10 ต.ค. 2019 เวลา 13:43 • ปรัชญา
“เราถูก คนอื่นผิด”
ในโลกยุคสมัยใหม่นี้ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ถือว่ารวดเร็วมากๆ จนบ้างครั้งอาจทำให้การที่เราจะตัดสิน ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นผิดจากความเป็นจริงไป
เพราะอาจเกิดจากการตัดสินใจโดยฟังจากข้อมูลในส่วนเดียว จนมีข่าวทำนอง โอ้ละพ่อออกมาเป็นประจำ
วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องผู้ชายคนหนึ่ง ในสนามบินให้ฟัง
ภาพจากwww.madridario.es
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเตรียมตัวจะขึ้นเครื่อง พอเขาได้ยินเสียงประกาศของทางสนามบินว่า อีกประมาณชั่วโมงครึ่ง เครื่องบินที่เขากำลังจะเดินทางไปด้วยถึงจะออก
ผู้ชายคนนี้จึงตัดสินใจ ที่จะเดินไปซื้อคุกกี้เนย ร้านดังที่อยู่ในบริเวณสนามบินนั้น เพื่อจะได้นั่งอ่านหนังสือและหยิบคุกกี้กินเล่นไปพลางๆ และเมื่ออ่านหนังสือไปได้สักพัก เขาก็หยิบคุกกี้ขึ้นมาทาน
และเขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่า ผู้ชายแก่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือมาหยิบคุกกี้ในถุงนั้นไปทานด้วย ทุกครั้งที่เขาหยิบคุกกี้ขึ้นมากิน ชายแก่ก็จะหยิบคุกกี้ในถุงนั้นขึ้นมากินด้วย
เขาเริ่มรู้สึกโกรธ ที่ชายแก่หยิบคุกกี้ของเขาโดยไม่ขออนุญาต ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังหาคำที่จะว่ากล่าวชายแก่อยู่นั้น
ชายแก่กับยื่นมือเพื่อจะไปหยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในถุง ชายแก่หยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้ายไป และหันมายิ้มให้กับเขา พร้อมกับบิดคุกกี้ออกมาครึ่งหนึ่งและยื่นให้เขา
ภาพจาก www.thaihealth.or.th
แน่นอนแหละเขาเหลืออดแล้ว กับการกระทำของชายแก่ และคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่ทันใดนั้นเอง เสียงประกาศจากทางสนามบินดังขึ้นมาว่าเครื่องพร้อมที่จะบินแล้ว ขอให้ผู้โดยสารมาต่อแถวเพื่อจะขึ้นเครื่อง
สำหรับเขาแล้ว มันช่างเป็นเสียงระฆังที่ตีบอกว่า ถึงเวลาหมดยกแล้ว เขาจึงตัดสินใจเดินออกมาอย่างมีอารมณ์โมโห
เขาได้ขึ้นเครื่อง และรีบเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง พร้อมกับอารมณ์ที่ยังโมโหกับเรื่องของชายแก่ที่มาหยิบคุกกี้ของเขากิน เขาเลยตัดสินใจที่จะหยิบหนังสือที่เขารีบยัดเก็บไว้ในกระเป๋าเป้ ของเขาขึ้นมาอ่าน เพื่อจะได้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
เขาเปิดกระเป๋า แล้วเขาก็ต้องร้องตกใจที่เห็นว่า คุกกี้ที่เขาซื้อมายังอยู่ในกระเป๋าเหมือนเดิม ให้ตายเถอะ นั้นหมายความว่าคุกกี้ที่เขาไปหยิบกิน แท้ที่จริงเป็นของชายแก่คนนั้น
ภาพจากเพจ SCF-Vintage
และเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายถือวิสาสะ หยิบคุกกี้ของเขามากินโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมชายแก่กลับไม่ได้ว่าอะไรเขาเลย แถมคุกกี้ชิ้นสุดท้าย เขาก็ยังมีน้ำใจแบ่งให้เขาครึ่งหนึ่ง โชคดีที่เขายังไม่ได้ด่าว่าอะไรชายแก่คนนั้นไป มันช่างหน้าอายอะไรเช่นนี้
ในชีวิตของเราทุกวันนี้ ก็มักจะเกิดเรื่องราวอะไรทำนองนี้ไม่ใช่น้อย เราเองมักจะเข้าใจไปเองว่า “เราถูก คนอื่นผิด” ยังไงก็อย่าลืมนะครับ
วันที่เราได้เห็นข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนรอบด้าน และเราได้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เราเองอาจจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเราเองเป็นฝ่ายผิด นั้นอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ว่าใครหรืออะไรลงไปก่อนที่เราจะถามไถ่ได้ข้อมูลที่ชัดเจนก่อนนะครับ เพราะไม่แน่อาจจะกลายเป็นว่า “เราผิด แต่คนอื่นถูก” ก็เป็นได้
##ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านกันจนจบนะครับ ขอบคุณครับ🙇🏻‍♂️##
โฆษณา