ปลาทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงในการใส่ตู้ปลา เพราะอาจก่อให้เกิดเชื้อโรคและแบคทีเรียสะสมอยู่ใต้ร่องหินจากขี้ปลาและอาหารปลาที่ตกลงไปทับทมกันใต้ร่องหิน ส่งผลโดยตรงหากไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำให้บ่อย ๆ คือ "น้ำจะเน่าเสียเร็วมาก ๆๆๆๆๆๆๆ และปลาก็ป่วยได้ง่ายมาก ๆๆๆๆๆๆ" บางทีหินที่เราใส่ไปมีความคมของเหลี่ยมหิน ส่งผลให้ปลาที่เราเลี้ยงเกิดบาดแผลได้ง่ายเข้าไปอีก เพราะปลาอาจจะว่ายไปเชี่ยวหรือชนจนเกิดบาดแผลขึ้นมาตามตัว พอผ่านไประยะเวลาหนึ่งปลาอาจติดเชื้อจากบาดแผลแล้วตายได้ในที่สุด
!!! กรณีพิเศษ !!!
ถ้าจำเป็นต้องใส่หินเพื่อตกแต่งตู้ปลาให้สวยงาม แนะนำให้หาหินที่มนกลม หลีกเลี่ยงหินที่มีความแหลมคมโดยเด็ดขาด และหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำให้บ่อยขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะรักษาคุณภาพของน้ำในตู้ปลาให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา เวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ดูดขี้ปลาและเศษอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ใต้ร่องหินออกมาให้หมดด้วย เพราะสองอย่างนี้คือตัวการสำคัญทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่ายที่สุด
สำหรับหลักในการเลี้ยงปลาสวยงามพอได้รู้เท่านี้เป็นยังไงกันบ้างครับ ไม่ยากเลยใช่ไหม ใช่แล้วครับถ้าเรารู้เหตุและผลในการเลี้ยงปลาจริง ๆ มันไม่ได้ยากเลย ยิ่งถ้าเรามีความรู้อีกน่ะเราไปลงมือทำ ผมรับรองได้เลย "ประสบการณ์จะเกิดขึ้นแน่นอน" ทุกคนล้วนเคยมีข้อผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น
แต่สิ่งสำคัญผิดพลาดแล้วเราต้องเรียนรู้และปรับปรุงแก้ไข พัฒนาไปพร้อม ๆ กัน แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่า "ประสบการณ์ที่แท้จริง" เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับในการเลี้ยงปลาสวยงาม สู้ ๆ ครับ ถ้าเรารักอะไรและเราอยู่กับสิ่งนั้น ผมเชื่อว่าเราพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อม ๆ กับสิ่งที่เรารักได้เสมอ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำออนไลน์
fishway
Website : ...coming soon...
Youtube : ...coming soon...
Tiktok : ...coming soon...
Line VOOM : ...coming soon...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา