29 ก.ย. 2019 เวลา 05:05 • ความคิดเห็น
[แนวคิดโลกหลายใบ] EP.2 : แม้จะมีโลกส่วนตัวกันคนละใบแต่ก็อยู่ร่วมกันได้นะ! 🌐🛸
จาก post ก่อนที่ผมนำเสนอแนวคิดโลกหลายใบ ผมพบว่าผมอาจจะก่อความผิดพลาดไปครับ!
ผมมารู้ตัวตอนดู comment ของผู้อ่าน (ที่แสนน่ารัก❤️) ที่มีการพูดถึงประมาณว่า "แม้มีโลกที่ต่างกัน เราก็ยังอยู่ร่วมกันได้"...พอนึกและอ่านทบทวนก็พบว่า ผมพยายามชี้ให้เห็นว่า 'คนเรามีมุมมองต่อโลกเป็นส่วนตัวและสามารถเปลี่ยนมัน(และถูกเปลี่ยน)ได้ไม่ยาก' ซึ่งอ่านแล้วอาจชวนให้ชี้นำไปทางที่มองอะไรแบบส่วนตัว ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องแวดล้อม..ซึ่งมัน ไม่ใช่! ❌ อย่างแรงเลยครับ.
ผมจึงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ 🙇 เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง(รวมกับคิดว่าจะเขียน post ใหม่อยู่แล้ว 😋) จึงขอรีบตามมาเขียนขยายความแนวคิดนี้ในทางที่เกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและวิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมครับ.
original picture from pixabay.com
เบื้องต้นใน post นี้ผมจะมีสมติฐานว่าท่านอ่าน 'แนวคิดโลกหลายใบ' มาจาก post ก่อนแล้วนะครับ. หรือให้นึกคร่าวๆไว้ว่า 'โลกของแต่ละคนคือมุมมองของแต่ละคนที่มีต่อโลกผ่านระบบสัมผัสของตน' ซึ่งสามารถเปลี่ยนและถูกเปลี่ยนได้ตามประสบการณ์หรือแนวคิดใหม่ๆตลอดเวลาครับ.
จากแนวคิดข้างต้น เราย่อมเข้าใจได้ว่า โลกหรือมุมมองของแต่ละบุคคล ย่อมอาจจะเหมือน, คล้าย หรือแตกต่างกันได้ ซึ่งอาณาบริเวณของความเหมือนหรือต่างกันนั่นอาจมองเทียบเป็นพื้นที่หรืออาณาเขตในโลกของแต่ละคน ซึ้งสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเหมือนแผ่นดินหนือทวีปของโลกที่มีการเคลื่อนไหวครับ. 🌍🌎🌏
หากมี 2 คนที่มีอาณาเขต(มุมมอง)เหมือนกัน การสื่อสารระหว่างโลกทั้งสองก็ย่อมจะสะดวกง่ายดายเหมือนคนเดินทางที่ใช้แผนที่เดียวกันครับ. 🗺️
ถ้าคล้ายกันก็ยังพอพากันเดินไปสะดวก...แต่ถ้าต่างกันสุดขั้วก็คงเหมือนความพยายามสื่อสารระหว่างดาวที่อยู่กันคนละจักรวาลนั่นแหละครับ!
แล้วเราจะเอาแนวคิดนี้มาช่วยปรับปรุงเรื่องปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อมยังไง?
ถ้าตอบง่ายๆก็..ทำแผนที่อาณาเขตท่านให้ตรงกันสิครับ! ซึ่งทำได้ 2 ทางคือ :
1) ยอมรับและปรับแผนที่ (มุมมอง) ของเราเองให้เข้ากับอีกฝ่าย : กรณีนี้จะเกิดได้ง่ายถ้าเราเห็นดีเห็นงามกับความคิดของอีกฝ่ายครับ.
2) ทำความเข้าใจและปรับรูปร่างอาณาเขตให้คล้ายกัน หรือเพิ่มอาณาเขตแบบของอีกฝ่ายเข้าไปในโลกของท่าน : กรณีนี้จะเกิดได้จากการพยายามทำความเข้าใจที่มามุมมองต่อโลกของอีกฝ่าย และอาจยอมรับบางส่วนหรือทั้งหมดเข้ามาโดยยังคงมุมมองส่วนตัวของเราไว้ครับ.
ซึ่งจริงๆมันก็ฟังดูเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่การที่ท่านจะทำได้นั้น...ท่านต้องเริ่มจากเปิดใจยอมรับครับ!
ดาวโลก (Earth) ที่เราอาศัยอยู่นั้นจริงๆมีเกราะที่มองไม่เก็นป้องกันอยู่ด้วยนะครับ ถ้าจะเอาหรูๆต้องอันนี้เลยครับ เกราะธรรมชาติที่ช่วยป้องกัน 'อิเล็กตรอนนักฆ่า' (killer electron) ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อวงจรไฟฟ้าและเนื้อเยื่อสิ่งมีชีวิตครับ.
ซึ่งถ้าเปรียบมุมมองเราคือโลก เราแต่ละคนก็มีเกราะหรือกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นสิ่งที่เรารู้สึก 'เป็นอันตราย' หรือ 'ไม่ถูกใจ' อยู่เช่นกันครับ.
แต่ข้อดีของเกราะส่วนตัวของเราคือ เราลด/เพิ่ม ขยับขยาย ปลด ย้าย ได้ตามใจครับ! ดังนั้นการที่เราจะ 'ยอมรับ' หรือ 'เข้าใจ' ผู้อื่นและสิ่งอื่นได้..เราต้อง'ลด'เกราะนั้นลงเพื่อพยายาม'ตรวจสอบและสื่อสาร' กับอีกฝ่ายก่อนได้.
ถ้าแลดูจะอันตรายก็เสริมเกราะซ้ำไปอีกชนิดที่ว่าไม่ให้มีคลื่นสื่อสารเข้ามาได้ 🧱
หรือถ้าเราเข้าใจและยอมรับ คน/สิ่ง นั้นได้ ด้วยความที่รู้ว่าสิ่งต่างๆมีมุมมอง, ประสบการณ์, เหตุปัจจัยต่างกัน เกราะก็จะบางลง..หมดไป..หรืออาจเปิดเป็นช่องประตูรับแขกจากโลกอื่นเข้ามาได้ก่อนจะทำความเข้าใจกันและกันอย่างเป็นมิตรนะครับ. 🚪👾🤝
ขอยกตัวอย่างซักนิดนะครับ.
หากท่านเห็นพวกกลุ่มติดอาวุธถือปืนเข่นฆ่ากับฝ่ายตรงข้าม ท่านอาจจะนึกว่าช่างจิตใจโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม อะไรต่างๆนาๆ. แต่ถ้าย้อนเวลาไป เค้าเหล่านั่นก็เคยเป็นเด็กธรรมดามาก่อน แต่อาจเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เห็นดีเห็นงาม, เต็มใจ (หรืออาจะไม่เต็มใจนัก) ในการเป็นนักรบแบบนั้นก็เป็นได้เหมือนรูปข่าวตาม link ด้านล่างนี้ครับ.
ถ้าท่านเห็นเด็กถือปืนแล้วสงสาร..ท่านอาจจะพอเปิดใจ ทำความเข้าใจกลุ่มติดอาวุธ..ที่ครั้งหนึ่งก็อาจจะเติบโตมาจากการเป็น กลุ่มเด็กติดอาวุธ แบบในรูปก็เป็นได้ครับ...
อ้อ..ผมลืมเรื่องสำคัญไปอีกอย่างครับ. ก่อนที่ท่านจะเปิดใจยอมรับสิ่งใด ท่านจะต้องเห็นและยอมรับในความมีอยู่/คงอยู่ของสิ่งนั้นก่อนนะครับ!
เช่น ถ้าท่านจะทำความเข้าใจใครซักคน แต่ท่านไม่เคยเห็น/รับทราบเรื่องของเค้า หรือเคยเห็นแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของเค้า...มันก็คงเหมือนโลกของท่านไม่ได้มีตัวตนของคนคนนั้นอยู่ และท่านคงไม่อาจเข้าใจคนที่ไม่มีตัวตนได้ 😅
ถ้าท่านไม่เคยคิดหรือยอมรับว่ามีปัญหาใดคงอยู่ เช่น ท่านมองว่าทรัพยากรเป็นสิ่งที่ไม่มีหมด..ท่านก็คงจะไม่เคยมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมในโลกของท่าน หรือ ถ้าท่านคิดว่าเราเกิดมาเสพสุขเต็มที่ก่อนจะตายไป ท่านก็คงไม่มีปัญหาเรื่องการหาทางพ้นทุกข์/วัฏสงสาร ...และแน่นอนว่าเมื่อท่าน (คิดว่า) ไม่มีปัญหากับสิ่งใดท่านก็ย่อมจะไม่มีการหาทางแก้ไข/ปรับตัวใดๆในเรื่องนั้นๆแน่นอนครับ.
เขียนไปๆมาๆ รู้สึกเหมือนจะพาเรื่องออกไปทางหลากจักรวาลแบบ Marvel ไปแล้ว! 555 ยังไงก็หวังว่าท่านจะได้ประโยชน์บางอย่างจาก post นี้บ้างนะครับ. ผมอาจจะพาท่านออกท่องจักรวาลแนวนี้อีกถ้าคิดอะไนออกครับ.
ขอได้รับความขอบคุณจาก..ผมเอง 😆 ขอบคุณมากครับ. 🙇
โฆษณา