8 ต.ค. 2019 เวลา 23:35 • ธุรกิจ
มีใครเคยเรียนแบบ Home school บ้างไหมคะ? ถ้ายังไม่เคยปูเป้จะเล่าให้ฟังค่ะ ว่าทำไมต่างประเทศถึงนิยมใช้ระบบนี้กันนัก
คนดังผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายที่บอกว่า การเรียนในโรงเรียนไม่ใช่คำตอบ ก็เป็นไปได้ว่าเขาเลือกระบบ home schoolให้ตัวเอง
ลายเส้นเด็กอนุบาลหมีน้อย ปูเป้เอง เขินจัง 😆💕
ในประเทศไทยอาจจะยังเป็นเรื่องที่ใหม่ แต่ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้นกว่าเดิมแล้วหลายเท่า
ยังมีหลายคนยังเข้าใจผิดเรื่องการเรียนแบบ Home school ว่าเป็นการปิดกั้นเด็กๆไม่ให้เข้าสังคม
ปูเป้ก็เคยเข้าใจผิดมาก่อน คิดว่า Home school คือการจัดครูมาสอนอยู่ในบ้าน ไม่ต้องออกไปข้างนอกเลย ไม่ได้พบปะกับสังคม ไม่ให้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ
จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างที่คิดเลยค่ะ ตรงข้ามกับความคิดมากๆเลย
Home school เป็นแค่การศึกษารูปแบบหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งผู้ปกครองจะต้องมีการยื่นเรื่องแจ้งความจำนงค์กับกระทรวงศึกษาธิการ มีการจัดหลักสูตร และรายงานผลต่อกระทรวงทุกๆปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
เริ่มเห็นความวุ่นวายหรือยังคะ อ่านแค่นี้แล้วหลายคนคงเบือนหน้าหนี เซย์ กูด บาย ไปทันทีเพราะไม่มีเวลาทำเรื่องจุกจิกพวกนี้แน่
แต่ยังมีผู้ปกครองหลายท่านที่เลือกรูปแบบการเรียนเช่นนี้ให้กับบุตรหลานของตัวเอง ทั้งที่เกณฑ์การประเมินก็ใช้เกณฑ์เดียวกันกับโรงเรียน แต่เด็กต้องสอบเพื่อรับวุฒิการศึกษาจากกระทรวงโดยตรง ไม่ขึ้นกับสถาบัน เพียงแต่ว่าข้อสอบนั้นยังใช้ตามหลักสูตรต่างประเทศ และยังเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดอยู่!!
การเรียนแบบHome school เหมือนกับการเรียนพิเศษ เรียนทุกอย่างที่สนใจ ทั้งวิชาการ ทักษะการเอาตัวรอด ความสร้างสรรค์ ภาษา และการเข้าสังคม ทุกอย่างขึ้นกับความสนใจของเด็ก สนใจด้านไหนมากก็สนับสนุนด้านนั้นๆ
ปูเป้เคยดูแลน้องๆอายุ 2-3 ขวบ ตอนไปทัศนศึกษา ครูฝึกให้เด็กๆหุงข้าว ทอดไข่เจียว แน่นอนว่าเด็กทุกคนจะมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด
1
น่าทึ่งคือ เด็กทุกคนกล้าลงมือทำ กล้าพูด กล้าบอก ผู้ปกครองยิ่งน่าทึ่งมาก และที่สุดของความทึ่งคือความใจเย็นของผู้ปกครอง ปล่อยให้ไข่เจียวไหม้ ปล่อยให้ลองเอามือแตะกระทะยังมีเลยค่ะ ปล่อยให้ทำแล้วพูดให้ฟังว่าเหตุจากอะไร ผลถึงออกมาอย่างนั้น
3
และลองทำใหม่... ลองอีกครั้ง จนได้ผลลัพธ์ที่ภูมิใจ
ปูเป้ชื่นชอบมากๆกับการที่ผู้ปกครองถามเด็กๆว่า ‘ให้คุณพ่อ/คุณแม่ช่วยไหมคะ’ ถ้าเด็กตอบว่า ‘ไม่’ ผู้ปกครองก็จะนั่งดูเฉยๆ ดูเป็นกำลังใจ แต่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะมีวิธีโน้มน้าวที่น่ารักมากๆ ไม่ใช่การเอาขนมมาหลอกล่อนะ แต่เป็นคำพูดต่างหาก อย่างเช่น คุณพ่อท่านหนึ่งพูดกับลูกชายว่า
‘พี่ไกด์ให้คุณพ่อช่วยไหมครับ เหมือนวันนั้นที่เราช่วยกันดีไหม?’ แค่นั้นเด็กน้อยก็ยิ้มแป้นยอมแต่โดยดีแล้วค่ะ🥰
ส่วนสิ่งที่ทุกคนเข้าใจผิดคือ การเข้าสังคมของการเรียนแบบ Home School การทัศนศึกษาที่ปูเป้พูดเมื่อครู่ก็เกิดขึ้นจาก คุณพ่อคุณแม่ที่ใช้หลักสูตร Home school ร่วมมือกัน รวมตัวพาเด็กๆไปทัศนศึกษา บางครั้งก็รวมกลุ่มกันไปทำกิจกรรมอื่นๆ ทำโรงทานบ้างก็มี
คล้ายกับว่าเลือกกลุ่มสังคมให้เด็กได้สัมผัส ไม่ต้องแรนดอมเพื่อนในโรงเรียนที่ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ดี
แต่สิ่งที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นความสนิทของคนในบ้าน ระบบนี้ทำให้พ่อแม่ได้อยู่กับลูกๆมากขึ้น รู้จักกันดีขึ้น
เด็กเรียนรู้ระบบครอบครัวมากขึ้น ใกล้ชิดกัน เรียนรู้นิสัยใจคอกัน
พ่อแม่ก็จะไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าที่ลูกกลับมายกมือไหว้แล้วเข้าห้องนอน ตื่นมายกมือไหว้ รับเงิน ออกไปโรงเรียน
และพ่อแม่ก็จะรู้จักนิสัยของลูกตัวเองดี ลูกก็รู้จักคนในบ้านดีว่าใครต้องการแบบไหน รู้จักกฎระเบียบในบ้าน การปรับตัวเข้ากับคนในบ้าน
ซึ่งนั้นเป็นสังคมพื้นฐานที่เด็กๆควรเรียนรู้มากกว่าสังคมภายนอกด้วยซ้ำ
ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการใช้ Home school เป็นการเรียนเสริมค่ะ คือ จ-ศ ก็เรียนปกติ ส-อา เรียนแบบ Home school
แต่บางสัปดาห์ก็เรียน Home school 3-4 วันเลย ขึ้นกับความสนใจของเด็ก แน่นอนว่าเรื่องนี้มีการตกลงกับครูที่โรงเรียนแล้ว และคุณครูก็รับทราบ พร้อมกับยอมรับว่าน้องมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กวัยเดียวกันหลายๆคนค่ะ
ปูเป้เองก็เรียนเชิงกึ่งๆ Home school คือเรียนพิเศษมากกว่าเรียนในโรงเรียน คะแนนสอบในโรงเรียนดีขึ้น รู้จักคนกลุ่มใหม่ๆมากขึ้น ได้เห็นการเรียนรู้ของเพื่อนนอกโรงเรียน การทำกิจกรรม การแข่งขันต่างๆ มันทำให้เราสนใจการเรียนรู้และสนุกกับการเรียนที่หลากหลายมากขึ้นจริงๆค่ะ
เรื่องใหม่ที่ไม่ใหม่เท่าไหร่ ปูเป้เล่าให้ฟังเผื่อเป็นทางเลือกสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังมองหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้ลูก คำตอบที่มองหาอยู่ไม่ไกลเลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่คือครูที่ลูกจดจำเสมอ สอนลูกอย่างไร ทำกับลูกอย่างไร ทำให้ลูกเห็นอย่างไร ลูกก็เป็นเช่นนั้น
ชอบกดไลก์เป็นกำลังใจให้ปูเป้ด้วยนะคะ
กดติดตามไว้แวะมาคุยกันบ่อยๆนะคะ
ที่มา : ประสบการณ์ของข้าพเจ้าที่ได้รับจากพ่อๆแม่ๆ ทั้งหลาย
เรียบเรียง :การเดินทางของผีเสื้อ🦋
โฆษณา