10 ต.ค. 2019 เวลา 06:00 • การศึกษา
พุทธประวัติ ตอนที่  27
นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส (ข้าวที่หุงด้วยน้ำนมโค)
ในวันนี้เอง...
เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6
ณ บ้านของนางสุชาดา
นางสุชาดาได้เริ่มประกอบพิธีหุงข้าวมธุปายาส
ในเวลาตั้งแต่ต้นเช้ามืด
ในตอนนั้นเอง...
นางนั้นได้ให้ข้าบริวารไปรีดนมแม่วัวนมทั้ง 8 ตัว สุดท้าย ที่ได้เลี้ยงดูมาอย่างดีแล้วนั้น ให้นำพามารีดเอาน้ำนมสด
แต่ในขณะที่บริวารกำลังจะเข้าไปรีดเอาน้ำจากนมแม่วัวทั้ง 8 นั้น เหล่าลูกวัวทั้งหลายต่างก็มิมีตัวไหนกล้าเข้าไปใกล้แม่วัวเหล่านั้นเลย
คือถอยออกห่าง จากแม่วัวทั้ง 8
แล้วก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีระเบียบเรียบร้อย
เป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากๆ
เมื่อนางสุชาดา นางได้เห็นเช่นนั้นก็ประหลาดใจ.. ตัวนางนั้นจึงได้บอกให้บริวารหยุดก่อนอย่าพึ่งเข้ารีดน้ำนมจากแม่วัว...
ด้วยความแปลกใจนี้...
นางสุชาดาจึงได้หยิบนำเอาภาชนะเก็บนำนมนั้นเข้าไปรองใต้ท้องแม่โค ด้วยตัวของนางเอง
และในขณะนั้น...
เมื่อภาชนะเก็บน้ำนมได้เข้าไปใกล้กับนม
ของแม่วัวเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น...
น้ำนมนั้น ก็ได้หลั่งไหลออกมาจากเต้านม
ของแม่วัวเองโดยทันที!!!
ซึ่งนางเห็นความอัศจรรย์ดังนั้น
ก็เกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
จึงได้รีบตักรองเอาน้ำนมจากแม่วัวทั้ง 8
ด้วยตนเอง แล้วก็นำน้ำนมเหล่านั้นเทใส่ลงในภาชนะใหม่
ลำดับต่อมา...
นางสุชาดาก็รีบไปก่อไฟในโรงครัว
ด้วยมือของตนเองต่อ หลังจากนั้น นางก็ได้นำน้ำนมมาเทลงหม้อแล้วเคี่ยวจนข้น จนกระทั่งน้ำนมนั้นกลายเป็นนมข้นหวานที่มีรสอร่อยมาก ซึ่งเรียกว่า "ขีรปริวรรต"
ขณะที่นางกำลังหุงข้าวมธุปายาสอยู่นั้น
น้ำนมที่เคี่ยวอยู่ ก็เกิดเป็นฟองใหญ่ ๆ ผุดขึ้นมา แล้วไหลวนเป็นทักษิณาวัฏ (วนเวียนขวา)
น้ำนมเหล่านั้นถึงแม้จะแตกฟองออกจากกัน
ก็มิมีเศษฟองกระเด็นออกไปข้างนอกเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งควันไฟที่เกิดขึ้นจากเปลวไฟที่กำลังเผาไม้นั้น ก็มิได้มีควันลอยขึ้นออกมาจากเตาเลยเช่นกัน...
***นั้นก็เพราะว่าในตอนนั้น...***
มีท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ท่านได้มาถือการ
อารักขาอยู่ที่เตาไฟทั้ง 4 ทิศ
อีกทั้งยังมีท้าวมหาพรหม ซึ่งท่านได้มายกตั้งกั้นฉัตรทอง...
และท้าวสักกะเทวราชท่านก็ได้ทรงนำ ดุ้นฟืนทิพย์มาใส่เติมให้ไฟนั้นให้ลุกโพลงอยู่ตลอดเวลา
ส่วนเทพเทวดาทั้งหลายเองต่างก็ได้ไปรวบรวม
นำเอาโอชาทิพย์ที่สำเร็จแก่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลายในทวีปใหญ่ทั้ง 4 อัน มีทวีปน้อยอีกสองพันเป็นบริวารนั้น นำเอามาใส่ลงในหม้อหุงข้าว
มธุปายาสนั้น ด้วยอิทธิฤทธิ์เทวานุภาพของแต่ละตนอีกด้วย...
ซึ่งโอชารสของข้าวมธุปายาสนี้ ท่านได้เปรียบเทียบอุปมาไว้ว่า...
***เปรียบเสมือนเทพทั้งหลาย ได้คั้นเอารวงผึ้งสดที่ซึ่งอยู่ติดที่ท่อนไม้ใหญ่ แล้วถือคั้นเอาเฉพาะต้นน้ำหวาน จากรวงผึ้งสดฉันนั้น***
คือแท้ที่จริงแล้วในเวลาปกติอื่นๆ นั้น
เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายก็จะมาใส่โอชาอาหารทิพย์ในทุกๆ คำข้าวที่เวลาพระโพธิสัตว์ท่าน
เสด็จออกบิณฑบาตรอยู่แล้วครับ
แต่จะมีภัตตาหารครั้งพิเศษที่สุดอยู่เพียง 2 วันคือ
1. ในวันที่พระองค์นั้นจะบรรลุพระสัมโพธิญาณ
(ภัตตาหารนั้นคือ ข้าวมธุปายาส)
2. ในวันพระองค์นั้นจะเข้าสู่พระปรินิพพาน
(ภัตตาหารนั้นคือ สุกรมัทวะ)
ซึ่งพวกเหล่าพรหมเทพเทวดาทั้งแสนล้านโลกธาตุ
จักได้นำเอาของทิพท์ในจักรวาลทั้งหลายมารวม
ใส่ถวายลงไปในเพียงหม้อปรุงอาหารเดียวนั่นเองครับ
***ตัดภาพเหตุการณ์กลับมาที่ นางสุชาดา***
เมื่อนางสุชาดาได้ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงในภาชนะหม้อที่ยกขึ้นตั้งบนเตาไฟแล้วนั้น...
นางสุชาดา ก็ได้เห็นความอัศจรรย์หลายๆ อย่าง
ซึ่งได้มาปรากฏแก่ตนเอง ณ ที่นั้น ในวันเดียวเท่านั้น นางสุดชาดาจึงได้เรียกนางปุณณาทาสีมาพูดด้วยว่า...
นางสุชาดากล่าวขึ้น :
***นี่แน่ะแม่ปุณณา วันนี้เทวดาของพวกเราน่าเลื่อมใส่ยิ่งนัก เพราะว่าตัวเรานี้ตั้งแต่เกิดมา มิเคยเห็นความอัศจรรย์ใจดังเช่นปานนี้มาก่อนเลย..
เอาละในเวลาก็ใกล้จักสว่างแล้วหนอ ขอเธอจงรีบไปปัดกวาดดูแลเทวสถาน ณ โคนต้นไทรใหญ่โดยเร็วเถิดแม่ปุณณา***
(นางปุณณาทาสีเมื่อรับคำของนางสุชาดาแล้ว
ตนจึงรีบด่วนไปยังที่โคนต้นไทรใหญ่แห่งนั้น)
***ซึ่งในตอนเช้ามืดนี้เองก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่
พระโพธิสัตว์เจ้าก็ได้ทรงเห็น พระมหาสุบินนิมิตร 5 ประการ (ตอนที่ 26)***
เมื่อพระองค์ทรงใคร่ครวญนิมิตทั้งหมดดูแล้วนั้น
พระองค์จึงทรงกระทำสันนิษฐานว่า...
วันนี้เราจักได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างมิต้องสงสัย
และเมื่อราตรีนั้นล่วงไป จึงทรงกระทำการปฏิบัติพระสรีระทรงคอยเวลาภิกขาจาร นั่นเองครับ
***ตัดภาพเหตุการณ์กลับมาที่ นางสุชาดา***
ในขณะนี้...
ตัวนางสุชาดาเองนั้นก็ได้จัดแจงเตรียมข้าว
มธุปายาส แล้วนำเปลี่ยนใส่ถาดทองคำ เพื่อเตรียมจะนำไปถวายบวงสรวงบูชาแก่รุกขเทวดา
ที่โคนต้นไทรใหญ่นั้นเอง...
***ตัดเหตุการณ์มาที่บริเวณ ต้นไทรใหญ่***
ครั้นเมื่อแสงสุริยาได้ทอแสงเปล่งประกายรัศมีอ่อนส่องสว่างไสวในยามต้นเช้ารุ่ง ของวันนี้...
ฝ่ายนางปุณณทาสีสาวใช้ ขณะที่นางกำลังเดินไปใกล้จะถึงต้นไทรใหญ่นั้น...
นางก็สะดุ้งตกใจ!!!
เพราะขณะนี้... นางปุณณทาสีนั้นได้มองเห็นพระบรมโพธิสัตว์ ท่านทรงประทับนั่งอยู่ใต้ร่มไทรใหญ่นั้น...
ซึ่งในตอนนั้น พระองค์ได้ผันพระพักตร์ทอดพระเนตรออกไปทางทิศตะวันออก มีพระรัศมี
แผ่สร้านออกจากพระวรกาย เป็นปริมณฑลดูงดงามยิ่งนัก...
นางปุณณทาสีจึงตระหนักในใจว่า...
***โอโห้... นี้พระองค์คงจักต้องเป็นเทพยดาเจ้า
เนรมิตกาย มานั่งคอยรับเครื่องพลีกรรม
ของท่านแม่สุชาดาผู้เป็นเจ้านายเราเป็นแน่แท้
อย่ากระนั้นเลย เราควรจักรีบกลับไปบอกแม่ท่านแต่โดยเร็วเถิด***
จากนั้น...
นางจึงรีบกลับไปบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แก่นางสุชาดาให้ได้ทราบทันที...
และเมื่อนางสุชาดา...
ได้ทราบเนื้อความทั้งหมดแล้วนั้น นางจึงได้เร่งรีบแต่งกายด้วยเครื่องประดับอาภรณ์อันงดงาม เมื่อเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
นางก็ยกถาดข้าวมธุปายาสทองคำ
ขึ้นไว้ทูนเหนือศรีษะ แล้วออกจากบ้านพร้อมด้วยบริวาร และมุ่งหน้าไปยังต้นไทรใหญ่ต้นนั้นทันที...
ครั้นเมื่อนางสุชาดา...
ได้มองเห็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ที่มีพระสิริโฉม พร้อมด้วยพระมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ
อันงดงามของพระองค์เช่นนั้น..
นางก็ยิ่งเกิดความโสมนัสยินดี และยิ่งสำคัญเข้าใจว่า พระองค์คือ องค์เทพรุกขเทวดาจริงๆ ที่มานั่งคอยรับเครื่องพลีกรรมเหล่านี้ของนาง...
นางสุชาดา จึงได้น้อมนำข้าวมธุปายาสนี้
เข้าไปถวายแก่ พระบรมโพธิสัตว์เจ้า
ด้วยความนอบน้อมและเคารพอย่างยิ่ง
ขณะนั้นเอง!!!
บารตดินซึ่งเป็นบารตทิพย์ ที่ท่านฆฏิกาพรหมได้ถวายไว้เมื่อวันที่พระองค์เสด็จบรรพชานั้น
ก็ได้อันตรธานหายไปในทันที...
ลำดับนั้น...
พระบรมโพธิสัตว์เจ้าก็ได้ทรงทอดพระเนตร
ดูนางสุชาดาโดยเป็นนัย ให้รู้ว่า บัดนี้พระองค์นั้น
มิมีบารตที่จักรองรับข้าวมธุปายาสที่ถวายแล้ว...
นางสุชาดาผู้ที่สั่งสมบุญบารมีมาไว้มาก
ก็ทราบได้ในพระอาการของพระองค์ทันที
นางจึงยกถาดทองคำขึ้นทูลศีรษะพร้อมถวาย
ข้าวมธุปายาส และถาดทองคำอันนั้น
จากนั้นนางก็ก้มศรีษะลงอภิวาทแล้วกราบทูลว่า...
นางสุชาดากราบทูล :
***ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
ความปรารถนาของหม่อมฉัน สำเร็จแล้วฉันใด
ขอให้สิ่งที่พระองค์ประสงค์ จงสำเร็จ ฉันนั้น***
แล้วนางก็ก้มลงกราบทูลลสกลับสู่เคหะสถาน
ของตนด้วยความปีติสุขใจอย่างยิ่ง อย่างที่นาง
มิเคยเป็นมาก่อน และนางนั้นก็มิได้มีความเสียดายอาลัยอาวรณ์ในถาดทองคำอันมีค่าถึงแสนกหาปณะนั้นเลย..
และครั้นเมื่อ...
นางกลับมาถึงบ้านของตนแล้ว
นางก็ได้ยกย่องนางปุณณทาสี ให้อยู่ในฐานะธิดาของตนพร้อมทั้งมอบเครื่องประดับและของใช้อันสมควรแก่ฐานะของธิดา และให้นางปุณณาพ้นจากความเป็นทาสีสืบไป...
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัย ท่านผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
หากท่านผู้ใดชอบ ก็ขอฝากติดตามอ่านตอนต่อไปด้วยนะขอรับ ^-^
ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านผู้อ่านขอธรรมของพระพุทธองค์จงมีแด่ท่าน สาธุครับ (ต้นธรรม)
เอกสารอ้างอิง
#หนังสือ.ปฐมสมโพธิกถา
#หนังสือพุทธประวัติตามแนวปฐมสมโพธิ (พระครูกัลยาณสิทธิวัฒน์)
#เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่/ภาพประกอบ.ต้นธรรม
#Facebook Page🔜 :
โฆษณา