11 ต.ค. 2019 เวลา 00:30 • ธุรกิจ
ความสัมพันธ์ไทยและจีนที่มีความแนบแน่นไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่เกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้ชายคนหนึ่งที่ท่านอาจนึกไม่ถึง
ที่มา: sites.google.com/site/khwamsamphanthicin/
ระหว่างที่กำลังนึกถึงบุคคลท่านหนึ่งที่มีคุโณปการต่อประเทศไทยอย่างมากมาย ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งที่อาจารย์ที่สอน Marketing Communication แบ่งปันให้ฟังระหว่างที่ “ยุคใหม่การตลาดของไทย” ขออนุญาตเข้าไปปรึกษาเรื่องการทำงานวิจัยการตลาดในหลายปีที่ผ่านมา
ท่านเล่าให้ฟังว่าความสัมพันธ์ไทยและจีนทำไมจึงเป็นไปในรูปแบบที่ไม่มีประเทศใดในโลกเหมือน ทำไมรัฐบาลจีนจึงให้การยอมรับประเทศไทย ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้มีขนาดเศรษฐกิจหรืออิทธิพลระดับโลกที่จะสามารถส่งผลกระทบกับจีนได้อย่างชัดเจนเลย
หรือว่าเป็นเพราะในประเทศไทยมีคนไทยเชื้อสายจีนมากมาย ไม่เคยมีการต่อต้านหรือเกิดการต่อสู้ด้านเชื้อชาติมาก่อนเลย ซึ่งเหตุผลนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน แต่ทว่าอีกหลายประเทศก็ไม่แตกต่างกับไทยในเรื่องนี้ บางประเทศคนจีนทำการค้าขายอย่างชัดเจนเลย เช่น มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร เป็นต้น เหตุผลนี้ไม่น่าจะใช่
ประเทศจีนกับไทยมีความแตกต่างเรื่องการปกครองแบบต่างขั้วที่ไม่น่าไปด้วยกันได้เลย ประกอบกับช่วงนั้นก็เป็นช่วงของสงครามเย็นของชาติมหาอำนาจระหว่างประเทศที่ปกครองแบบประชาธิปไตยนำโดยสหรัฐอเมริกาและประเทศสังคมนิยมที่นำโดยสหภาพโซเวียตและประเทศจีน
ผู้ชายคนหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกลกว่าคนในยุคนั้นจะมองเห็น มองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ที่เล็งเห็นว่าประเทศเทศจีนจะก้าวมาเป็นผู้นำโลกในอนาคตโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
ต้องยอมรับตรงๆเลยว่าในช่วงประมาณ 40 กว่าปีที่ผ่านมา การที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมีวิสัยทัศน์ยาวไกลก้าวหน้าไปหลายสิบปีนั้น ไม่ได้หาข้อมูลมาประกอบได้ง่ายๆเลย ถ้าไม่ได้เกิดจากสิ่งที่ท่านผู้นี้เล็งเห็นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
“ยุคใหม่การตลาดของไทย” เชื่อว่าท่านต้องพบกับคนที่ไม่เห็นด้วยมากมาย ซึ่งคนเห็นด้วยน่าจะมีไม่กี่คนเท่านั้น อย่าลืมว่าในช่วงนั้นอเมริกามีอิทธิพลต่อสังคมไทยและสังคมโลกเป็นอันมาก อีกทั้งประเทศจีนก็ยังดำเนินนโยบายแบบปิดประเทศ ผู้คนทั่วไปแทบไม่รู้ความเป็นมาภายในประเทศจีนได้เลย
แต่ท่านผู้นี้ก็ยังยืนหยัดในสิ่งที่มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น จึงได้มีการวางแผนการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ด้วยการเริ่มให้มีการสถาปนาความสัมพันธ์กันระหว่างไทยกับจีนในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518
การสถาปนาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ โดยผู้นำสูงสุดของประเทศไทยในขณะนั้น นั่นก็คือนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ พล.ต. ชาติชาย ชุณหวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอานันท์ ปันยารชุน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และนายประกายเพ็ชร์ อินทุโสภณ เลขาธิการนายยกรัฐมนตรี
โดยมีทางฝ่ายจีนคือประธานเหมา นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลและรองนายกรัฐมนตรีเติ้งเสี่ยวผิง หลังจากสถาปนาความสัมพันธ์กันเป็นต้นมา การค้าการลงทุนระหว่างไทยและจีนก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ (ที่มา: http://www.thongkasem.com/knowledge.php?kid=63)
ภาพขณะลงนามสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่มา: 38 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน, สำนักพิมพ์ทองเกษม
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือเป็นนโยบายช่วงสั้น และอีกความสัมพันธ์ที่ไม่มีในชาติอื่นในโลกก็คือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพระบรมวงศานุวงทุกพระองค์ของไทยกับรัฐบาลจีน โดยเฉพาะเราจะเห็นการให้การยอมรับในระดับที่สูงมากที่รัฐบาลจีนไม่เคยมีมาก่อนกับ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ที่มา: MGRONLINE.com
คุโณปการอันมหาศาลที่เกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และความมั่นคงของชาติไทยในครั้งนี้ เกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้ชายท่านนี้ที่คนไทยทุกคนรู้จักท่านในนาม พระบาทพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือชื่อที่ตรึงตาตรึงใจคือ “พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย”
นี่เป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่ท่านมอบให้กับปวงชนชาวไทยจากสิ่งที่ท่านทำมามากมาย มากกว่าที่จะมีใครในโลกใบนี้ทำได้ ไม่แปลกใจเลยที่คนไทยต่างล้วนภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย ที่ได้เกิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 9
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม...”
วาทะอันยิ่งใหญ่ อันเป็นอมตะ ที่มั่นคง ยืนหยัด ต่อการพิสูจน์ของกาลเวลา เป็นเสมือนแสงดาวที่สว่างอยู่กลางฟ้ามืด คนไทยทั้งปวงได้ยิน ได้ฟังกันมานาน ด้วยความซาบซึ้งในหัวใจ และยังคงรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ล้นฟ้าอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย (สยามรัฐออนไลน์, 20 ตุลาคม 2559)
ที่มา: Travel.Mthai.com
FB Page: Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
หากชื่นชอบและถูกใจบทความนี้ ฝากกด Like กด Share และติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
โฆษณา