20 ต.ค. 2019 เวลา 11:22 • ข่าว
== คลังชง ครม. 22 ต.ค.นี้ ต่อยอด “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 ไม่แจกเงิน 1 พัน ให้ขอเงินคืน 15% ==
Cr.workpointnews
คลังเตรียมต่อยอดชิมช้อปใช้เฟส 2 หลังคลังเตรียมเสนอ ครม. 22 ต.ค.นี้ หวังสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านร้านค้ารายย่อยในโคราช พร้อมกระตุ้นนักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋าที่ 2 ในแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง โดยเฟส 2 จะไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท เหมือนเฟสแรก โดยให้ใช้เงินตัวเอง แต่สิทธิประโยชน์จะได้เงินคืน (Cash Back) ได้สูงกว่า 15% สูงสุด 6,000 บาท
1
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.62 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ได้เดินทางลงพื้นที่ที่ตลาดนัดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยของผู้ได้รับสิทธิ์โครงการชิมช้อปใช้ผ่านร้านค้ารายย่อยในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งรณรงค์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ออกมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกระเป๋า 2 เพราะสามารถได้รับเงินคืนสูงถึง 15%
พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกรายห้ามละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกปิดแอ๊พถุงเงินทันที และจะถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในอนาคต ทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ด้วยการเปิดรับแลกสิทธิ์ 1,000 บาท เป็นเงินสดหรือแลกสิทธิ์ข้ามจังหวัด เป็นต้น
Cr.workpointnews
สำหรับความคืบหน้าของเฟส 2 นั้น กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ต.ค.นี้ หวังดึงประชาชนร่วมโครงการจาก 10 ล้านคน ประมาณ 2-5 ล้านคน การเพิ่มจำนวนร้านค้าด้วยการดึงเครือข่ายลูกค้าของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมอีกราว 1 แสนร้านค้า หลังจากเฟสแรก มีร้านค้าใหม่มาร่วมโครงการเกือบแสนราย รวมทั้ง ต้องปรับเวลาการลงทะเบียนเป็นกลางวัน และหวังขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการออกไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 62 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เมื่อ ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้ว จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน สิ่งจูงใจในการร่วมลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 กระซิบบอกได้เลยว่าน่าสนใจไม่แพ้ชิมช้อปใช้เฟสแรกอย่างแน่นอน
สรุปยอดการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 62 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1 จำนวน 8,537.2 ล้านบาท จากกระเป๋า 2 จำนวน 139.6 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม จำนวน 1,241.0 ล้านบาท ร้านช้อป จำนวน 4,847.1 ล้านบาท ร้านใช้ จำนวน 116.4 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,472.3 ล้านบาท
ขณะที่ นายภูมิศักดิ์  อรัญญาเกษมสุข อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลาง ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องของการรับสมัครผู้ประกอบการร้านค้าเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมาตรการได้รับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการและมีเม็ดเงินกระจายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งมาตรการ ชิมช้อปใช้ ระยะแรก ในขณะนี้มีร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการแล้วกว่า 177,655 ร้านค้า โดยเป็นร้านค้ารายใหม่ที่ Walk in เข้ามาลงทะเบียน จำนวน 97,655 ร้านค้า ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มี App ถุงเงินเดิมอยู่แล้วกว่า 50,000 ร้านค้า และร้านค้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่อง EDC อีกกว่า 30,000 ร้านค้า
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ และได้ใช้สิทธิ์วงเงิน 1,000 บาท ใน G-Wallet 1 หมดแล้ว สามารถเติมเงินของตนเองได้ในกระเป๋า G-Wallet 2 โดยสามารถใช้จ่ายเงินได้ทุกร้านทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน ซึ่งการใช้จ่ายใน G-Wallet 2 จะได้รับเงินคืน 15% ของยอดใช้จริง รวมแล้วไม่เกิน 4,500 บาท (จากยอดใช้จ่ายสูงสุด 30,000 บาท)
ดังนั้น จึงอยากเน้นย้ำให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์แล้ว ให้รีบไปใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด ส่วนผู้ที่สนใจจะลงทะเบียนในเฟส 2 ขอให้วางแผนการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายเงินให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ และเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง)
อ่าน "คลินิกการลงทุน" สนุกขึ้นในแอปฯ "Blockdit"
ดาวน์โหลดได้ที่: http://www.blockdit.com/app
ช่องทางติดตาม "คลินิกการลงทุน"
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา