11 ต.ค. 2019 เวลา 04:06 • ปรัชญา
SISU คืออะไร.. ทำไม? ไม่มีคำแปล
SISU อ่านว่า ซิสุ
เป็นคำในภาษาฟินแลนด์ที่ใช้กันมานาน
และไม่สามารถแปลความหมายได้ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้อย่างถูกตรง
ตรงกับความหมายที่แท้จริง
แต่ยิ่งไม่มีคำแปล คนยิ่งอยากจะแปล
แม้จะต้องอธิบายกันเป็นหน้าๆ
เพราะเป็นคำที่บ่งบอกถึงตัวตน
และประเทศฟินแลนด์ได้เป็นอย่างดี
ส่วนตัวได้อ่านหนังสือเล่มนึงที่เกี่ยวกับ
ประเทศฟินแลนด์ และได้พบเจอคำ คำนี้...
ในส่วนเล็กๆ แทบไม่ได้อธิบายอะไรไว้มากมาย
จึงมีความสนใจ ใคร่อยากรู้
คำอะไร ทำให้เราเรียกผิดทุกที
กลายเป็นซูชิตลอด
ดังนั้นจึงออกตามหา ซูชิ ที่แสนอร่อย 😁
เอ้ย... ไม่ใช่ ซิสุ ที่เค้าว่าแปลไม่ได้
คำดีมีพลังนี้คำนี้ต่อไป......
ขอบคุณภาพจาก bookmukdi.com
SISU มาจากรากศัพท์ภาษาฟินแลนด์
คำว่า inner หรือ inside
คือเป็นเรื่องของภายใน ไม่ใช่แค่การปฏิบัติภายนอกเท่านั้น
ที่มาของคำนี้
มาจากด้วยสภาพอากาศที่ชาวฟินแลนด์ต้องเผชิญ อากาศหนาวจัด ติดลบ
และอาจไปไกลถึง -​40 องศา
และในวันที่มีแสงแดดก็มีเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ต้องอยู่ในความมืดมิดยาวนานกว่าแสงสว่าง
จนเคยชิน แค่คิดก็หนาวไปถึงขั้วแทนแล้ว
ใช่มั้ยค่ะ
เราเป็นคนไม่ชอบอากาศหนาวจัดเท่าไหร่
เวลาไปประเทศที่หนาว มันทรมานจริงๆ
เคยไปปีนเขาครั้งนึงในประเทศหนาวๆ
แค่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ยังเข้าฤดูหนาวด้วยซ้ำ
แต่น้ำตาไหลเลย ทรมานเข้ากระดูก
ตอนนั้นรู้สึกคิดถึงแสงแดดอันร้อนแรงของเมืองไทย และคิดว่า นี่มาลำบากทำไมเบอร์นี้...
... แต่พอเจอภูมิหลังแบบนี้ของฟินแลนด์ทำให้เราเข้าใจ SISU มากขึ้น
ว่าคนฟินแลนด์ต้องเจอกับอะไรบ้าง
ต้องกัดฟันสู้แค่ไหน เพราะสภาพมันบังคับ
และมันเกิดขึ้นทุกวันซ้ำแล้วซ้ำอีก
ความเงียบเหงาคงส่งผ่านมาจากความหนาวเย็นทุกวัน ความจมดิ่งอาจส่งผ่านมาจากความมืดที่ยาวนานเหลือเกิน จิตใจคงจะโหยหาความสดชื่น ดอกไม้ สีสัน สายลม แสงแดด ลมพัดเอื่อย
เพลงป๊อบเบาๆ สบายๆ มากกว่าการผิงไฟในห้องเป็นแน่
แต่กลับกันคนฟินแลนด์เรียนรู้ที่จะปรับตัว
ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อรับมือกับสิ่งที่ต้องอยู่ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดลืมตาดูโลก
มันเหมือนว่าถูกบังคับโดยปัจจัยที่เขาควบคุมอะไรไม่ได้เลยมาแต่ต้น
เพราะเขาต้องเกิดมาในประเทศนี้..
และสิ่งที่เดียวที่ขับเคลื่อนชีวิต คือ
"การยอมรับ" และ "ต้องไปต่อให้ได้"
ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน จะสุดขีด เกินลิมิต
เกินความเข้าใจ เกินกำลังแค่ไหน ก็จะไม่ยอมแพ้
1
ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้มันไม่ง่ายที่เราจะอดทนได้มากมายหนัก นี่ยังไม่พูดจุดที่ถึงขีดสุด
ของความอดทนนะ
เหตุเพราะ... สังคมที่เปลี่ยนไป ความรวดเร็ว เทคโนโลยี ความสะดวก ความสะบาย
ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย
และไม่เรียนรู้ที่จะะปรับตัว เมื่อเจอปัญหา
เราจึงเปราะบางและแตกหักได้ง่ายๆ
และเราไม่ได้ถูกสอนให้อดทน
และแม้จะถูกสอน
แต่สภาพด้านนอกก็อาจไม่เอื้ออำนวย
ให้เรารู้สึกว่าจะอดทนไปทำไม
ในเมื่อทุกอย่างก็สบายๆอยู่แล้ว
SISU คงเป็นคำที่สั้นๆแต่กินความหมายได้ลึกซึ้ง
ถ้าให้พูดคงบอกว่า มัน beyond มันลึก
มันไปไกลกว่าสิ่งที่เราเคยคิด
และชีวิตนี้... เราอาจยังไม่เจอจุดที่จะใช้คำนี้ได้ด้วยซ้ำ หรือยังอาจพูดไม่ได้แบบเต็มปากเต็มคำ
แต่วันนี้เรากำลังฝึก เพื่อวันนึง SISU จะกลายเป็นหนึ่งเดียวในใจกับเรา
และเมื่อเจอ "สิ่งที่ว่าสุดแล้วในชีวิตนี้"
ที่ดูเหมือนว่าจะรับไม่ไหว
มันจะได้ออกมาโลดเล่นได้ทันเวลา
อย่างสง่าผ่าเผย
เล่ามาถึงตอนนี้.. แม้ไม่ได้แปล SISU
แบบโต่งๆให้ได้อ่าน
แต่อยากให้รับรู้ และลองจินตนาการภาพตาม
ว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ตามบริบทที่เล่ามา สิ่งนึงที่เรารับรู้ได้ คือ....
SISU ควรเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรรู้ ควรมี และควรฝึกฝนชีวิต และฝึกฝนให้คนรุ่นหลังๆด้วย
วันนี้เราอาจะไม่ได้เผชิญกับปัญหาสภาพอากาศ
ที่หนาวเย็น ความมืดที่ยาวนานแบบคนฟินแลนด์ จึงเกิดการเรียนรู้และส่งต่อ SISU
จนกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติ
แต่เราก็ต้องเผชิญกับโลกนี้ สังคมนี้ เศรษฐกิจ การเมือง สภาพชีวิตและอีกมายมาก
ที่จะดีจะร้าย และจะแย่ถึงจุดไหนเราก็ไม่มีทางรู้
แต่สิ่งเหล่านี้ควรเป็นตัวผลักดันให้เราค่อยๆสร้าง SISU ในใจ
ที่เราจะสู้ไม่ถอย
ไม่มีคำว่าเลิก
ไม่มีคำว่ายอมแพ้
และไม่มีคำว่าทำไมผ่านไม่ได้
มีเพียง "ความหวังอยู่เสมอ"
วงเล็บ.... แม้ในสถานการณ์ที่สุดของสุด
ของสุดสุดในชีวิตที่ต้องเผชิญ
1
ถ้าให้เราพูดเป็นภาษาง่ายๆของตัวเอง
และบอกตัวเองวันนี้ เกี่ยวกับ SISU
เราคงบอกว่าจงสู้อย่าถอย
อย่าหยุดในจุดที่แม้ในใจลึกๆจะรู้ว่าแพ้และล้ม
แต่ฉันจะไปต่อ ฉันจะผ่านไปได้
และต้องผ่านให้ได้
ฉันเชื่อ ฉันหวัง ฉันมั่นใจ และฉันจะทำ
ไม่มีอะไรหยุดฉันได้หรอก
1
คำดีดีที่อยากแบ่งปัน
ฝากกดไลค์กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ❤️
โฆษณา