15 ต.ค. 2019 เวลา 10:29 • ประวัติศาสตร์
EP.3 | ความเสี่ยงของยุคนี้ คือ การมีรายได้ทางเดียว !!
ยุคนี้ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า การมีรายได้ทางเดียวถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากรายได้ดังกล่าวขาดหายไป ก็จะกระทบกับสภาพคล่องทางการเงินของพวกเราในทันที
โค้ชหนุ่มเล่าว่า ถ้าใครที่วางแผนการเงินพื้นฐานของตัวเองได้ดีและมีชีวิตการเงินที่เริ่มมั่นคงแล้ว ก็ควรคิดถึงการสร้างรายได้เสริมควบคู่ไปกับรายได้ปัจจุบันด้วย
โดยเน้นไปที่การพัฒนาต้นทุนทางปัญญาของตัวเองที่มี เช่น ความรู้ ทักษะ งานอดิเรก ประสบการณ์ การสร้างสายสัมพันธ์ และ ไอเดีย เเล้วพัฒนามันขึ้นมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อื่น จนสามารถเป็นรายได้ทางที่ 2, 3 และ 4 ได้
แล้วเราจะเริ่มสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเองได้อย่างไร โค้ชหนุ่มได้แนะนำให้วิเคราะห์โอกาสในการสร้างรายได้จากต้นทุนทางปัญญาอยู่ 4 ทาง เดี๋ยวสมองไหล...จะเล่าให้ฟัง
1) ความรู้และทักษะที่มี
อันดับเเรกลองค้นดูหลักฐานการศึกษาหรือประกาศนียบัตร ฝึกอบรมที่เคยผ่านมาทั้งหมด เพราะมันอาจเจอไอเดียในการเริ่มต้นอาชีพเสริมได้
เช่น เรียนจบมาทางบัญชี ก็อาจหารายได้เสริมโดยการรับจ้างทำบัญชี หรือถ้าเคยเข้าคอร์สเรียนทำขนมก็อาจเอาความรู้มาลองทำขนมขาย หรือจะทำคลิปวิดีโอสอนทำขนม เพื่อรับค่าโฆษณาจากทางยูทูบบ้างก็ได้
อย่างตัวผมเองสมัยมัธยมเคยเป็นนักกีฬาเทควันโด ก็เลยไปขอทางโรงเรียนเปิดชมรมเทควันโดโดยผมจะเป็นคนสอนในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ผมเริ่มทำใบปลิวประชาสัมพันธ์เพื่อหาคนที่สนใจเรียน โดยเก็บค่าเรียนไม่เเพงคนละ 500 บาท เพราะไม่มีภาระค่าเช่าสถานที่
1
ซึ่งตอนนั้นมีคนสนใจมาเรียนกับผมประมาณ 20 คน ผมจึงมีเงินเก็บเดือนละ 10,000 บาท ในตอนนั้น
ปัจจุบันผมออกมาเปิดเป็นโรงเรียนสอนเทควันโดของตัวเอง เเล้วจ้างครูมาสอนเเทน เนื่องจากผมต้องการออกมาหาประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจในกรุงเทพฯ
2) งาน งานอดิเรก หรือประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
สำรวจตัวเองดูว่างานที่เคยทำหรืองานอดิเรกคืออะไร เคยถูกเจ้านายมอบหมายให้ทำอะไรบ้าง เคยมีประสบการณ์ทำกิจกรรมอะไรกับเพื่อนๆสมัยมหาวิทยาลัยหรือเพื่อนที่ทำงานบ้าง
ลิสต์ออกมาให้หมด แล้วลองนั่งคิดต่อยอดดูทีละอย่างว่าอะไรที่พอจะสร้างเป็นงานเสริมได้บ้าง เเละที่สำคัญต้องค้นหาตลาดให้เจอ
ถ้าเป็นคนชอบกินชอบเที่ยวก็ลองทำเพจ ชวนกิน พาเที่ยว ลงในสื่อออนไลน์เพื่อรับค่าโฆษณา
หรืออย่างตัวผมเองชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก เวลาอ่านหนังสือเยอะๆมันก็จะมีไอเดียใหม่ๆ ซึ่งไอเดียเหล่านั้นก็สามารถนำมาเขียนบทความให้เหล่านักอ่านได้
ส่วนตลาดของการอ่าน ก็คือ Blockdit นี่เเหละ เมื่อที่ไหนมีตลาดรองรับที่นั้นก็ย่อมมีรายได้ตามมา
เเละผมก็เชื่อว่าหลายคนที่อ่านบทความนี้อยู่ก็กำลังมีรายได้เสริมจากงานอดิเรกนี้เช่นกัน
3) สายสัมพันธ์ที่นำไปสู่โอกาสทางธุรกิจ
ลองมองดูคนรอบข้างว่าเขาทำอะไรอยู่ แล้วลองหาช่องทางเชื่อมโยงกับเขาเพื่อสร้างเป็นรายได้เสริม ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้เหมือนกัน
โค้ชหนุ่มเล่าว่า เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเธอไปสมัครเรียนคอร์สงานคราฟต์แบบ DIY (Do It by Yourself) ทั้งงานไม้ งานเย็บปักถักร้อย
หลังเรียนจบเธอเรียนเย็บซองผ้าสำหรับใส่โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตส่งเป็นการบ้าน แล้วโพสต์รูปลง Facebook เพียงเพื่อยากโชว์ผลงานตัวเอง
หลังจากโพสต์ไปได้ไม่นานก็มีเพื่อนติดต่อหลังไมค์มาขอให้เธอเย็บซองผ้าสำหรับใส่โทรศัพท์จำนวน 300 ชิ้น เป็นของชำร่วยแจกงานแต่งงาน
เเน่นอนว่าเธอไม่สามารถเย็บคนเดียวได้ทั้ง 300 ชิ้นอยู่เเล้ว เธอจึงรับหน้าที่การตลาดเเล้วนำงานไปจ่ายให้กับทุกคนที่มาเรียนคอร์ส DIY ด้วยกัน
เพียงเท่านี้อาชีพเสริมเล็กๆ ก็เริ่มตันขึ้นได้แล้ว แถมยังมีพอร์ตงานเอาไว้โชว์ลูกค้าคนอื่นเพื่อรับงานในอนาคตได้อีก
4) ไอเดียทางธุรกิจ (จากปัญหาที่พบ)
แนวทางสุดท้ายก็คือ ไอเดียงานเสริมหรือธุรกิจที่เกิด "ปัญหา" ร่วมกันของคนส่วนใหญ่ และเรามองเห็น "โอกาส" "ช่องว่าง" หรือ "วิธีการ" ที่สามารถ "จัดการ" กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แบบนี้ก็สามารถพัฒนาเป็นอาชีพเสริม และต่อยอดเป็นธุรกิจได้เหมือนกัน
1
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยช่วงพิธีรับปริญญา โดยมหาลัยที่ผมเรียนจะมีการซ้อม 2 วัน เเละรับจริง 3 วัน
เเต่ทุกครั้งที่เข้าหอประชุมทุกคนจะไม่สามารถนำอะไรติดตัวเข้าไปได้นอกจากเงินที่เป็นธนบัตรเท่านั้น
มันจึงเป็น “ปัญหา” กับนักศึกษาหลายคน เพราะยังไงก็ต้องเอาโทรศัพท์ติดตัวมา ไม่อย่างนั้นเวลาออกจากหอประชุมจะติดต่อคนยังไง หรืออย่างน้อยถ้าไม่มีโทรศัพท์ก็ต้องมีกุญเเจรถติดมาอยู่ดี เเม้เเต่ตัวผมเองก็พบกับปัญหานั้นเช่นกัน
หลายคนเเก้ปัญหาโดยการนำไปซ่อนไว้ตามพุ่มไม้ หรือฝังดินเเถวนั้น
นั่นจึงทำให้ผมมองเห็น ”โอกาส” จาก “ปัญหา” ในครั้งนี้ เเละเดินไปสอบถามเพื่อนๆหลายคนว่า “ถ้ามีคนมาเปิดบริการรับฝากของชิ้นละ 20 บาท จะใช้ไหม”
หลายคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช้” เพราะไม่มีทางเลือก เสียเงิน 20 บาทมีคนเฝ้าของก็ยังดีกว่าเอาไปเเอบใต้พุ่มไม้ ที่ต้องกังวลว่าจะมีคนมาขโมยหรือฝนจะตกทำให้ของเสียหายหรือเปล่า
ทันทีที่ผมรู้ “ความต้องการของลูกค้า” เเล้ว ผมก็รีบมองหาเพื่อนที่รับปริญญาคนละวันกับผมอีก 3 คน เเละตกลงกันว่าจะสลับกันดูเเลโต๊ะรับฝากของในวันที่ตัวเองไม่ได้เข้ารับปริญญา เเละเเบ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายคนละ 25%
หลังจากทีมงานพร้อมผมก็เปิดบริการรับฝากของนี้ทันทีในวันต่อมาเเละมีคนเข้ามาใช้บริการมากมาย
หลังจากจบงาน 4 วัน เรามีรายได้รวมกันกว่า 60,000 บาท หักค่าเช่าโต๊ะ เช่าตู้เก็บของ เเบ่งกันตกประมาณคนละ 15,000 บาท
หลังจากได้ฟังเเนวทางเเละตัวอย่างทั้ง 4 ข้อเเล้ว คราวนี้มาลองประเมินโอกาสในการสร้างรายได้ของคุณให้มีหลากหลายทางดู ลิสต์ออกมาเเล้วเขียนลงในกระดาษให้เยอะที่สุดก่อน
อย่าเพิ่งคิดว่าอะไรจะทำหรือไม่ทำ สร้างทางเลือกให้มากพอก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจทีหลังว่าอะไรคือทางเลือกที่ดีที่สุดเเล้วเริ่มลงมือทำได้เลย !!
หากถูกใจบทความนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ เเละกดติดตามเพจ "สมองไหล" กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ ที่มีมาเสริฟให้คุณทุกวัน
ขอบคุณครับ 🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา