15 ต.ค. 2019 เวลา 10:42 • ปรัชญา
🍺 คุณคอแข็ง...อ่อน ??
คอแข็ง ไม่ได้แปลว่าทนพิษแอลกอฮอล์มากกว่าคนอื่น
.
บรรดาคอสุรามักภาคภูมิใจในความคอแข็ง
ของตัวเอง ข้านั้นดื่มอึด ดื่มได้นาน ดื่มได้เยอะ
.
คิดว่าตนเองทนทานแอลกอฮอล์ได้มากกว่า
พวกคออ่อน แต่อันที่จริง ความทนทานต่อพิษแอลกอฮอล์ของร่างกายของคนเราไม่ได้ต่างกันมากมายครับ
Google
.
หลายคนคงเคยผ่านตา การบอกระดับความเป็นพิษของแอลกอฮอล์มาบ้าง
ข่าวต่างๆ มักรายงานปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายได้รับเป็น "มิลลิกรัม เปอร์เซ็นต์ แอลกอฮอล์" เช่น พบแอลกอฮอล์ในร่างกาย
418 มิลลิกรัม%
.
ค่านี้หมายถึง ถ้าเจาะเอาเลือดออกมา 100 มิลลิลิตร จะพบแอลกอฮอล์ละลายอยู่ในน้ำเลือด 418 มิลลิกรัม
.
ซึ่งนำไปเทียบดูได้ว่า แอลกอฮอล์ในเลือด
แต่ละระดับส่งผลต่อร่างกายอย่างไร เช่น
.
🍺- ระดับแอลกฮอล์ที่ต่ำว่า 50 มิลลิกรัม%
เป็นระดับที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ชิวๆ ร่าเริง
ขึ้นเล็กน้อย แทบไม่พบอาการผิดปกติทางกายภาพ และร่างกายเลย
.
กฎหมายเมาไม่ขับ จึงกำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ยานพาหนะไว้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม%
.
🍺- ระดับแอลกฮอล์ที่ 60 - 150 มิลลิกรัม%
เป็นช่วงที่เฮฮา สนุกสนานร่าเริง คุยอะไรก็ฮา ภาษาวงเหล้าเรียกว่า..กรึ่มๆ
.
แต่ในแง่ของพิษวิทยาถือเป็นโดสที่เริ่มเป็นพิษ
ต่อร่างกายแล้ว เป็นระยะที่เริ่มเสียการควบคุมตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้าลง ตัดสินใจได้ช้าลง อาจเริ่มเดินเซ เดินไม่ตรงทาง ขาดการยับยั้งชั่งใจ อาจทำอะไรห่ามๆ ไปบ้าง
.
❌🍺- ระดับแอลกอฮอล์ที่ 160-300 มิลลิกรัม% เป็นระดับที่แอลกอฮอล์แสดงฤทธิ์ความเป็นพิษอย่างชัดเจน ร่างกายมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น อาการหัวหมุน วิงเวียน คลื่นไส้ ทรงตัวได้ยาก มีอาการสับสน มึนงง
ความทรงจำสับสน อาจถึงขั้นตื่นมาจำอะไร
ไม่ได้เลย หรือเรียกง่ายๆ ว่า..เมา
.
❌🍺- ระดับแอลกอฮอล์ที่ 310-450 มิลลิกรัม% คือระดับอันตราย ส่วนมากจะหมดสติ และมีโอกาสเสียชีวิต เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเลือดที่เข้มข้น จะยับยั้งการทำงานของสมองและกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจทำให้ระบบหายใจ การเต้นของหัวใจผิดปกติ จนระบบร่างกายล้มเหลว💀☠️
.
:
ตัวเลขนี้คือค่าเฉลี่ยของมนุษย์ แม้จะมีเบี่ยงเบน
ไปจากค่าเฉลี่ยบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทนทานต่างกันมากมายนัก
.
🔺อาจพูดได้ว่า ไม่ว่าใครถ้าเอาแอลกอฮอล์เข้า
ไปในเลือดถึง 300 มิลลิกรัม% ก็เมากันทั้งนั้น
ถ้าถึง 400 - 500 มิลลิกรัม% ก็เสี่ยงตายสูงทั้งนั้น
.
คนที่คอแข็ง ดื่มได้หนัก ดื่มได้เยอะ ไม่เมาไม่หลับ นั่นไม่ใช่เพราะร่างกายทนแอลกฮอล์ได้มากกว่าคนอื่น ไม่ใช่แบบ 400 มิลลิกรัม% แล้วฉันยังแค่กรึ่มๆ
.
📍>>>แต่คอแข็ง เกิดจาก. การบริหารจัดการ
จังหวะในการดื่ม รักษาระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไว้ ไม่ให้สูงเกินไปจนถึงขั้นเมา
.
1
:
เนื่องจากตอนที่เราดื่มเหล้า แอลกอฮอล์จะซึม
ผ่านผนังกระเพาะ ลำไส้เข้าสู่กระแสเลือด ขณะเดียวกัน ตับก็คอยกำจัดแอลกอฮอล์ออกจาก
เลือดไปพร้อมๆ กันอยู่แล้ว
.
ตราบใดที่รักษาสมดุล ไม่ให้แอลกอฮอล์ที่ดูดซึมจากทางเดินอาหารมากกว่าที่ตับกำจัดออกไปได้ ระดับของแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดก็จะไม่สูงจนทะลุไปถึงขั้นเมา หรือขาดสติ
.
1
>>>ตับของเรามีประสิทธิภาพสูงมากในการกำจัดแอลกอฮอล์อยู่แล้ว เพียงแค่หยุดดื่มสักพักหรือดื่มให้ช้าลงเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติ กำลังจะข้ามเส้นจากระยะกรึ่มๆ เป็นเมาๆ แค่สักครู่เดียว ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดก็จะลดลง และสามารถกลับมาดื่มต่อได้
.
หลายคนอาจจะสงสัยว่าคนที่เจนสนาม ดื่มเหล้าเป็น ดื่มเหล้าเก่ง ทำไมถึงดื่มเหล้าจนเกินขนาดถึงขั้นเมา หมดสติและเสียชีวิตได้
ทำไมจึงไม่รู้ถึงความผิดปกติของร่างกายตอนที่เปลี่ยนจาก
:
กรึ่มๆ >> เมา >> หมดสติ แล้วยับยั้งไว้ไม่ทัน
.
🔺นั่นเพราะ การดื่มเหล้ามี 'ระยะหน่วง' อยู่ช่วงเวลาประมาณหนึ่ง หลังจากเหล้าลงคอไปแล้ว
จะใช้เวลาสักพักกว่าที่จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
ในช่วงเวลานี้ คนดื่มจะยังไม่รับรู้ถึงผลของเหล้าแก้วที่เพิ่งดื่มลงไป
.
อาการผิดปกติต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นเพราะเหล้าที่อยู่ในกระเพาะยังไม่เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้บางคนอาจจะคิดว่ายังไหว ยังดื่มต่อไปอีกช็อต 2 ช็อต 3 ช็อต 4 5 … 10 ช็อต
.
>>> พอรู้อีกทีปริมาณและความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่รออยู่ในกระเพาะก็มากจนทำให้
เมื่อถูกดูดซึมทั้งหมด. ทำให้ความเข้มข้นในเลือดพุ่งสูงเกิน 400 มิลลิกรัม%
.
❌การดื่มแอลกอฮอล์เข้มข้นในระยะเวลาอันสั้นจึงอันตรายอย่างมาก เพราะผู้ดื่มจับสังเกตอาการของร่างกายตัวเองได้ยาก
.
***ดังนั้นถ้าจะดื่มอย่างปลอดภัยและรับผิดชอบ จงดื่มช้าๆ ไม่ต้อง รี บ เ ม า
3
🍺🍺🍺 กรึ่มได้นาน..ก็สนุกได้นานครับ
แต้งขอออกตัวไว้ก่อนว่าบทความนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนๆ หันมาดื่มแอลกอฮอล์กันนะครับ..
ขอให้สุขภาพแข็งแรงทุกท่านครับ
ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจากพิษสุรา
ด้วยครับ 🙏☠️
เวลาในขวดเหล้า 🍾🥃
Cr.Toxic-Ant เพราะทุกสิ่งล้วนเป็นพิษ
# แต้ง 🎞
คิดได้..คิดดี
15/10/62
โฆษณา