16 ต.ค. 2019 เวลา 10:56 • การศึกษา
ควันหลง 14 ตุลา และ 6 ตุลา กับคำว่า "คอมมิวนิสต์"
เมื่อคุณได้ยินคำว่า "คอมมิวนิสต์" คุณคิดว่ามันน่ากลัวหรือไหม .. ?
“ฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาป” - กิตติวุฑโฒ ภิกขุ
ในช่วงเวลาหนึ่งของการเมืองไทย "คอมมิวนิสต์" ได้กลายเป็นวาทกรรมอันน่าสะพรึ่งกลัวของสังคมไทย และถูกฝ่ายขวา อันได้แก่กลุ่มนวพล กลุ่มกระทิงแดงในสมัยนั้นนำไปใช้เป็นวาทกรรมโจมตีฝ่ายซ้าย และปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดชังนิสิตนักศึกษาที่ชุมนุมต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจรในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนนำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงในวันที่ 6 ตุลา 2519
ปัจจุบันคำว่า "คอมมิวนิสต์" (Communist) ก็ไม่ได้หายไปไหน ดังจะเห็นได้จาก คำว่า "คอมมิวนิสต์" ถูกพูดถึงในการบรรยายของ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เมื่อไม่นานมานี้เอง
_(1)_สิ่งที่ผู้เขียนจะได้เล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จากการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่หนึ่งของจังหวัดน่านเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว.. ซึ่งเป็นการพูดคุยกับกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับสงครามการปราบปรามคอมมิสนิสต์ของรัฐไทย..
_(2)_ในการเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำและเกร็ดความรู้มากมาย.. เมื่อได้เดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนั้น อันมีทำเลที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้อันเขียวขจี..
ภาพจาก ท่องทั่วไทย: เที่ยวอำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
_(3)_ในขณะลงพื้นที่เก็บข้อมูลของชุมชนไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต ปัญหาต่าง ๆ ผู้เขียนได้พบกับกลุ่มชาย 3 คน กำลังนั่งล้อมวงคุยกันอยู่ .. ทุกคนอาจคิดว่ามันก็คงเป็นวงสนทนาตามประสาชาวบ้านไม่น่ามีอะไรเป็นพิเศษ ..
_(4)_แต่ทว่า.. ท่ามกลางชายสูงวัย 3 คน มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนและกลุ่มเพื่อนต้องชะงัก และต่างคิดกันว่ายังไงก็ต้องเข้าไปพูดคุยด้วยให้ได้ ..
_(5)_สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนและผองเพื่อนชะงักงันก็คือ "ขา" ของคุณลุงคนหนึ่งที่พิการ (ขาด) โดยสวมปลอกไม้ที่มีรูปทรงคล้ายไม้ไผ่เอาไว้ ..
**ขออนุญาตเบลอหน้า** ภาพนี้ใช้เพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น
_(6)_เมื่อได้ตรงเข้าไปพูดคุยเรื่องวิถีชีวิตทั่วไปแล้ว .. ธรรมชาติของการเรียนรัฐศาสตร์ก็ได้พาวงสนทนานั้นไปสู่ประเด็นเรื่อง "คอมมิวนิสต์" ที่ซึ่งเป็นความทรงจำหนึ่งที่ชมชุนนี้ไม่เคยลืม..
_(7)_คุณลุงทั้งสามได้เล่าถึงประสบการณ์ของตนที่ได้ต่อสู้กับทางรัฐบาลไทยที่ต้องการจะปราบปรามคอมมิวนิสต์ในเขตพื้นที่สีแดง.. ไม่ว่าจะเป็นการเดินลาดตระเวนเพื่อแวดระวังให้กับหมู่บ้าน รวมไปถึงหาข่าวกรองเพื่อใช้สำหรับการวางแผนการป้องกัน..
_(8)_แต่ทว่าประเด็นที่น่าสนใจคือ .. คุณลุงทั้งสามบอกว่า "พวกเราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคอมมิวนิสต์ !!" ลุงคนที่ขาพิการได้เสริมว่า .. "พวกหนูเชื่อเถอะ เราไม่ได้อยากเป็นคอมมิวนิสต์เลย แต่ที่เราต้องต่อสู้กับรัฐบาลกับทหารก็เพราะ..พวกเขายัดเยียดให้เราเป็น"
_(9)_"หนูเรียนมา พวกหนูรู้ว่าในช่วงเวลานั้นเพื่อนบ้านเราไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม ลาว ต่างก็เป็นคอมมิวนิสต์กันหมดแล้ว .. " ลุงคนที่ขาพิการกล่าวต่อ..
_(10)_"พวกเพื่อนบ้านเรา เขาบอกกับพวกลุง ๆ ว่า ไม่ว่าจะสู้หรือไม่สู้ก็ต้องตาย .. สู้ไม่ดีกว่าหรอ ?" ลุงคนหนึ่งกล่าวเสริม "รัฐบาลเขาก็เดินหน้าปราบปรามอย่างเดียว โดยเฉพาะพวกนักศึกษาที่มันหนีเข้าป่า.." "เราจึงจำใจสู้เพื่อเอาตัวรอด"..
_(11)_"ก็เพราะรัฐบาลยัดเยียดให้เราเป็น .. ให้เราทำยังไงได้ ไม่สู้เราก็ตาย" "ขาที่ขาดของลุงเนี่ย .. ก็เพราะเหยียบกับดักระเบิดของพวกทหารตอนลาดตระเวนนี่ละ" ลุงคนที่ขาพิการกล่าว..
_(12)_จากที่ได้เล่ามาเป็นเพียงบทสนทนาพอสังเขป (เท่าที่ผู้เขียนจำได้) .. ความน่าสนใจของบทสนทนานี้คือ "ความเลวร้ายของคอมมิวนิสต์เป็นสิ่งที่รัฐบาลในสมัยนั้นปลุกปั่นและสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชน จนนำไปสู่ความแตกแยกและบานปลายและนำมาสู่เหตุการณ์ความรุนแรง"
_(13)_ในมุมมองของรัฐไทย คอมมิวนิสต์คือมะเร็งที่จะมาบั่นทอนประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์ หากแต่.."เราไม่เคยที่จะรับรู้ในมุมมองของคนที่ (ถูกทำให้) เป็นคอมมิวนิสต์เลย"
_(14)_บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีรัฐไทย หากแต่เป็นการนำเสนอมุมมองอีกมุมของผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐ เพื่อชวนทุกคนมาช่วยกันคิดและแลกเปลี่ยนความเห็นเพียงเท่านั้น..
*** หากผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ ผู้เขียนพยายามนั่งเข้าฌานนึกแล้ว.. หากชอบกดไลค์ หรือแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้เพจไม้ขีดไฟด้วยนะครับ
___รายการอ้างอิง___
สุรพศ ทวีศักดิ์. (2013). 6 ตุลา “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” สืบค้นจาก https://prachatai.com/journal/2013/10/49085
1
โฆษณา