12 ต.ค. 2019 เวลา 02:19 • ปรัชญา
[ คิดจะวิจารณ์...คิดซักนิด ]
จริงๆคำว่าวิจารณ์ ไม่ได้แย่ไปซะหมด
พอได้ยินคำนี้เรามักจะรู้สึกไปในด้านลบนิดๆ
มากกว่าด้านบวก
อาจเพราะว่ากำลังอยู่ในสังคมที่สามารถวิจารณ์
อะไรก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ และยังไงก็ได้
ทุกๆวันที่เปิดเฟสบุค ทวิตเตอร์ อ่าน
เราก็ซึบซับมันไปซะแล้ว
เมื่อเราอ่าน เราก็วิจารณ์อีกทีกับสิ่งที่เราอ่าน
แต่สิ่งที่แต่ละคนมีต่างคือ
การวิพากวิจารณ์ให้เกิดประโยชน์
ไม่ใช่สักแต่พูดหรือพิมพ์
เราพบเจอและได้รับคำวิจารณ์อยู่บ่อยๆ
พอมาได้มานั่งคิดจริงๆ
คำวิจารณ์หลายคนมันมีประโยชน์มากโขต่อเรา
แต่บางคนก็มีแต่พลังทำลายล้าง
ทางคำพูดและความคิดมากกว่า
มีคนเคยเคยพูดกับเราว่าในเมื่อมันคือเรื่องจริง
และเขาควรแก้ไข เราก็ต้องสื่อสารความจริงซิ ตรงๆ จะอ้อมทำไม จะได้รู้แก้ไข จบๆไป
และมีบางคนก็บอกว่าเห้ย.. อย่าไปพูดเลย
ก็บอกอ้อมๆไปก็ได้ เดี๋ยวเค้าจะเสียใจ
เราสงสัยและมองเห็นข้อดีอยู่ทั้ง 2 อย่าง
แต่ก็ยังไม่ get จนวันที่โดนการวิจารณ์
เข้ากับตัวเราพบว่า
การวิพากษ์วิจารณ์ มันคือบทสนทาหนึ่ง
มีสองฝ่ายผู้รับสาร และส่งสาร
และจะส่งสารที่เกี่ยวกับผู้รับสารโดยตรง
การวิจารณ์มักทำให้คนที่เป็นผู้ส่งสารรู้สึกมีอำนาจในมือมากกว่าผู้รับสาร
โดยหลายครั้งผู้ส่งสารก็ไม่ได้แคร์ผู้รับสารจริงๆเท่าไหร่ แค่คิดว่าจะส่งสารไปให้เสร็จก็เท่านั้น
หรือมักจะแคร์ตัวเองมากกว่า
บางคนแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเราถ้าวิจารณ์ไป บางคนคิดว่าต้องพูดเพราะเราเสียประโยชน์
เขาจะได้เปลี่ยนแปลง มันจะได้ไม่กระทบกับเรา
กับงานของเรา
แต่หลายครั้งเราก็ลืม
ลืมว่าเรากำลังสื่อสารสองทาง
เราต้องแคร์ผู้รับสารด้วย
แคร์ในที่นี่ไม่ได้ให้เอาใจ โอ๋แบบเด็กๆ
แต่ให้ใส่ใจ เห็นใจ และเข้าใจ มากกว่า
มีครั้งนึง เราเจอคนวิจารณ์เราในเรื่องต่างๆนานา
เค้าพูดความจริงนะ ถูกด้วยที่เค้าพูด
เราเนี้ยไม่คิดจะเถียงเลย เรายอมรับได้
แต่ทำไมเราไม่รู้สึกถึงการพูดนี้
จะช่วยอะไรเราเท่าไหร่
เรารู้สึกถึงแรงโจมตี มากกว่าใจที่อยากแนะนำ
แถมเหมือนต่อว่า มากกว่าจะต้องการบอก
เพื่อให้แก้ไข มันเป็นผ่านมาทางอารมณ์ สีหน้า
คำพูดที่ปนมากับความจริง
ดูเหมือนว่าความจริงจะมีพลังมาก
แต่ก็มาพร้อมอารมณ์ก่อนโตที่กำลังถาโถม
และถมทับตัวเรา
ทำให้คิดว่าคนที่พูดต้องการอะไรกันแน่
เรามองว่าการวิจารณ์แบบนี้ไม่ถึงกับไร้ประโยชน์
แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
มันทำให้จุกและเจ็บ
มากกว่าต้องการให้เปลี่ยนแปลง
"การวิิจารณ์ ควรวิจารณ์แบบมีความจริง
ความถูกต้องเป็นที่ตั้ง
เคลือบด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ
ของผู้วิจารณ์ ต้องโปร่งใส
และมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ทั้งจากตัวผู้รับฟัง และสิ่งที่จะเกิดในอนาคต"
ไม่ใช่เพื่อโจมตี ถากถ่าง หรือ แฉ
แม้เราทุกคนจะไม่ใช่มนุษย์ที่ืรับมือความจริงได้ดีหนัก แต่เมื่อเจอคำวิจารณ์ที่หวังดี
ก็รู้สึกว่ามันเปิดหูเปิดใจได้ง่ายกว่า
และเหมือนมีแรงฮึดที่จะสู้ มีกำลังใจจะไปต่อ
แต่สำหรับบางคนก็เลือกจะหลีกเลี่ยงการวิจารณ์
หรือพยายามอ้อมโลกไปไกล
เพราะรู้สึกว่ามันน่ากลัว และจริงเกินไป
แบบนี้เราก็จะห่างไกลจากการพัฒนาทั้งคนและศักยภาพ เพราะมัวแต่เกรงใจคน
แต่กลับไม่คิดว่าผลกระทบจากการเกรงใจ
อาจนำมาสู่ความผิดพลาดที่ร้ายแรง
และไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ถูกวิจารณ์เลย
สุดท้ายอ้อมไปอ้อมมา
เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะทำอะไรต่อ
จะเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ดังนั้น.....
จะวิจารณ์อะไร
ถ้ายังมีแค่ความจริง
แต่ยังไม่มีความเข้าอกเข้าใจ ก็หยุดไว้ก่อน
เมื่อเข้าใจแล้ว จงใช้เหตุผล+หัวใจ ไปด้วยกัน
จงวิจารณ์เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
ไม่ใช่เราคนเดียว
การวิจารณ์เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น
อาจใช้ในการทำงาน
การแสดงความคิดเห็น
หรือในชีวิตประจำ
แต่อย่าใช้บ่อยจนพร่ำเพรือ
กลายเป็นคนชอบวิจารณ์ไปซะทุกเรื่อง
เหมือนคนยุคนี้ที่ไม่ยั้งปาก ยั้งมือ ยั้งคิด และยั้งใจ
เพราะแค่วิจารณ์ได้เพราะมีมือและปาก
แต่ใช่ว่าจะวิจารณ์ได้อย่างมีศิลปะและมีความคิด
..โปรดใช้วิจารณญานและหัวใจในการวิจารณ์....
ขอบคุณภาพจาก franksonnenbergonline.com
โฆษณา