8 ต.ค. 2019 เวลา 10:07 • ประวัติศาสตร์
๙ ทุนพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ใช้การศึกษาพัฒนาชาติก้าวหน้ามั่นคง
ด้วยรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ และใกล้ครบรอบวันสวรรคต ๑๓ ตุลาคม จึงเป็นที่มาของบทความชุดนี้
“ทุนการศึกษาพระราชทาน” หรือทุนจากในหลวง ที่เป็นทุนให้เปล่า ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่พระองค์ท่านโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อช่วยเหลือการศึกษาในทุกระดับการศึกษา ทั้งนักเรียนที่ด้อยโอกาส มีฐานะยากจน ขาดแคลนทุนทรัพย์ มีความประพฤติเรียบร้อย และมีความขยันหมั่นเพียร รวมถึงนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม เป็นคนดี มีความขยัน อดทน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยพระราชทานเป็นทุนประเดิม และต่อมาผู้มีจิตศรัทธาบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลอีกเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งตั้งเป็นมูลนิธิช่วยนักเรียนขาดแคลนในพระบรมราชูปถัมภ์ ใช้เฉพาะดอกผลเป็นทุนการศึกษาต่อไปในภายภาคหน้า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะทรงถือว่า “การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิตมนุษย์”
ดังจะเห็นได้จากพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ และเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๙ รวมทั้งที่พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ มีความตามลำดับดังนี้
“…การศึกษาเป็นปัจจัยในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติ และคุณธรรมของบุคคล…”
“…ปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งของทั้งชีวิตและส่วนรวม คือ การศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานส่งเสริมความเจริญมั่นคงเกือบทุกอย่างในบุคคล และประเทศชาติ…”
“…การศึกษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาบุคคลให้มีคุณภาพ ให้เป็นทรัพยากรทางปัญญาที่มีค่าของชาติ…”
พระบรมราโชวาทที่อัญเชิญมานี้แสดงให้เห็นถึงพระราชดำริที่เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ทั้งยังพระราชทานพระราชดำริ ให้เห็นว่า ประเทศชาติจะพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าได้ ก็ด้วยการพัฒนาบุคคลของชาติให้มีคุณภาพโดยการให้การศึกษา ดังพระบรมราโชวาทที่นำมาเน้นเป็นตัวอย่างอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
“…งานด้านการศึกษาเป็นงานสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชาติ เพราะความเจริญและความเสื่อมของชาตินั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพลเมืองเป็นข้อใหญ่ ตามข้อเท็จจริงที่ทราบกันดีแล้ว ระยะนี้บ้านเมืองของเรามีพลเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งมีสัญญาณบางอย่างเกิดขึ้น ด้วยว่าพลเมืองของเราบางส่วนเสื่อมโทรมลงไปในความประพฤติและจิตใจ ซึ่งเป็นอาการที่น่าวิตก ถ้าหากยังคงเป็นอยู่ต่อไปเราอาจจะเอาตัวไม่รอด ปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากเหตุอื่นแล้วต้องมีเหตุมาจากการจัดการศึกษาด้วยอย่างแน่นอน… เราต้องจัดงานด้านการศึกษาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น…”
พระบรมราโชวาทที่พระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐
อย่างไรก็ตาม พระองค์ท่านทรงชี้ให้เห็นว่า การให้การศึกษาเป็นงานใหญ่และกว้างขวางที่ไม่ใช่จะทำสำเร็จได้โดยใครแต่ลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของคนส่วนใหญ่ในทุก ๆ ด้าน การจัดการศึกษาของประเทศ จึงจะเป็นผลสำเร็จได้
ดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะกรรมการบริหารมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลนในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๒ และพระราชดำรัสแก่สมาชิกสโมสรไลออนส์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๓ มีความตามลำดับดังนี้
“…ในประเทศไทยนี้ถ้าดูจากสถิติก็มีพลเมืองเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน จึงสันนิษฐานได้ว่าพลเมืองของประเทศไทยนี้อยู่ในวัยเรียนอยู่เป็นส่วนมากทุก ๆ ปี การที่ส่วนรวม คือ ประชาชนทั้งประเทศเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาเป็นสิ่งที่ดีแล้ว จึงต้องช่วยกันจัดการให้เยาวชน ให้ประชาชนที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี เราจะไปอาศัยรัฐบาลหรืออาศัยทางราชการที่จะช่วยให้บ้านเมืองมีความเจริญด้านเดียวไม่ได้ เพราะในสมัยนี้ถือว่าเป็นสมัยประชาธิปไตย ทุกคนมีส่วนในงานของประเทศชาติ…”
“…การให้การศึกษาแก่คนนี้เป็นปัญหาของคนทุกคน ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ระหว่างผู้ที่มีความรู้ ผู้ที่มีเจตนาดีต่อสังคมและผู้มีทุนทรัพย์…”
จากพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่อัญเชิญมากล่าวข้างต้น ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ทรงสนพระราชหฤทัยในด้านการศึกษาอย่างลึกซึ้ง ทรงมองเห็นถึงปัญหาและแนวทาง
ตลอดจนพร้อมที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจสนับสนุนการศึกษาในทุก ๆ ด้าน ทรงทราบดีว่าเด็กและเยาวชนของไทยมิได้ขาดสติปัญญาที่จะเล่าเรียน แต่ด้อยโอกาสและขาดทุนทรัพย์ และอีกประการหนึ่งก็คือทรงตระหนักถึงความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมามีบทบาทและอิทธิพลต่อแนวคิด จิตใจ และการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างมาก จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการก้าวให้ทันวิวัฒนาการและความเจริญสมัยใหม่เหล่านี้
ส่วนหนึ่งคือจำเป็นต้องส่งคนไปศึกษาและดูงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อนำความรู้มาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดการพัฒนาในวิทยาการต่าง ๆ ของประเทศ พร้อมจัดเตรียมความรู้ขั้นพื้นฐาน สำหรับผู้ที่จะเข้ามารองรับความรู้เหล่านั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อตั้งกองทุนการศึกษาขึ้นหลายทุนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ซึ่งการให้ทุนแต่ละทุนนั้น มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป ดังนี้
๑. ทุนมูลนิธิ “ภูมิพล”
๒. ทุนมูลนิธิ “อานันทมหิดล”
๓. ทุนเล่าเรียนหลวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้ฟื้นฟู “ทุนเล่าเรียนหลวง” (King’s Scholarship) ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ริเริ่มพระราชทานทุนให้นักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศ ด้วยการจัดสอบแข่งขันอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ และได้พระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงสืบเนื่องกันมาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงยุติไปใน พ.ศ. ๒๔๗๖
ครั้นมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มีพระราชปรารภฟื้นฟูการให้ “ทุนเล่าเรียนหลวง” ขึ้นใหม่ โดยการประกาศใช้ “ระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยทุนเล่าเรียนหลวง พ.ศ. ๒๕๐๘” ทุนเล่าเรียนหลวงเป็นทุนพระราชทานแก่นักเรียนที่สอบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการได้คะแนนดีเยี่ยมปีละ ๙ ทุน คือ แผนกศิลปะ ๓ ทุน แผนกวิทยาศาสตร์ ๓ ทุน และแผนกทั่วไป ๓ ทุน ให้ไปศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ และไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องกลับมารับราชการ
นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๘ จนถึง พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผู้ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาวิชาการระดับอุดมศึกษาในต่างประเทศ ๕๐ ทุน ดังนี้ คือ ศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน ๔๓ ทุน ประเทศอังกฤษ จำนวน ๖ ทุน ประเทศฝรั่งเศส จำนวน ๑ ทุน
ส่วนทุนเล่าเรียนหลวงในระดับการศึกษาที่สูงกว่าปริญญาตรีนั้น ได้จัดให้มีขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๑๘ เนื่องในมหามงคลสมัยพระราชพิธีรัชดาภิเษกเฉลิมฉลองครบ ๒๕ พรรษาแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดกิจกรรมเพื่อสนองพระราชประสงค์เกี่ยวกับทุนเล่าเรียนหลวง
โดยจัดตั้งทุนการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก แก่นักศึกษาที่เป็นคนไทย และชาวต่างประเทศที่มีผลการเรียนดีเด่นเป็นพิเศษของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ในปัจจุบันพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงแก่นักศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียปีละ ๑๖ ทุน ทุนละ ๒๒๐,๐๐๐ บาทต่อปี
๔. ทุนการศึกษาสงเคราะห์ในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์
๕. ทุนมูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิโรงเรียนราชประชาสมาสัย
๖. ทุนนวฤกษ์
๗. ทุนการศึกษาพระราชทานแก่นักเรียนเฉพาะกรณี
๗.๑ ทุนพระราชทานแก่นักเรียนชาวเขา
๗.๒ ทุนพระราชทานแก่นักเรียนเฉพาะสถานศึกษา
๗.๓ รางวัลพระราชทานแก่นักเรียนและโรงเรียนดีเด่น
๘. ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย
๙. ทุนเศรษฐกิจพอเพียง
โดย ๙ ทุนที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานมานั้นทำให้นักเรียนทุนเหล่านี้ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ซึ่งหลายๆ คนก็กลับมาทำงานรับใช้บ้านเมืองเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนตามพระราชปณิธานของพระองค์ที่พระราชทานในด้านการศึกษาให้กับนักเรียนทุน
ด้วยความสำนึกและรำลึกถึง
ในหลวงรัชกาล​ที่​๙​ในดวงใจนิรันดร์
รำลึกวันสวรรคต ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙
🇹🇭 🇹🇭 🇹🇭 🇹🇭 🇹🇭 🇹🇭 🇹🇭
โฆษณา