19 ต.ค. 2019 เวลา 06:32 • ไลฟ์สไตล์
นิทาน คู่แท้.........
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
บนโลกเล็กๆใบหนึ่งของเหล่ารองเท้าที่มีชีวิต
และใช้ชีวิตไม่ต่างจากโลกมนุษย์
โลกที่มีรองเท้าหลากหลายสารพัด
เพียงแต่ผู้ชายจะเป็นรองเท้าข้างขวา
และผู้หญิงจะเป็นรองเท้าข้างซ้าย
รองเท้าแตะเหยียบดวงจันทร์
คนบนโลกรองเท้านี้....เชื่อว่า
รองเท้าทุกข้างต้องมีคู่
และคู่ที่แท้จริงต้องเหมือนกันทุกประการ
ถึงจะอยู่กันอย่างมีความสุข
มากกว่านั้นเขื่อว่า
หากใครเจอคู่แท้ของตนเอง
ชีวิตจะเป็นสุข ประสบความสำเร็จ
ณ กระท่อมเล็กๆ ในป่าแห่งหนึ่ง
มีรองเท้าแตะหนุ่มข้างหนึ่งที่เป็นผู้ชาย
กำลังนั่งมองท้องฟ้า และคิดอยู่เสมอว่า
คู่ของมันอีกข้างนั้นอยู่ที่ไหน
พ่อและแม่ของรองเท้าแตะหนุ่ม
ล้วนเป็นรองเท้าแตะเหมือนกันแต่ก็ต่างชนิดกัน
แม่เป็นรองเท้าแตะสีขาว หูสีฟ้า
ส่วนพ่อเป็นรองเท้าแตะที่สานด้วยฟาง
เพราะไม่เหมือนกันทุกอย่างจึงไม่ใช่คู่แท้ของกันและกัน
เมื่อรองเท้าแตะหนุ่มลืมตาดูโลกได้ไม่นาน
พ่อก็จากไปด้วยการทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
ส่วนแม่ก็ดูแลอีกไม่กี่ปีก็ล้มป่วยและจากไป
มันจึงอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
และวันนี้เป็นวันที่เจ้ารองเท้าแตะหนุ่มตัดสินใจ
ออกเดินทางเพื่อตามหาคู่แท้ของมัน
มันเดินทางโดยตลอดและไร้จุดหมาย
ผ่านไปแต่ละเมือง ที่มีเหล่ารองเท้ามากมาย
แต่ก็ยังไม่พบเจอคู่แท้ของตัวเอง
หลายปีผ่านไป...จนกระทั่งวันหนึ่งมันพลัดตกหน้าผา
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา มันพบว่าตัวเองอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
ที่มีรูปปั้นนางฟ้า มันจึงขอบคุณรูปปั้นและขอพร
ให้ความฝันเป็นจริง
เมื่อได้ยิน นางฟ้าจึงปรากฏตัวและเอ่ยว่า
“จงเดินทางไปทิศเหนือจะพบสิ่งที่เจ้าต้องการ
นอกจากนี้ข้าจะให้พรเจ้าสมหวังได้ 1 ข้อ
เมื่อเจ้าได้แต่งงาน
แต่มีข้อแม้ว่า….
พรนี้จะไม่สามารถใช้ได้กับคนที่เคยใช้มันไปแล้ว
หรือได้รับมัน และต้องใช้ชีวิตของเจ้าเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
จงจำให้ขึ้นใจ”
เมื่อกล่าวจบ นางฟ้าก็หายตัวไป
เจ้ารองเท้าแตะก็เดินทางขึ้นทางทิศเหนือ
หลายปีผ่านไปมันเดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง
ด้วยความอ่อนแรงมันจึงเป็นลมหมดสติ
เมื่อตื่นขึ้นมามันพบก็กับรองเท้าผ้าใบสาวสีชมพูข้างหนึ่ง
คอยดูแลมันอยู่ เธอช่วยมันขณะที่กำลังเอารูปวาดไปขายที่ตลาด
เจ้ารองเท้าแตะหนุ่มจึงพักฟื้นที่บ้านของรองเท้าผ้าใบสาว
และช่วยทำงานอื่นๆเพื่อตอบแทนที่ช่วยชีวิต
หลายปีผ่านไป มันรู้สึกว่ารองเท้าผ้าใบสาวดีกับมันมาก
เธอเป็นนักวาดรูปที่มีพรสวรรค์
แม้จะขายรูปได้ราคาไม่มากนัก
แต่ผู้คนทุกคนก็มีความสุขที่ได้เห็นรูปวาดของเธอ
แม้แต่เจ้ารองเท้าแตะหนุ่ม
โดยเฉพาะ รูปวาดทางเดินในหุบเขา
ที่ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
เหมือนความรู้สึกของมันที่กำลังตามหาคู่แท้
จนมันเริ่มตกหลุมรักผู้ที่วาดรูป มากขึ้นทุกๆวัน
แต่ทุกครั้งที่คิดว่ารองเท้าผ้าใบสาวยังไม่ใช่คู่แท้ของมัน
มันจึงยกเลิกความตั้งใจที่จะขอเธอแต่งงาน
จากนั้นไม่นานมันจึงออกเดินทาง..เพื่อตามหาคู่แท้ต่อไป
ในวันที่มันออกเดินทางไปสักพัก
ได้มีโจรป่าบุกเข้ามาปล้นในหมู่บ้าน
เมื่อรองเท้าแตะหนุ่มเห็นกองไฟลุกโชนจากหมู่บ้าน
จึงรีบวิ่งกลับมา และเห็นรองเท้าผ้าใบสาวบาดเจ็บ
และสลบอยู่ใต้กองอิฐ...ภายใต้กองไฟกลางหมู่บ้าน
มันจึงรีบเข้าไปช่วยและพามาพักฟื้นที่บ้าน
และจากไป.... เพื่อตามหาคู่แท้เช่นเดิม
เมื่อรองเท้าผ้าใบสาวฟื้นขึ้นมา
เพื่อนบ้านจึงเล่าให้ฟังว่า
รองเท้าแตะหนุ่มเข้ามาช่วยเธอ
ก่อนตามเพื่อนบ้านมาช่วยดูแลต่อ
และจากไปก่อนที่เธอจะฟื้น
รองเท้าผ้าใบสาวเสียใจมาก
เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
มันหลงรักเจ้ารองเท้าแตะหนุ่มมาโดยตลอด
แต่ทุกครั้งเจ้ารองเท้าแตะหนุ่ม
มักจะชอบพูดเรื่องตามหาคู่แท้
ทำให้เธอปวดใจที่ได้ยินอยู่เสมอ
จึงไม่กล้าพูดความในใจออกไป
ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งรองเท้าแตะอาจเปลี่ยนใจ
แต่สุดท้ายแต่สุดท้าย...ก็ยังเลือกตามหาคู่แท้อยู่ดี
หลายปีผ่านไปเรื่องราวของรองเท้าแตะหนุ่มก็ถูกลืมเลือน
ยกเว้นในความทรงจำของรองเท้าผ้าใบสาว
ด้วยความที่ทนเสียใจเรื่องรองเท้าแตะหนุ่มอยู่นาน
เธอจึงตัดสินใจย้ายบ้านไปที่หมู่บ้านอื่น
เพื่อที่จะได้ลืมความทรงจำและความรู้สึก
เกี่ยวกับความรักของเธอ
ในขณะที่เก็บของเธอพบจดหมายฉบับหนึ่ง
ซ่อนอยู่หลังภาพวาดที่รองเท้าแตะหนุ่มชอบดู
เธอแปลกใจและเปิดอ่าน และพบว่ามันเป็นจดหมาย
ของรองเท้าแตะหนุ่มนั่นเอง
.
“ถึงสาวน้อยสีชมพู
ถ้าเธอได้เห็นจดหมายนี้
นั่นแสดงว่าชั้นได้จากเธอไปแล้ว
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เธอทำให้ชั้น
ซึ่งเธอก็รู้ว่า...สิ่งที่ชั้นตั้งใจ
คือการหาคู่แท้ของชั้นให้เจอ
แต่ไม่รู้ทำไมระหว่างอยู่ด้วยกัน ชั้นกลับตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว
และสับสนมาตลอด....ว่าจะเลือกความรักที่อยู่ตรงหน้า
หรือสิ่งที่ฝันและตั้งใจ...ตามหามาตลอด
จนวันสุดท้ายที่ออกเดินทาง
วันที่ชั้นออกเดินทางมันแย่มากๆ
ชั้นไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือไม่
เพราะมันเป็นการหาคู่แท้ที่ปวดใจมากกว่าครั้งไหนๆ
แต่เมื่อเห็นควันไฟจากหมู่บ้าน ชั้นก็ลืมความฝันทุกอย่าง
สิ่งเดียวที่ชั้นคิดถึงอันดับแรกคือเธอ
และเมื่อชั้นพบเธอนอนสลบอยู่ และบาดเจ็บ ใจชั้นแทบสลาย
เลยรู้ใจตัวเองตั้งแต่ตอนนั้นว่า
ชั้นควรเลือกความรักมากที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
การตามหาคู่แท้ที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่
ต้องขอโทษที่จากไปโดยไม่ได้ร่ำลา
และถือวิสาสะตอนที่เธอยังไม่ฟื้น
ขอเธอแต่งงาน
เพราะชั้นได้พรจากนางฟ้า ที่ขออะไรก็ได้ 1 อย่าง
เมื่อได้แต่งงานแล้ว แต่ค่าตอบแทนมันสูงมาก...
เพราะต้องแลกกับชีวิตของชั้น แต่ชั้นก็ไม่เสียใจ
ชั้นยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้เธอฟื้นกลับมา
จึงขอพรให้เธอปลอดภัย แม้รู้ว่าจะไม่ได้อยู่กับเธออีก
มันอาจเป็นการใช้ชีวิตแต่งงานที่สั้นที่สุด
แต่ก็มีค่าที่สุด แม้แลกด้วยชีวิต
บางทีระยะเวลาของการมีความสุข
อาจไม่เท่ากับช่วงเวลาที่ได้รับสุขที่แท้จริง
ขอบคุณที่ได้เจอเธอ
ที่ทำให้มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต
และเพราะเธออีกเช่นกัน....
ที่ทำให้ทุกการค้นหาในชีวิตของชั้น....
ได้ถึงจุดหมายแล้ว
.
.
รักเธอ…เจ้าสาวของชั้น
.
.
"รองเท้าแตะ”
คืนนั้นตลอดคืนชาวบ้านทุกคนได้ยินเสียงหญิงสาว
ที่ร้องไห้อย่างสุดใจตลอดคืน
ตั้งแต่นั้นมารองเท้าผ้าใบสาวก็ไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นอีกเลย
และทุกครั้งที่มีคนมาหาเธอที่บ้าน
จะเห็นรูปเขียนของเธอรูปหนึ่งแขวนอยู่ในบ้าน
มันเป็นรูปเขียนที่เป็นทางเดินในหุบเขา
ที่เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
แต่ต่างออกไปเพราะมีรูปรองเท้าแตะ
และรองเท้าผ้าใบสีชมพูเดินด้วยกันอย่างมีความสุข
เมื่อมีคนถามว่ารูปนี้ชื่อรูปว่าอะไร
เธอจะยิ้มและตอบกับทุกคนว่า
.
.
“ชื่อรูป....รักแท้ค่ะ”
.
.
“รองเท้าแตะเหยียบดวงจันทร์”
โฆษณา