11 ต.ค. 2019 เวลา 00:02
ครูสอนว่า “นักเขียนจะไม่เลือกเวลาเขียน” หมายถึงอะไร เพื่อนๆลองมาอ่านกันค่ะ
ใครๆก็รู้ว่าการเป็นนักเขียน ต้องเขียนบ่อยๆ เพราะความชำนาญจะทำให้เราสามารถนั่งเขียนได้ในทุกที่ ขอแค่มีปากกาหรือดินสอกับกระดาษ พอ
หลายคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียน แต่ยังติดปัญหา
ปัญหาอะไรล่ะ?
หลักๆก็คือ
1. ไม่รู้จะเขียนอะไร
2. ไม่มีอารมณ์จะเขียน
3. สถานที่ไม่เหมาะ
4. กระดาษไม่ดี
5. ปากกาไม่สวย
ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าเราติดอะไรมากมายหลากหลายข้ออ้าง งานจึงไม่มีทางได้เริ่มขึ้นมา สุดท้ายทุกอย่างก็จะยังคงว่างเปล่าเช่นเดิม
ใครๆก็รู้ว่าหลักการเป็นนักเขียนต้องเริ่มเขียน แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทำแบบนั้นได้
ครูของปูเป้บอกว่า การเขียนนั้นเริ่มทำได้ทุกวินาที ไม่ใช่ว่าต้องรอให้มีอารมณ์สร้างสรรค์ขึ้นมาก่อนถึงจะเขียนได้
ไม่ต้องหาข้ออ้างในการไม่เขียน
ไม่ต้องสร้างข้อจำกัดในการเขียน
ของตัวเอง
เพราะนักเขียนสามารถสร้างความสร้างสรรค์ขึ้นมาได้เองตลอดเวลา
นั่นถึงจะเรียกว่านักเขียนมืออาชีพ
นักเขียนสามารถนำทุกอย่างที่พบเห็นผ่านสายตา มาแปลงเป็นตัวอักษรร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
ใช้แรงบันดาลใจ และความคิดสร้างสรรค์มีอยู่ทุกที่รอบตัวเรา แม้กระทั่งนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ยังใช้ความเงียบมาเขียนเป็นเรื่องราวได้ ให้ข้อคิดได้ ให้ความลึกซึ้งได้
ขึ้นกับว่าจะเปิดใจมากน้อยแค่ไหน เราสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้
ตลอดเวลาจากสิ่งที่พบ สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน ข่าวที่อ่าน แม้แต่เพลงที่ฟัง
อย่างเช่น คุณเห็นผู้หญิงคนนั้นไหม คนที่ปล่อยผมลอนสีน้ำตาลประบ่า ใส่เสื้อโอเวอร์โค้ตสีแดงยาวปรกสะโพก สวมกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูป การใส่ส้นสูงแหลมไม่เป็นอุปสรรคในการเดินของเธอเลยสักนิด เธอยังคงเดินอย่างทะมัดทะแมงทั้งที่มือข้างหนึ่งหิ้วของพะรุงพะรัง ส่วนอีกข้างมีกระเป๋าคล้องใหญ่ใบเดียว
เธอหยุดยืนอยู่หน้าป้ายรถประจำทาง ชะเง้อมองซ้ายทีขวาทีแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ปากเธอขยับที
สองทีแล้วก็ปิดโทรศัพท์ลง หลังจากนั้นเธอก็พาตัวเองและข้าวของมายืนริมฟุตปาธ
รถยนต์สีขาวสะอาดตาจอดตรงหน้า มีชายหนุ่มพุ่งตัวออกมาจากด้านคนขับ เขารับข้าวของไปเก็บไว้ด้านหลังรถ แล้วพวกเขาก็กลับไปประจำที่ ออกรถไปบนเส้นทางที่ฝนกำลังจะโปรยปรายลงมา
ประมาณนี้เลยค่ะ เขียนหยาบๆในสิ่งที่เห็นค่อยกลับมาคิดทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร เหตุการณ์จะเริ่มต้นตรงไหนและจบตรงไหน
เป็นแบบนี้แล้วควรจะมีอุปกรณ์ติดตัวไว้เสมอ อาจจะใช้วิธีวาดภาพ บันทึกเสียง หรือจดธรรมดาก็ได้เพราะ
ไอเดียดีๆอาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา
หลายๆคนคงมองว่า นักเขียนต้องนั่งเขียนตามสถานที่ต่างๆที่แบบสบายตา ร้านกาแฟ สถานที่ธรรมชาติ
หรือสถานที่ที่ผ่อนคลาย
และอารมณ์ต้องพร้อม นอนหลับเต็มอิ่ม ได้กินอย่างต้องการ ได้พักผ่อนเต็มที่ถึงจะเขียนได้
ครูบอกว่าถ้ารอแบบนั้นมันแค่ความฝันคงไม่ได้เขียนกันพอดีละคะ
ในความจริงครูให้ลองฝึกเขียนจากสิ่งที่เห็น ต้องเขียนให้ได้ ไม่ว่าจะเห็นด้วยสายตาหรือด้วยความคิดก็ต้องเขียนออกมา โดยมีลำดับขึ้นตอน
ให้คนอ่านรู้ว่าเราเล่าอะไร สื่ออะไร เรื่องของใคร
ให้เขียนแบบนี้ไปเรื่อยๆจนสามารถเขียนให้คนอ่านเห็นสิ่งที่เราคิด
ที่เราสื่อ โดยไม่ต้องอธิบายซ้ำ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช้พรสวรรค์ แต่เป็น
พรแสวง ใช้ความพยายาม และความอดทนมหาศาลในการฝึก เขียนแล้ว เขียนอีก เขียนใหม่ เขียนซ้ำไปเรื่อยๆ ชีวิตอยู่กับการเขียน แม้กระทั่งเวลานอนยังฝันว่าเขียนเลยค่ะ 555
ปูเป้เป็นคนหนึ่งที่ถูกฝึกให้เขียนได้ทุกที่ แต่มีสถานที่พิเศษที่ทำให้เขียนได้ไหลลื่นกว่าทุกที่ นั่นคือ เตียงนอนกับหมอนนุ่มๆ เป็นคนที่ชอบเขียนนิยายบนที่นอนของตัวเองมากๆ ความคิดจะโลดแล่นเป็นพิเศษ และเขียนได้เร็วเป็นพิเศษค่ะ
ยิ่งง่วงยิ่งนึกออก บางทีลายมือนี่อ่านไม่ออกกันเลยทีเดียว ตื่นขึ้นมาก็ลืมหมดแล้วต้องมานั่งแกะอักษรกันทีหลัง หลังๆมาเลยใช้วิธีอัดคลิปเสียงเอาไว้แทน
อ๊ะๆ ถ้าใครกำลังคิดว่าพระเอกในนิยายของปูเป้เป็นพี่โป๊ปล่ะก็ คิดผิดค่ะ❌❌❌
แม้ว่าจะคลั่งพี่โป๊ปมากแต่ก็งงเหมือนกันว่าทำไมในสมองไม่เคยมีภาพพี่โป๊ปเป็นพระเอกนิยายเลย
ที่มา : การเดินทางของผีเสื้อ🦋
โฆษณา