22 ต.ค. 2019 เวลา 00:29 • กีฬา
เรื่องดีๆที่ถูกมองข้าม
หลังจบเกมเมื่อคืนระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ที่เสมอกันไป 1-1 นั้น กระแสคงหนีไม่พ้นเรื่องกรรมการอย่าง แอตกินสัน ที่ทำหน้าที่ตัดสินได้ค้านสายตาในหลายๆจังหวะ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ในโลกโซเชี่ยล
เรื่องนี้ผมขอมองผ่านงดออกความคิดเห็นไปเลยแล้วกัน เรื่องจากเป็นที่พูดถึงกันทั้งวันไปแล้วเมื่อวาน
สิ่งที่ผมอยากจะพูดในวันนี้คือนักเตะตัวสำรองอย่าง ลัลลานา,อ๊อกซ์เล็ด และ เกอิตา
อย่างที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ บอกเอาไว้ก่อนเริ่มฤดูกาลว่า"ถ้าหาก เกอิตา,ลัลลานา และ อ๊อกซ์เล็ด ฟิตเต็มถังเมื่อไหร่ เหมือนว่าเราได้นักเตะใหม่มา 3 คนโดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อแม้แต่ปอนด์เดียว"
เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทั้ง 3 คน สลับกันบาดเจ็บออดๆแอดๆอยู่เรื่อย จนไม่มีใครที่มีศักยภาพพอที่จะเบียดตัวจริง อย่าว่าแต่เบียดตัวจริงเลยครับ เอาแค่ให้มีชื่อมาเป็นตัวสำรองให้ได้ก่อน
อย่าง ลัลลานา นี่ได้ลงตัวจริง พอนัดถัดไปได้เล่นเป็นตัวสำรอง....นัดถัดไปเจ็บ!!
อ๊อกซ์เล็ด นี่หนักกว่าเพื่อน เหมือนว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บหนัก แต่สุดท้ายยังมีอาการวิตกกังวลและขุ่นเคืองเล็กน้อยจากบาดแผลที่เคยได้รับ
ส่วน นาบี เกอิตา คือนักเตะราคาแพงที่หลายคนฝากความหวัง(รวมถึงตัวผมด้วย) เปิดหัวอย่างดีใน 4 แมตช์แรกของฤดูกาลที่แล้ว โดยการเป็นตัวจริงทุกนัด แต่หลังจากนั้นเป็นสำรองสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนจนอยู่ดีๆก็มีอาการบาดเจ็บ
และที่น่าโมโหที่สุดคือแม้ว่าเจ้าตัวยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ แต่โค้ชทีมชาติกินีอย่าง ยังดันทุรังเรียกไปติดทีมชาติ แถมยังออกมาสวนเจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยในตอนนั้น จนตอนนี้มีข่าวว่าโดนสหพันฟุตบอลของทีมชาติกินีเรียบร้อยเนื่องจากเรื่องราวของเกอินตานี่แหละ (ก่อนหน้านั้นโดนไล่ออกเพราะฟอร์มไม่ดี)
ส่งผลให้เจ้าตัวยังมีอาการบาดเจ็บยิบย่อยไม่หายเสียที สร้างความน่ารำคาญให้กับแฟนบอลเรื่อยๆ
กลับมาที่เกมเมื่อคืนก่อน
เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกเทหมดหน้าตักในการทวงประตูตีเสมอแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการส่ง อ๊อกเล็ด,เกอิตา และ ลัลลานาลงสนาม
ปกติแล้วเมื่อลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายนำหรือเกมที่ยังเสมอกันอยู่ บอสจะเลือกส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงเป็นคนแรก เพื่อเพิ่มเกมรุกทางริมเส้นและเป็นการป้องกันทางริมเส้นไปในตัวด้วยเหมือนกัน
แต่เมื่อถึงช่วงท้ายเกมเมื่อคืนก่อนที่สถานการณ์ของลิเวอร์พูลยังไม่กระเตื้องขึ้น คราวนี้ มิลเนอร์ กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่ถูกใช้งาน
นักเตะที่อยากพิสูจน์ตัวเองทั้ง 3 คน ฟิตเต็ม 100 พร้อมลงสนาม และเมื่อลงมา รูปเกมเปลี่ยนทันที
โอริกี้ ถูกแทนที่ด้วย อ๊อกซ์เล็ด ที่ขยับเข้ามาเล่นด้านในมากกว่าเดิม และเน้นการจ่ายบอล+การทำประตูนอกกรอบเขตโทษ
เฮนเดอร์สัน ถูกแทนด้วย ลัลลานา สิ่งที่แตกต่างก็คือในสถานการณ์บีบบังคับ ลัลลานา มีศักยภาพในการเข้าโจมตีมากกว่า เฮนเดอร์สันทั้งลูกพาบอลขึ้นไปข้างหน้า เล่นพื้นที่แคบๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ
หากมีซาลาห์ หรือ ชาคิรี่ บนม้านั่งสำรอง แน่นอนว่า เกอิตา จะไม่ถูกสั่งให้เปลี่ยนชุดพร้อมลงสนาม แต่เมื่อไม่มีทั้งคู่
และทีมต้องการความเปลี่ยนแปลง ตัวเลือกสุดท้ายจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มิดฟิลด์ทีมชาติกินี
ไวจ์นัลดุม กับ เกอิตา มีความคล้ายคลึงกันมาก แต่มีบางสิ่งเล็กน้อยที่ต่างกันคือ ไวจ์นัลดุม จะคอยเป็นผึ้งงาน เชื่อมเกมและวิ่งไล่บอลทั่วสนาม มักจะวิ่งเข้าเขตโทษบ่อยๆ
แต่ เกอิตา จะเป็นมิดฟิลด์แบบดับเครื่องชน มีทัศนวิสัยในการจ่ายบอลที่ดีมากๆ และสามารถคุมเกมแดนกลางให้นิ่งได้ในการถ่ายบอลไปมา
อย่างที่บอกครับ หลังจากที่ทั้งสามคนลงมา ทุกอย่างเปลี่ยนทันที
อ๊อกซ์เล็ด คอยโจมตีจากระยะไกลอยู่นอกกรอบ
เกอิตา ใช้ความนิ่งในการเล่นบอลเพื่อคลายความกดดันของเพื่อนๆจากการร้อนรนที่จะรีบทำประตูตีเสมอ
ลัลลานา กลายเป็นตัวเองที่กล้าเล่นกล้าเลื้อย และโฉบมาทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ
แม้ว่าทั้ง 3 คน มิอาจช่วยให้ทีมพลิกกลับมาชนะ แต่ก็ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ไปได้
นี่คือเรื่องดีๆเพียงเรื่องเดียวในเกมเมื่อคืนก่อน
เมื่อยามที่เครื่องจักรสะดุด เรายังมีอุปกรณ์เครื่องใหม่เอี่ยมที่พร้อมทดแทนเสมอ
เปรียบเสมือนยางรถยนต์ที่อยู่ท้ายรถ จริงๆแล้วยางนั้นมันไม่ได้เป็นยางที่อ่อนด้อยกว่ายางที่ใช้วิ่งอยู่แล้งทั้ง 4 ล้อ แต่มันเป็นยางระดับเดียวที่มีติดรถไว้ในยามฉุกเฉิน และมันไม่ใช่ยางที่เกรดต่ำกว่าทั้ง 4 ล้อเลย
.
.
.
.
เช่นเดียวกับลิเวอร์พูล
เราไม่ได้มีนักเตะตัวสำรองอยู่ในทีมเลยสักคน เรามีแต่นักเตะตัวจริงที่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรองต่างหาก
#ปลายสตั๊ดสีแดง
โฆษณา