25 ก.ย. 2019 เวลา 04:06
พุทธประวัติ ตอนที่ 18
เสด็จบิณฑบาตอาหารมื้อแรก
พระบรมโพธิสัตว์...
หลังจากที่พระองค์ได้ส่งนายฉันนะ และม้ากัณฐกะกลับคืนสู่พระนครแล้ว
พระองค์นั้นก็ทรงประทับ อยู่ตามลำพังแต่เพียงพระองค์เดียว...
และยามเวลาในวันนั้น ก็ค่อยๆลุผ่านไปจนแสงตะวันเริ่มบ่ายคล้อย...
บรรยากาศอันเงียบสงัดในดงไพรสณฑ์ ที่หนาทึบอันนั้นย่อมแปรเปลี่ยนไปทุกเวลา...
ด้วยสภาพบรรยากาศเช่นนี้
จึงทำให้พระบรมโพธิสัตว์
ได้เกิดความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว
รันทดสลดสังเวชในพระทัยยิ่งนัก
ที่บัดนี้ตัวของพระองค์นั้นต้องได้มา
ประสบสภาพชีวิตที่โดดเดี่ยวเช่นนี้
จนพระองค์ถึงกับมี
พระปริวิตกอุทานตรัสขึ้นบอกแก่พระองค์เองว่า..
พระบรมโพธิสัตว์ตรัสขึ้น :
***ธรรมดาสงสารสันนิวาสนี้
มีสภาพแปรปรวนวิปริตเช่นนี้
มิได้เที่ยงแท้แน่นอนเลยหนอ***
และในแนวดงไพรสณฑ์นั้น ที่พระองค์ประทับอยู่ ก็มีสถานที่ๆ หนึ่ง ณ บริเวณอยู่ใกล้ๆ กันนั้น มีสวนป่ามะม่วง แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า...
(อนุปิยอัมพวัน)
ลำดับนั้น...
พระบรมโพธิสัตว์ จึงได้เสด็จเข้าไปประทับและพักแรมอยู่ ณ สถานที่นั้น พระองค์ได้ทรงเสวยปีติสุข
อันเกิดจากการบรรพชา
และงดเว้นจากการเสวย
พระกระยาหาร ตลอดทั้ง 7 วัน
เมื่อครั้งเวลาผ่านเลยมาจนถึง
วันที่ 8 แล้ว
พระบรมโพธิสัตว์
จึงได้ทรงเสด็จออกจากป่ามะม่วง
อนุปิยอัมพวัน และจาริกไปโดยลำดับ จนถึงกรุงราชคฤห์...
ซึ่งกรุงราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ  
ในครั้งสมัยนั้น เป็นเมืองที่มีขนาด
ใหญ่มากๆ อีกทั้งมีความเจริญทั้งการค้าการขาย และการศึกษาศิลปวิชาการต่างๆ นั้นก็เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก
และเหล่าบรรดาเจ้าลัทธิต่างๆ ก็มีมากมายเช่นกันที่อยู่อาศัยในกรุงราชคฤห์นี้
และพระนครนี้จะเห็นได้ว่ามีความมั่งคั่งอย่างมาก ด้วยพลเมืองและมีอำนาจมากเทียบเท่า กับอีกแคว้นหนึ่ง ที่อยู่​ในสมัยเดียวกันนี้ก็ คือ  
แคว้นโกศล ซึ่งมีกรุงสาวัตถีเป็นเมืองหลวงนั้นเองครับ...
ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์...
ทรงเสด็จถึงภายในตัวเมืองพระนครของกรุงราชคฤห์แล้ว
พระองค์ก็ทรงเสด็จบิณฑบาตอาหาร
จากประชาชนชาวเมืองนั่นเอง
และในตอนที่พระองค์เสด็จบิณฑบาตอยู่นั้น ด้วยพระสิริโฉมอันงดงาม และกริยาท่าทางอันน่าเลื่อมใส
โดยเฉพาะกิริยาเวลาที่พระองค์เสด็จดำเนินนั้น ก็ยังคงลีลาลักษณะของกษัตริย์ชัดเจน คือ สง่างามผิดแผกสามัญชน และมิเหมือนนักบวชทั่วๆไป จึงเป็นเหตุทำให้ประชาชนทั้งหลาย
ในพระนครนั้น ต่างได้กล่าวขานเล่าลือกันไป อย่างแตกตื่นเอิกเกริก โกลาหลไปทั่วพระนคร!!!
ประชาชนทั้งหลายต่างพูดคุยสนทนากันถึงสมณะรูปงามผู้นี้ว่า...
***ชะลอยว่าสมณะผู้นี้ คงจักเป็น
เทพบุตรเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง บนสวรรค์ ที่ใคร่เสด็จลงมาสู่เมืองมนุษย์ เพื่อหวังจักชมเล่นเป็นให้ขวัญตาเป็นแน่แท้ เสียกระมัง***
ลำดับนั้นเอง...
ข่าวเล่าลือต่างๆ ของพระบรมโพธิสัตว์
ก็ได้แพร่กระจายไปถึงยังฝ่ายพวกราชบุรุษของพระเจ้าพิมพิสาร
จึงได้รีบนำความเรื่องนี้ เข้าไปกราบทูลพระเจ้าพิมพิสาร ผู้เป็นองค์ราชาให้ทรงทราบโดยทันที
ตัดเหตุการมายัง...
ณ พระราชวัง กรุงราชคฤห์
ราชบุรุษเข้ากราบทูล :
***ข้าแต่พระเจ้าพิมพิสารองค์ราชา
บัดนี้ในพระนครนั้นได้มีข่าวเล่าลือว่า
มีประชาชนชาวเมืองของพระองค์ได้พบเห็น และตักบาตรอาหารแก่นักบวชที่ทรงพระรูปสิริลักษณะอันเป็นเลิศงดงามกว่าบุรุษผู้อื่น และยังลือว่ากันว่า สมณะรูปนี้อาจจักเป็น
เทพบุตร ที่ใคร่ประสงค์จักมาเที่ยว เยี่ยมชมเมืองพระนครของพระองค์
ก็เป็นได้ พระเจ้าข้า***
พระเจ้าพิมพิสารสดับฟังความแล้วจึงตรัสตอบกลับว่า :
***เรื่องราวข่าวลือนี้ จักจริงเท็จประการใดกันแน่หนอ...
เอาล่ะ พวกท่านทั้งหลาย จงเร่งรีบไปติดตามสืบข่าวคราวเรื่องราวให้ละเอียดแน่ชัด!!!
* ถ้าสมณะผู้นั้นเป็นเทพยดาก็จักเหาะ ลอยไปในอากาศ
* ทว่าสมณะผู้นั้นเป็นพญานาคก็จักชำแรกแทรกพื้นปฐพีลงไปสู่เมืองบาดาล
* แต่หากแม้นว่าสมณะผู้นั้นท่านเป็นมนุษย์เช่นเรา ก็จักต้องไปนั่งบริโภคฉันภัตตาหารโดยควรประมาณแก่ตน
ท่านทั้งหลายจงรีบไปพิจารณาดู
ให้รู้เหตุประจักษ์แจ้งที่แท้จริง...
เกี่ยวกับสมณะรูปงามผู้นี้...
แล้วรีบนำความกลับมารายงานเราใหม่โดยเร็วอีกครั้ง***
ด้วยเหตุนี้...
เหล่าราชบุรุษที่ได้รับสั่งจากองค์ราชาแล้วก็ได้ไปคอยติดตามเฝ้าดูพระบรมโพธิสัตว์ อยู่ห่างๆ
ตัดเหตุการณ์ไปที่...
พระบรมโพธิสัตว์
ขณะนั้นเอง พระบรมโพธิสัตว์
เมื่อพระองค์ได้บิณฑบาตอาหาร จากชาวเมือง จนเพียงพอประมานแก่พระองค์แล้ว จึงได้เสด็จออกจากพระนครราชคฤห์​ทันที แล้วเสด็จดำเนินโดยพระบาทเปล่า ไปยัง (มัณฑวบรรพต)
[*มัณฑบรรพต นี้ผมพยายามสืบค้นหาข้อมูลแล้ว แต่หาไม่เจอจริงๆครับ หรือว่าปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นไปแล้วก็มิทราบครับ แต่ขอมูลนี้ในหนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมปฐมสมโพธิท่านมีเขียนระบุไว้ว่ามี (ภูเขามัณฑบรรพต)
และถ้าเทียบดูจากภาพวาดของชาวพม่าแล้ว ในตอนที่พระเจ้าพิมพิสารเสด็จเข้าไปหาพระมหาโพธิสัตว์ ก็จะอยู่บนเชิงเขาลูกหนึ่ง ที่อยู่​นอกกรุง ราชคฤห์​ เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเขาลูกเดียวกันก็ได้
ด้วย​เหตุนี้​ ผมจึงขอเล่าอิงตามหนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธินะครับ ถ้ามีข้อมูลใหม่จะนำมาแก้ไขให้ในภายหลังครับ
เมื่อพระองค์ถึงเชิงเขามัณฑวบรรพต
แล้ว ก็ทรงประทับนั่งพิจารณาอาหารในบารต ที่ผสมเจือปนกันหลายสิ่งหลายอย่างมีทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน...
ซึ่งอาหารเช่นนี้ พระองค์นั้น มิเคยทอดพระเนตรเห็น และไม่เคยเสวยมาก่อนเลย...
จึงเป็นเหตุให้บังเกิด "ปฏิกูลสัญญา"
อันน่าสะอิดสะเอียน เปรียบประหนึ่งว่า" ลำไส้ใหญ่จักไหลออกมาจากทางพระโอษฐ์ (ปาก)"
เหตุนี้แล้ว...
พระบรมโพธิสัตว์ จึงได้ประทานโอวาทแก่พระองค์เองว่า...
***ดูก่อนสิทธัตถะ ตัวท่านนั้นบังเกิดขึ้นในขัตติยสุขุมาลชาติสกุล
เคยบริโภคแต่อาหารอันปรุงด้วยของประณีต มีรสอันเป็นเลิศ
แต่เหตุไฉนหนอ ท่านถึงมิทำความรู้สึกว่าบัดนี้ ตนเป็นเพศบรรพชิตแล้ว การเที่ยวบิณฑบาตนี้ จักทำให้ได้อาหารอันสะอาดประณีต มาจากที่ใด...
แล้วท่านจักทำอย่างไรกับอาหารที่ได้มาเหล่านี้กันเล่า***
เมื่อพระองค์ได้ให้โอวาทแก่พระองค์เองเสร็จแล้ว...
พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ก็จึง​ได้มีพระสติ ทำให้ปราศจากการรังเกียจอาหาร
อันเป็นปฏิกูลเหล่านั้น และขณะนั้นก็ทรงพิจารณา "ปัจจเวกขณะ"
แล้วเสวยอาหารที่บิณฑบาตเหล่านั้น ประดุจดัง *อมฤตรส (น้ำทิพย์ในรส พระธรรม)*
และทรงกำหนดพระทัยทราบว่า...
***ตั้งแต่บรรพชามาได้ 7 วัน
เราพึ่งจักได้ฉันภัตตาหารก็ในวันนี้***
เอวัง​ก็มี​ด้วย​ประการ​ฉะนี้​
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
หากท่านผู้ใดชอบ ก็ขอฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะขอรับ ^-^
ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน​ผู้อ่าน​ขอธรรมของพระพุทธองค์จงมีแด่ ท่าน​ สาธุครับ​ (ต้นธรรม)
เอกสารอ้างอิง
#สมุดภาพพระพุทธประวัติ
ฉบับอนุรักษ์ภาพเขียนทางพระพุทธศาสนา โดย ครูเหม เวชกร
ภาพที่ ๑๗
เสด็จจาริกผ่านกรุงราชคฤห์ มหาชนเห็นแล้วโจษจันกันทั่วเมือง
#หนังสือ.ปฐมสมโพธิกถา
#หนังสือพุทธประวัติ​ตามแนวปฐมสมโพธิ (พระครูกัลยาณสิทธิวัฒน์)
#เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่/ภาพประกอบ.ต้นธรรม
โฆษณา