10 ต.ค. 2019 เวลา 01:09 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Sentient กับพลัง Artificial Brain ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ
ตั้งแต่ปี 2010 สำนักข่าวกรองอเมริกันได้พัฒนาระบบ AI ทหารลับสุดยอดที่มีนามว่า “ Sentient” ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นเป็นความลับ จนเอกสารแรกที่หลุดออกมา ซึ่งรายงานโดย The Verge
Sentient กับพลัง Artificial Brain ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ
ซึ่ง โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาดังกล่าวนี้ เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์แบบครบวงจรที่สามารถประสานงานตำแหน่งต่าง ๆ รวมถึงวางแผนการรบโดยส่งข้อมูล ผ่านระบบดาวเทียมขั้นสูง ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมหาศาล หากนำ AI เหล่านี้มาช่วยเหลือในการรบจริง ๆ เพราะมันสามารถที่จะประเมินความเสี่ยง และตัดสินใจในเรื่องกลยุทธ์ต่าง ๆ ได้ดีกว่าแม่ทัพนายกอง ที่เป็นมนุษย์จริง ๆ
ซึ่งเหล่าแม่ทัพที่เป็นมนุษย์จริง นั้น มักจะล้มเหลวกับการวางแผนการรบ เหมือนในสงครามครั้งที่ผ่าน ๆ มา ที่พบว่ามีการสูญเสียกำลังรบทางทหารไปเป็นจำนวนมากแบบไม่จำเป็น และในเร็ว ๆ นี้ เทคโนโลยี AI ดังกล่าว อาจจะใช้ในการจัดการงานในสนามรบจริง ๆ สำหรับภารกิจทางด้านการทหารที่จะเกิดขึ้น
Sentient กับการนำ AI มาใช้ในการรบ
ถึงตอนนี้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ Sentient ยังมีอยู่ไม่มากนัก โดยตอนนี้บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐ จะให้คำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่ระบบ AI ตัวนี้สามารถทำได้และวิธีการใช้งานมันจริง ๆ ในความขัดแย้งระหว่างประเทศที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“การปฏิบัติมาตรฐานชุมชนข่าวกรองของ National Reconnaissance Office (NRO) คือการไม่เปิดเผยแหล่งที่มาที่สำคัญของข้อมูลเหล่านี้ และวิธีการที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ซึ่งมันมีความเสี่ยงสูงจากเหล่าประเทศที่เป็นศัตรูกับเราที่จะล่วงรู้ถึงข้อมูลพวกนี้” รองผู้อำนวยการกิจการสาธารณะของ National Reconnaissance Office (NRO) Karen Furgerson ส่งอีเมลถึง The Verge
“ การสูญเสียข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อประเทศชาติและพันธมิตรของเรา; มันลดความได้เปรียบทางด้านข้อมูลของสหรัฐและเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ด้วยเหตุผลเหล่านี้รายละเอียดเกี่ยวกับ Sentient ที่สามารถพูดถึงได้นั้นจึงมีจำกัด”
ซึ่งในท้ายที่สุดความลับนั้น หมายความว่า Sentient สามารถนำไปใช้งานได้โดยที่ ผู้คนไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมัน แม้โดยส่วนใหญ่แล้วอัลกอริธึมทางด้าน AI เหล่านี้ อาจจะมีอคติในตัว ซึ่งสามารถนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหารที่ไม่จำเป็นในอนาคตอันใกล้
ช่องทางติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา